มาแลกเปลี่ยนเล่าสู่กันฟังค่ะ ^^
เราอยู่ญี่ปุ่นมา 9 เดือนแล้วค่ะ อีก 3 เดือนก็จะกลับไทยแล้ว มาเรียน 1 ปีค่ะ
ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ก็มีกุ๊กกิ๊กบ้าง
ต้องบอกก่อนว่า ปกติอยู่ไทยเราไม่ป๊อบเลยค่ะ ไม่มีเลย เงียบสงัดมาก
แต่พอได้มาอยู่ต่างประเทศ (ครั้งแรกในชีวิต)
พูดเลยว่า "ผู้หญิงไทยป๊อบปูล่ากับชาวต่างชาติมากกกกก" ฮา..
ไม่ใช่แค่เราคนเดียวนะคะ มีเพื่อนคนอื่น ๆ ก็ประสบพบเจอเช่นกัน
ก็มีทั้งรักแท้และแค่กุ๊กกิ๊กกัน
เดือนแรกที่เรามาอยู่ก็มีคนบังคลาเทศเข้ามาค่ะ
เค้าจะแชทหาเราเช้ากลางวันเย็น บอกว่าเค้าอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ อยู่กับใคร
แรก ๆ ก็รู้สึกดีนะ เหมือนเป็นแฟนคอยคุยกัน หลัง ๆ เริ่มหนักขึ้น เริ่มดูน่ากลัว
เรารู้มาว่าเค้ามีภรรยาแล้ว เราก็เลย fade ตัวออกมา ไม่ตอบ ไม่คุย
จนบางทีเค้าก็พิมพ์มาสั่งเราให้เราตอบ เราก็ยิ่งไม่อยากคุย ไม่อยากเจอ
แต่เนื่องจากเรียนที่เดียวกัน ก็เลี่ยงไม่ได้ เจอก็ทักธรรมดา ไม่ได้คุยเหมือนทุกที
เหมือนตอนหลังภรรยาเค้ามาอยู่ด้วย เค้าก็เลยเงียบ ๆ ไปเอง
เดือนถัดมามีคนเกาหลีเข้ามาค่ะ
เริ่มต้นด้วยชวนเราไปดินเนอร์ค่ะ บอกว่าอยากให้เราเป็นตัวแทนคนไทยเผื่อจัดปาร์ตี้กัน
เพื่อนเราก็บอกว่าไม่จริงหรอก เค้ามาจีบ อันนั้นเป็นข้ออ้างมากกว่า
แล้วก็จริงค่ะ เราก็ดินเนอร์กันบ้าง กินข้าวกลางวันบ้าง ทุกอาทิตย์
ของขวัญมาไม่เคยขาด ไม่ว่าจะวันธรรมดา วันคริสมาสต์ วันปีใหม่
วันสิ้นปีเราไป countdown กันที่ tokyo tower ได้จับมือกันครั้งแรก (กรี๊ดดดด)
ส่วนวันปีใหม่เค้าทำอาหารให้เราทานค่ะ เค้าบอกเป็นอาหารเกาหลีที่ทุกคนจะทานกันในวันปีใหม่
เหตุเกิดที่วันนึงเราติดพายุหิมะที่ hokkaido และกลับไทยไม่ได้
เค้าอยู่ tokyo แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย ไม่ได้แสดงความเป็นห่วง
พอเรากลับมา เราก็รู้สึกว่า ระยะหลังเหมือนโปรโมชั่นหมด เราก็เลย fade ตัวออกมา
วันวาเลนไทน์ เราให้ช็อกโกแลตเค้า พร้อมกับคืนของทั้งหมด และเขียนการ์ดบอกความในใจกับเค้า
ประมาณว่า เค้าไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่เค้ายังไม่ใช่สำหรับเรา และเราไม่อยากให้เค้ามาเสียเวลากับเราอีก
friends will always last forever คือเราแค่อยากเป็นเพื่อนกับเค้าเหมือนเดิม
หลังจากวันนั้น เค้าหนีหน้าเรา เจอกันที่มหาลัยก็ไม่ทัก ไม่มองหน้าเราเลยค่ะ สะบัดบ๊อบใส่อย่างเห็นได้ชัด
ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกเราไม่ได้ชอบเค้าค่ะ แต่การกระทำแรก ๆ เค้าดูใส่ใจเรามาก เราถึงเปิดใจ
แต่พออยู่ ๆ การกระทำเหล่านั้นหายไป ซึ่งมันแค่ไม่กี่เดือนก็หมดแล้ว เราเลยว่ามันไม่ใช่อ่ะค่ะ
ถัดมาเป็นรัสเซียเข้ามาค่ะ
คือเจอกันมานานแล้วล่ะ รู้จักตอนเราไปดูเกาหลีเล่นบอลกับเพื่อน ๆ
แต่ตอนนั้นรัสเซียไม่ add facebook เรามานะ ทั้ง ๆ ที่เราถ่ายรูปรวมและ tag คนในรูป
เค้าเองเป็นเพื่อนกับคนอื่น ก็ยังช่วย tag รูปเลย
มาเดือนก่อนเราลงเรียนวิชาเดียวกันค่ะ
เค้า add facebook เรามา แล้วก็แชทคุยกะเราเกือบทุกวัน บอกชอบเรา
เจอกันที่มหาลัยก็จะชมเราสวย ชอบเราแต่งตัว
มาหาเราที่ study room เราบ่อย ๆ
แต่เราก็พยายามไม่คุยด้วยมาก เพราะกลัวจะเป็นแบบกรณีเกาหลีอ่ะค่ะ ไม่อยากเสียเพื่อนไปอีกคน
อีกรายเป็นญี่ปุ่นค่ะ บอกก่อนว่า คนนี้เราไปชอบเค้าค่ะ
เราเคยเอาของขวัญวันเกิดไปแขวนที่หน้าห้องเค้า (อยู่หอเดียวกันแล้วห้องอยู่ตรงข้ามกันค่ะ)
เค้าก็ขอบคุณมากใน facebook เฉย ๆ
จนวันวาเลนไทน์ (วันที่บอกความในใจให้เกาหลี และบอกความในใจให้ญี่ปุ่นในวันเดียวกันเลย)
เราเอาช็อกโกแลตกับเขียนการ์ดบอกเค้าว่า เราชอบเค้า
แต่ไม่ได้หวังว่าเค้าจะต้องให้อะไรกลับมา ยังไงก็ friends forever นะ
ปรากฎว่า เค้าแชทมาชวนเราไปดินเนอร์ค่ะ เราดีใจมาก นึกว่าจะแปลว่าโอเค
วันที่ดินเนอร์กัน เค้าก็บอกว่า ถือซะว่าเป็น early white day นะ
ที่ญี่ปุ่นวัน valentine's ผู้หญิงจะให้ของขวัญผุ้ชาย
ส่วนวัน white day ถ้าผู้ชายให้ของขวัญกลับ แปลว่าโอเคค่ะ
วันที่ดินเนอร์เค้าเลี้ยงเราค่ะ (แต่เกาหลีชวนไปกินข้าวต้องหารกันตลอดนะ)
เราก็บอกว่าไม่ได้หรอก ไม่เป็นไร เราช่วยออก
เค้าบอกมาว่า ไว้ค่อยทำอาหารไทยให้เค้าทานนะ เค้าชอบผัดกะเพราะกับต้มยำกุ้ง
ผ่านมา 1 เดือน ก็ถึงวันที่นัดว่าเราจะทำอาหารให้เค้าทาน
ก็คุยกันนู่นนี่นั่น จนดึก เค้าก็ขอตัวกลับห้องเค้า
แล้วเค้าก็บอกว่า ไว้โอกาสหน้าเค้าจะทำอาหารให้เราทานบ้างนะ
จนวันนั้นถึงวันนี้ ยังไม่ได้ทานอาหารฝีมือเค้าเลยค่ะ 5555+
เราก็แอบเศร้านิด ๆ นะ นึกว่าจะได้พบคนที่เราชอบและเค้าชอบเราเหมือนกัน
ปัจจุบันตอนนี้โสดมาจะ 10 ปีแล้วค่ะ ฮา..
ถึงเรื่องกุ๊กกิ๊กบางเรื่องจบไม่สวย แต่เวลานึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่มีให้กัน ก็อดอมยิ้มไม่ได้
แล้วคุณล่ะ มีเรื่องกุ๊กกิ๊กอะไรมาเล่าให้ฟังให้ได้อมยิ้มกันบ้างคะ ^^
-------------------------------------------------------------------------------------------
EDIT เพิ่มเติม:
โอ้ว.. ไม่คิดว่าจะกลายเป็นกระทู้แนะนำ
ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์น่ารัก ๆ กันนะคะ
ทุกอันนี่อ่านไปจินตนาการไปเคลิ้มไปด้วยเลย ฮา..
จะขอเพิ่มเติมนิดนึงค่ะ พอดีมีบางเม้นท์แอบสงสัย ว่ากุ๊กกิ๊กนี่มีซัมธิงด้วยรึเปล่า
จะบอกว่ากรณีของเราทุกอัน เราไม่ได้มีอะไรกันเลยกับซักคนค่ะ
คำว่ากุ๊กกิ๊กเรานี่เหมือนมี romantic moment ร่วมกัน เช่น
กินเค้กกับแลกของขวัญกันในวันคริสต์มาส
จิบไวน์ในร้านอาหาร Italian มองตากัน
ควงแขนกันเดินช้อปปิ้ง ฯลฯ อะไรทำนองนี้มากกว่าค่ะ
ที่นึกถึงทีไรแล้วหัวใจจะหยุดเต้น 5555+
เราเองก็ไม่อยากให้คนต่างชาติมองผู้หญิงไทยในแบบนั้นด้วยแหล่ะค่ะ
เราจะบอกเค้าหรือไม่ได้เข้าถึงเค้ามากแม้เราจะชอบเค้า ว่าเราไม่ได้ง่ายนะ
ไม่ว่า you จะได้ยินอะไรมา เห็นอะไรมา เกี่ยวกับผู้หญิงไทยแบบไหน
แต่เราสามารถสร้างประสบการณ์ดี ๆ ร่วมกันได้
จากที่ต่างคนต่างอยู่คนละซีกของโลก ทว่าเราได้มาเจอกันในประเทศนึง ในช่วงระยะเวลาหนึ่งด้วยกัน
ขอให้ทุกคนมีประสบการณ์ moment ดี ๆ เช่นนี้เช่นกันนะคะ
โลกมันกว้างใหญ่นัก พรหมลิขิตแม้จะมองไม่เห็นได้ด้วยตา แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีเนอะ ^^
[[ ใครเคยมีประสบการณ์กุ๊กกิ๊กในช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศบ้างคะ ^^ ]]
เราอยู่ญี่ปุ่นมา 9 เดือนแล้วค่ะ อีก 3 เดือนก็จะกลับไทยแล้ว มาเรียน 1 ปีค่ะ
ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ก็มีกุ๊กกิ๊กบ้าง
ต้องบอกก่อนว่า ปกติอยู่ไทยเราไม่ป๊อบเลยค่ะ ไม่มีเลย เงียบสงัดมาก
แต่พอได้มาอยู่ต่างประเทศ (ครั้งแรกในชีวิต)
พูดเลยว่า "ผู้หญิงไทยป๊อบปูล่ากับชาวต่างชาติมากกกกก" ฮา..
ไม่ใช่แค่เราคนเดียวนะคะ มีเพื่อนคนอื่น ๆ ก็ประสบพบเจอเช่นกัน
ก็มีทั้งรักแท้และแค่กุ๊กกิ๊กกัน
เดือนแรกที่เรามาอยู่ก็มีคนบังคลาเทศเข้ามาค่ะ
เค้าจะแชทหาเราเช้ากลางวันเย็น บอกว่าเค้าอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ อยู่กับใคร
แรก ๆ ก็รู้สึกดีนะ เหมือนเป็นแฟนคอยคุยกัน หลัง ๆ เริ่มหนักขึ้น เริ่มดูน่ากลัว
เรารู้มาว่าเค้ามีภรรยาแล้ว เราก็เลย fade ตัวออกมา ไม่ตอบ ไม่คุย
จนบางทีเค้าก็พิมพ์มาสั่งเราให้เราตอบ เราก็ยิ่งไม่อยากคุย ไม่อยากเจอ
แต่เนื่องจากเรียนที่เดียวกัน ก็เลี่ยงไม่ได้ เจอก็ทักธรรมดา ไม่ได้คุยเหมือนทุกที
เหมือนตอนหลังภรรยาเค้ามาอยู่ด้วย เค้าก็เลยเงียบ ๆ ไปเอง
เดือนถัดมามีคนเกาหลีเข้ามาค่ะ
เริ่มต้นด้วยชวนเราไปดินเนอร์ค่ะ บอกว่าอยากให้เราเป็นตัวแทนคนไทยเผื่อจัดปาร์ตี้กัน
เพื่อนเราก็บอกว่าไม่จริงหรอก เค้ามาจีบ อันนั้นเป็นข้ออ้างมากกว่า
แล้วก็จริงค่ะ เราก็ดินเนอร์กันบ้าง กินข้าวกลางวันบ้าง ทุกอาทิตย์
ของขวัญมาไม่เคยขาด ไม่ว่าจะวันธรรมดา วันคริสมาสต์ วันปีใหม่
วันสิ้นปีเราไป countdown กันที่ tokyo tower ได้จับมือกันครั้งแรก (กรี๊ดดดด)
ส่วนวันปีใหม่เค้าทำอาหารให้เราทานค่ะ เค้าบอกเป็นอาหารเกาหลีที่ทุกคนจะทานกันในวันปีใหม่
เหตุเกิดที่วันนึงเราติดพายุหิมะที่ hokkaido และกลับไทยไม่ได้
เค้าอยู่ tokyo แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย ไม่ได้แสดงความเป็นห่วง
พอเรากลับมา เราก็รู้สึกว่า ระยะหลังเหมือนโปรโมชั่นหมด เราก็เลย fade ตัวออกมา
วันวาเลนไทน์ เราให้ช็อกโกแลตเค้า พร้อมกับคืนของทั้งหมด และเขียนการ์ดบอกความในใจกับเค้า
ประมาณว่า เค้าไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่เค้ายังไม่ใช่สำหรับเรา และเราไม่อยากให้เค้ามาเสียเวลากับเราอีก
friends will always last forever คือเราแค่อยากเป็นเพื่อนกับเค้าเหมือนเดิม
หลังจากวันนั้น เค้าหนีหน้าเรา เจอกันที่มหาลัยก็ไม่ทัก ไม่มองหน้าเราเลยค่ะ สะบัดบ๊อบใส่อย่างเห็นได้ชัด
ต้องบอกก่อนว่าตอนแรกเราไม่ได้ชอบเค้าค่ะ แต่การกระทำแรก ๆ เค้าดูใส่ใจเรามาก เราถึงเปิดใจ
แต่พออยู่ ๆ การกระทำเหล่านั้นหายไป ซึ่งมันแค่ไม่กี่เดือนก็หมดแล้ว เราเลยว่ามันไม่ใช่อ่ะค่ะ
ถัดมาเป็นรัสเซียเข้ามาค่ะ
คือเจอกันมานานแล้วล่ะ รู้จักตอนเราไปดูเกาหลีเล่นบอลกับเพื่อน ๆ
แต่ตอนนั้นรัสเซียไม่ add facebook เรามานะ ทั้ง ๆ ที่เราถ่ายรูปรวมและ tag คนในรูป
เค้าเองเป็นเพื่อนกับคนอื่น ก็ยังช่วย tag รูปเลย
มาเดือนก่อนเราลงเรียนวิชาเดียวกันค่ะ
เค้า add facebook เรามา แล้วก็แชทคุยกะเราเกือบทุกวัน บอกชอบเรา
เจอกันที่มหาลัยก็จะชมเราสวย ชอบเราแต่งตัว
มาหาเราที่ study room เราบ่อย ๆ
แต่เราก็พยายามไม่คุยด้วยมาก เพราะกลัวจะเป็นแบบกรณีเกาหลีอ่ะค่ะ ไม่อยากเสียเพื่อนไปอีกคน
อีกรายเป็นญี่ปุ่นค่ะ บอกก่อนว่า คนนี้เราไปชอบเค้าค่ะ
เราเคยเอาของขวัญวันเกิดไปแขวนที่หน้าห้องเค้า (อยู่หอเดียวกันแล้วห้องอยู่ตรงข้ามกันค่ะ)
เค้าก็ขอบคุณมากใน facebook เฉย ๆ
จนวันวาเลนไทน์ (วันที่บอกความในใจให้เกาหลี และบอกความในใจให้ญี่ปุ่นในวันเดียวกันเลย)
เราเอาช็อกโกแลตกับเขียนการ์ดบอกเค้าว่า เราชอบเค้า
แต่ไม่ได้หวังว่าเค้าจะต้องให้อะไรกลับมา ยังไงก็ friends forever นะ
ปรากฎว่า เค้าแชทมาชวนเราไปดินเนอร์ค่ะ เราดีใจมาก นึกว่าจะแปลว่าโอเค
วันที่ดินเนอร์กัน เค้าก็บอกว่า ถือซะว่าเป็น early white day นะ
ที่ญี่ปุ่นวัน valentine's ผู้หญิงจะให้ของขวัญผุ้ชาย
ส่วนวัน white day ถ้าผู้ชายให้ของขวัญกลับ แปลว่าโอเคค่ะ
วันที่ดินเนอร์เค้าเลี้ยงเราค่ะ (แต่เกาหลีชวนไปกินข้าวต้องหารกันตลอดนะ)
เราก็บอกว่าไม่ได้หรอก ไม่เป็นไร เราช่วยออก
เค้าบอกมาว่า ไว้ค่อยทำอาหารไทยให้เค้าทานนะ เค้าชอบผัดกะเพราะกับต้มยำกุ้ง
ผ่านมา 1 เดือน ก็ถึงวันที่นัดว่าเราจะทำอาหารให้เค้าทาน
ก็คุยกันนู่นนี่นั่น จนดึก เค้าก็ขอตัวกลับห้องเค้า
แล้วเค้าก็บอกว่า ไว้โอกาสหน้าเค้าจะทำอาหารให้เราทานบ้างนะ
จนวันนั้นถึงวันนี้ ยังไม่ได้ทานอาหารฝีมือเค้าเลยค่ะ 5555+
เราก็แอบเศร้านิด ๆ นะ นึกว่าจะได้พบคนที่เราชอบและเค้าชอบเราเหมือนกัน
ปัจจุบันตอนนี้โสดมาจะ 10 ปีแล้วค่ะ ฮา..
ถึงเรื่องกุ๊กกิ๊กบางเรื่องจบไม่สวย แต่เวลานึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่มีให้กัน ก็อดอมยิ้มไม่ได้
แล้วคุณล่ะ มีเรื่องกุ๊กกิ๊กอะไรมาเล่าให้ฟังให้ได้อมยิ้มกันบ้างคะ ^^
-------------------------------------------------------------------------------------------
EDIT เพิ่มเติม:
โอ้ว.. ไม่คิดว่าจะกลายเป็นกระทู้แนะนำ
ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์น่ารัก ๆ กันนะคะ
ทุกอันนี่อ่านไปจินตนาการไปเคลิ้มไปด้วยเลย ฮา..
จะขอเพิ่มเติมนิดนึงค่ะ พอดีมีบางเม้นท์แอบสงสัย ว่ากุ๊กกิ๊กนี่มีซัมธิงด้วยรึเปล่า
จะบอกว่ากรณีของเราทุกอัน เราไม่ได้มีอะไรกันเลยกับซักคนค่ะ
คำว่ากุ๊กกิ๊กเรานี่เหมือนมี romantic moment ร่วมกัน เช่น
กินเค้กกับแลกของขวัญกันในวันคริสต์มาส
จิบไวน์ในร้านอาหาร Italian มองตากัน
ควงแขนกันเดินช้อปปิ้ง ฯลฯ อะไรทำนองนี้มากกว่าค่ะ
ที่นึกถึงทีไรแล้วหัวใจจะหยุดเต้น 5555+
เราเองก็ไม่อยากให้คนต่างชาติมองผู้หญิงไทยในแบบนั้นด้วยแหล่ะค่ะ
เราจะบอกเค้าหรือไม่ได้เข้าถึงเค้ามากแม้เราจะชอบเค้า ว่าเราไม่ได้ง่ายนะ
ไม่ว่า you จะได้ยินอะไรมา เห็นอะไรมา เกี่ยวกับผู้หญิงไทยแบบไหน
แต่เราสามารถสร้างประสบการณ์ดี ๆ ร่วมกันได้
จากที่ต่างคนต่างอยู่คนละซีกของโลก ทว่าเราได้มาเจอกันในประเทศนึง ในช่วงระยะเวลาหนึ่งด้วยกัน
ขอให้ทุกคนมีประสบการณ์ moment ดี ๆ เช่นนี้เช่นกันนะคะ
โลกมันกว้างใหญ่นัก พรหมลิขิตแม้จะมองไม่เห็นได้ด้วยตา แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีเนอะ ^^