-------------------
เหตุการณ์นี้ กว่าสองสัปดาห์ผ่านมาแล้ว
ดิฉันขึ้นรถเมล์สาย 127 จากละแวกบางบัวทอง
ได้ที่นั่งเบาะซ้ายริมหน้าต่าง ตำแหน่งค่อนมาทางหลังรถ ..
เย็นวันนั้นรถว่างมาก เรียกได้ว่า ว่างแบบเบาะเว้นเบาะ
ดิฉันขึ้นรถจากป้ายฝั่งตรงข้ามบิ๊กคิงบางใหญ่ หน้าหมูบ้านรัตนาธิเบศค่ะ
ป้ายถัดไปไม่ไกลกันเท่าไหร่ เป็นป้ายหน้าบิ๊กซีบางใหญ่
ป้ายนี้ก็มีคนขึ้นไม่มาก ...
รถวิ่งไปสักพัก รถว่าง คนขับขับแบบไม่เร่งรีบ
อยู่ๆ มีคนย้ายที่นั่งมานั่งข้างๆ ดิฉัน คิดนิดหน่อยว่า ทำไมไม่นั่งที่เดิมนะ
คิดแล้วก็ก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์ อ่านเฟซ แชทไลน์ ใส่หูฟังเพลง ต่อ
รถวิ่งไปสักระยะ รถเบรคนิดหน่อยเลยเงยหน้าขึ้น
เอียงหน้าไปมองคนนั่งทางขวาเล็กน้อย
คนนั่งข้างๆเป็นผู้หญิง ผอมๆ นุ่งห่มมอมแมม ผมเผ้า ผ้านุ่ง เสื้อ ย่าม รูปลักษณ์
บอกว่าไม่น่าใช่คนไทย คิดได้เท่านี้ ก็ไม่ได้สนใจเธออีก
รถยังวิ่งมาเรื่อย ผู้โดยสารข้างๆ ขยับตัวเล็กน้อย
รถวิ่งไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง มีกลิ่นรุนแรงเหมือนน้ำหอมอะไรสักอย่าง
พ่นผ่านหน้าฉัน อย่างใกล้ชิดมาก รู้สึกได้ว่ากลิ่นโบราณๆ
คล้ายๆน้ำหอมบรูซท์ จางๆ หายใจเข้าไปนิดนึง ประมาณปลายๆ ลมหายใจเข้า
แต่สัญชาตญาณ บางอย่างบอกว่าไม่ปกติ
ฉันรีบกลั้นหายใจ.. เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า
นั่งหันซ้ายออกนอกหน้าต่าง แล้วยื่นหน้า ยื่นหัว ออกนอกรถ
ไปหายใจเอาอากาศข้างนอก ทุกอย่างทำอย่างนุ่มนวลไม่มีอาการผิดปกติ
ทำเหมือนไม่รู้ตัวว่าอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติ (เพราะความไม่แน่ใจ)
แต่คนนั่งข้างๆ ฉัน ผิดปกติ จากที่นั่งธรรมดากลายเป็นนั่งหันหน้ามามองฉันตลอดเวลา
จับจ้องฉันตลอดเวลา ไม่ให้คลายสายตา ฉันหันไปสบตาเธอ เธอหลบตา ฉันหันกลับ เธอหันมาจ้อง
ระหว่างที่รถวิ่งไป ฉันเริ่มมีอาการมึนงง น้อยๆ รีบตั้งสติ กระชับกระเป๋า
พยายามหายใจเอาออกซิเจน บอกตัวเองว่า อย่าหลับ อย่าแสดงอาการใดๆ
และอย่าเพิ่งลงจากรถ
ฉันเริ่มสังเกตรอบตัว ... แสบจมูก แสบคอ
หญิงคนนั้น ยังจับตามอง หันไปอีกทีมีผู้ชายมายืนเกาะใกล้ๆ ทั้งที่ มีที่นั่ง
เขามองมา มองเหมือนปกติ แต่ไม่ปกติ รถเลี้ยวเข้า ถ.บรมราชชนนี
คิดว่าจะเปลี่ยนที่นั่งไปหน้ารถใกล้ๆ คนขับดีไหม ยังไม่ทันขยับ
รถวิ่งมาถึง .. ป้ายก่อนหน้า สน.ตลิ่งชัน
เธอ และชายหนุ่มอีกสอง ลงจากรถ ฉันรู้สึกโล่งอก ..
แต่อาการมึน งง แสบคอ แสบจมูกยังอยู่ครบ
ถามตัวเองว่า ...
เกิดอะไรขึ้น กลิ่นอะไร เธอเฝ้ามองฉันทำไม
ผู้ชายคนนั้นทำไมไม่นั่ง มายืนบังมุมฉันกับผู้โดยสารคนอื่นๆทำไม
กรณีของดิฉัน รถเมล์โล่งๆ บนถนนที่การจราจรไม่คับคั่ง นั่งสบายๆ
ไม่มีใครสนใจใครแน่ๆ ค่ะ โอกาสที่จะทำได้มีมากกว่า 70 %
หากดิฉันหายใจเอากลิ่นหอมที่ว่านั่นเข้าไปเต็มปอด ฉันคงหลับไม่ได้สติ
ไม่มีใครสนใจคนนอนหลับบนรถเมล์ใช่มั้ยคะ
พวกเขาคงได้กระเป๋าถือดิฉันไปทั้งใบอย่างง่ายดาย
การที่เขาลงจากรถ
น่าจะเป็นเพราะคำนวนเวลาแล้ว ดิฉันยังไม่หลับ ไม่เบลอสักที
พวกเขาไม่ควรเสียเวลาต่อ
...
ผ่านไปสองสัปดาห์ ดิฉันพยายามคิด วิเคราะห์ และหาข้อมูล
ฉันสรุปได้ว่า ยาป้าย ยาพ่น เพื่อปลดทรัพย์ มีจริงค่ะ แต่การที่ใครๆ ออกมาบอกว่า
ไม่มีจริง เป็นไปไม่ได้ ก็ต้องดูด้วยว่าอยู่ในบริบทไหน สถานที่อย่างไร
เช่น การพ่นยาในรถแท๊กซี่เป็นไปได้แค่ไหน การป้ายยาโอกาสที่จะโดนป้าย
เพราะอะไร สถานที่แบบไหนที่เปิดโอกาสให้ผู้ร้าย
คุณลองคิดดูนะคะว่า ถ้ามีหน่วยงานใด ออกมาบอกว่า
ยาป้าย ยาพ่น มีจริง และเป็นตัวยาอะไรบ้าง จะมีอะไรเกิดขึ้นในสังคม ..
แน่นอนว่า คนที่คิดทำการไม่สุจริตแบบนี้จะมีมากขึ้น สบโอกาส
ต้องหาช่องทาง แสวงหาเครื่องมือ คิดวิธีการใหม่ๆ มาใช้แน่ๆ
การที่ไม่มีใครรับรองว่ายอมรับว่ายาป้าย ยาพ่น มีจริง
แต่ผู้ที่พบเจอเหตุการณ์ ย่อมรู้ว่ามันมีจริงและบอกต่อๆกัน
ซึ่งก็เป็นการเตือนกันวิธีหนึ่ง
ใครมีประสบการณ์าแลกเปลี่ยนกันค่ะ
มีเรื่องเล่า .... ยาป้าย ยาพ่น เพื่อปลดทรัพย์ มีจริงค่ะ
เหตุการณ์นี้ กว่าสองสัปดาห์ผ่านมาแล้ว
ดิฉันขึ้นรถเมล์สาย 127 จากละแวกบางบัวทอง
ได้ที่นั่งเบาะซ้ายริมหน้าต่าง ตำแหน่งค่อนมาทางหลังรถ ..
เย็นวันนั้นรถว่างมาก เรียกได้ว่า ว่างแบบเบาะเว้นเบาะ
ดิฉันขึ้นรถจากป้ายฝั่งตรงข้ามบิ๊กคิงบางใหญ่ หน้าหมูบ้านรัตนาธิเบศค่ะ
ป้ายถัดไปไม่ไกลกันเท่าไหร่ เป็นป้ายหน้าบิ๊กซีบางใหญ่
ป้ายนี้ก็มีคนขึ้นไม่มาก ...
รถวิ่งไปสักพัก รถว่าง คนขับขับแบบไม่เร่งรีบ
อยู่ๆ มีคนย้ายที่นั่งมานั่งข้างๆ ดิฉัน คิดนิดหน่อยว่า ทำไมไม่นั่งที่เดิมนะ
คิดแล้วก็ก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์ อ่านเฟซ แชทไลน์ ใส่หูฟังเพลง ต่อ
รถวิ่งไปสักระยะ รถเบรคนิดหน่อยเลยเงยหน้าขึ้น
เอียงหน้าไปมองคนนั่งทางขวาเล็กน้อย
คนนั่งข้างๆเป็นผู้หญิง ผอมๆ นุ่งห่มมอมแมม ผมเผ้า ผ้านุ่ง เสื้อ ย่าม รูปลักษณ์
บอกว่าไม่น่าใช่คนไทย คิดได้เท่านี้ ก็ไม่ได้สนใจเธออีก
รถยังวิ่งมาเรื่อย ผู้โดยสารข้างๆ ขยับตัวเล็กน้อย
รถวิ่งไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง มีกลิ่นรุนแรงเหมือนน้ำหอมอะไรสักอย่าง
พ่นผ่านหน้าฉัน อย่างใกล้ชิดมาก รู้สึกได้ว่ากลิ่นโบราณๆ
คล้ายๆน้ำหอมบรูซท์ จางๆ หายใจเข้าไปนิดนึง ประมาณปลายๆ ลมหายใจเข้า
แต่สัญชาตญาณ บางอย่างบอกว่าไม่ปกติ
ฉันรีบกลั้นหายใจ.. เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า
นั่งหันซ้ายออกนอกหน้าต่าง แล้วยื่นหน้า ยื่นหัว ออกนอกรถ
ไปหายใจเอาอากาศข้างนอก ทุกอย่างทำอย่างนุ่มนวลไม่มีอาการผิดปกติ
ทำเหมือนไม่รู้ตัวว่าอยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติ (เพราะความไม่แน่ใจ)
แต่คนนั่งข้างๆ ฉัน ผิดปกติ จากที่นั่งธรรมดากลายเป็นนั่งหันหน้ามามองฉันตลอดเวลา
จับจ้องฉันตลอดเวลา ไม่ให้คลายสายตา ฉันหันไปสบตาเธอ เธอหลบตา ฉันหันกลับ เธอหันมาจ้อง
ระหว่างที่รถวิ่งไป ฉันเริ่มมีอาการมึนงง น้อยๆ รีบตั้งสติ กระชับกระเป๋า
พยายามหายใจเอาออกซิเจน บอกตัวเองว่า อย่าหลับ อย่าแสดงอาการใดๆ
และอย่าเพิ่งลงจากรถ
ฉันเริ่มสังเกตรอบตัว ... แสบจมูก แสบคอ
หญิงคนนั้น ยังจับตามอง หันไปอีกทีมีผู้ชายมายืนเกาะใกล้ๆ ทั้งที่ มีที่นั่ง
เขามองมา มองเหมือนปกติ แต่ไม่ปกติ รถเลี้ยวเข้า ถ.บรมราชชนนี
คิดว่าจะเปลี่ยนที่นั่งไปหน้ารถใกล้ๆ คนขับดีไหม ยังไม่ทันขยับ
รถวิ่งมาถึง .. ป้ายก่อนหน้า สน.ตลิ่งชัน
เธอ และชายหนุ่มอีกสอง ลงจากรถ ฉันรู้สึกโล่งอก ..
แต่อาการมึน งง แสบคอ แสบจมูกยังอยู่ครบ
ถามตัวเองว่า ...
เกิดอะไรขึ้น กลิ่นอะไร เธอเฝ้ามองฉันทำไม
ผู้ชายคนนั้นทำไมไม่นั่ง มายืนบังมุมฉันกับผู้โดยสารคนอื่นๆทำไม
กรณีของดิฉัน รถเมล์โล่งๆ บนถนนที่การจราจรไม่คับคั่ง นั่งสบายๆ
ไม่มีใครสนใจใครแน่ๆ ค่ะ โอกาสที่จะทำได้มีมากกว่า 70 %
หากดิฉันหายใจเอากลิ่นหอมที่ว่านั่นเข้าไปเต็มปอด ฉันคงหลับไม่ได้สติ
ไม่มีใครสนใจคนนอนหลับบนรถเมล์ใช่มั้ยคะ
พวกเขาคงได้กระเป๋าถือดิฉันไปทั้งใบอย่างง่ายดาย
การที่เขาลงจากรถ
น่าจะเป็นเพราะคำนวนเวลาแล้ว ดิฉันยังไม่หลับ ไม่เบลอสักที
พวกเขาไม่ควรเสียเวลาต่อ
...
ผ่านไปสองสัปดาห์ ดิฉันพยายามคิด วิเคราะห์ และหาข้อมูล
ฉันสรุปได้ว่า ยาป้าย ยาพ่น เพื่อปลดทรัพย์ มีจริงค่ะ แต่การที่ใครๆ ออกมาบอกว่า
ไม่มีจริง เป็นไปไม่ได้ ก็ต้องดูด้วยว่าอยู่ในบริบทไหน สถานที่อย่างไร
เช่น การพ่นยาในรถแท๊กซี่เป็นไปได้แค่ไหน การป้ายยาโอกาสที่จะโดนป้าย
เพราะอะไร สถานที่แบบไหนที่เปิดโอกาสให้ผู้ร้าย
คุณลองคิดดูนะคะว่า ถ้ามีหน่วยงานใด ออกมาบอกว่า
ยาป้าย ยาพ่น มีจริง และเป็นตัวยาอะไรบ้าง จะมีอะไรเกิดขึ้นในสังคม ..
แน่นอนว่า คนที่คิดทำการไม่สุจริตแบบนี้จะมีมากขึ้น สบโอกาส
ต้องหาช่องทาง แสวงหาเครื่องมือ คิดวิธีการใหม่ๆ มาใช้แน่ๆ
การที่ไม่มีใครรับรองว่ายอมรับว่ายาป้าย ยาพ่น มีจริง
แต่ผู้ที่พบเจอเหตุการณ์ ย่อมรู้ว่ามันมีจริงและบอกต่อๆกัน
ซึ่งก็เป็นการเตือนกันวิธีหนึ่ง
ใครมีประสบการณ์าแลกเปลี่ยนกันค่ะ