คนที่เขารู้สึกว่า เขากำลังถูกบังคับ กดขี่ต่าง ๆ นานา หรือไม่ได้รับความยุติธรรมสำหรับพวกเขา
เขายิ่งมีความโกธร เกลียดเคียดแค้น เป็นธรรมดา ในขณะที่อีกฝั่งก็แสดงตัวเสมือนตัวเองเป็นผู้ชนะ
ออกมามาจ้อรายวัน ในเชิงลักษณะ เห็นดีเห็นงามด้วยกัน เสมือนเป็นการเยาะเย้ยถากถางต่าง ๆ นานา
คุณก็ต้องให้เขาหยุดด้วย ไม่ใช่กดคอฝ่ายหนึ่ง ห้ามพูด หัามทำห้ามแสดง และพยายามส่งซิก หรือให้ท้ายฝ่ายหนึ่งว่า
เอาดิ !!! แสดงได้เรย ไม่เป็นไรหรอก ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุด ก็เมื่อวันวาน ในการประกาศผลรางวัล "นาฎราช"
ที่ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ฉกฉวย โอกาสผ่านสื่อในการแสดงพฤติกรรม ที่ไม่เหมาะสม นี่คือครั้งที่.2 ที่นักแสดงหนุ่มแก่กระโหลกกะลา
คนนี้ที่แสดงพฤติกรรม ไม่สมกับที่เป็นคนสาธารณะ ผมว่า มารยาท กาละเทศะ ในฐานะที่ตนเป็นคนของสังคม ได้อยู่ได้กิน
หรือมีหน้า มีตาเพราะสังคมให้โอกาส หรือสนับสนุน หลายคนถามว่า แล้วดาราคุยเรื่องนักการเมืองไม่ได้หรือไง
ไม่มีใครห้ามคุณหรอก แต่ สถานที่ที่จะพูด จะคุย ยิ่งต้องออกสื่อ และมีผลต่อความขัดแย้ง ความวุ่นวาย ยิ่งพึงต้องสังวรณ์และระวังอย่างยิ่ง
ผมว่าถ้าผู้มีอำนาจ ต้องการปรองดองจริง ๆ ปิดปากพวก ปากหอยปากปูซะ เชียร์ก็ไม่ต้องให้ออกมา ด่าก็ต้องโดน แล้วจัดการคืนความยุติธรรม
ให้สังคมเห็นว่า ถูกต้องแล้ว เป็นธรรมแล้ว ใครไม่พอใจอะไรต่อไป ให้ถือคุณ คือคนไม่ปกติ คนขี้อิจฉา คนที่อยู่แล้วเป็นภาระหรือปัญหาของสังคม
และสมควรพิจารณาตัวเอง อย่าไปเข้าข้าง"นักเลงหัวโต" จัดการทุกอย่าง อย่างเป็นธรรม แล้วไม่ต้องใช้คำว่า ปรองดองก็ได้ ทุกอย่างมันจะเดิน
ไปตามระบบ ของมันเอง สีเสื้อก็ไม่ต้องไปสลาย มันไม่มีเหลืองไม่มีแดงหรอก นั่นมันเป็นแค่สัญญลักษณ์
แต่สิ่งที่มีอยู่ หรือประชาชนสัมผัสและรับรู้ได้จริง ณ ตอนนี้คือ ความยุติธรรม กับ ความอยุติธรรม
ฝั่งหนึ่งเชียร์ ความถูกต้อง ต้องการความถูกต้อง เป็นธรรม แต่อีกฝ่าย ยืนอยู่ข้างความผิด แต่พยายามบอกว่า ถูกต้องแล้ว ต้องแบบนั้นแบบนี้ อย่างที่ตนต้องการ ..............................................ปรองดอง ต้องทำด้วยพฤติกรรม ..หาใช่คำพูด หรือตัวอักษร ที่เขียนอย่างสวยงาม..................
. ปรองดอง
=== ถ้าคิดจะปรองดอง จริง ๆ ก็อย่าให้ปากหอยปากปู ออกมากระแหนะกระแหนงรายวัน ===
เขายิ่งมีความโกธร เกลียดเคียดแค้น เป็นธรรมดา ในขณะที่อีกฝั่งก็แสดงตัวเสมือนตัวเองเป็นผู้ชนะ
ออกมามาจ้อรายวัน ในเชิงลักษณะ เห็นดีเห็นงามด้วยกัน เสมือนเป็นการเยาะเย้ยถากถางต่าง ๆ นานา
คุณก็ต้องให้เขาหยุดด้วย ไม่ใช่กดคอฝ่ายหนึ่ง ห้ามพูด หัามทำห้ามแสดง และพยายามส่งซิก หรือให้ท้ายฝ่ายหนึ่งว่า
เอาดิ !!! แสดงได้เรย ไม่เป็นไรหรอก ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุด ก็เมื่อวันวาน ในการประกาศผลรางวัล "นาฎราช"
ที่ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ฉกฉวย โอกาสผ่านสื่อในการแสดงพฤติกรรม ที่ไม่เหมาะสม นี่คือครั้งที่.2 ที่นักแสดงหนุ่มแก่กระโหลกกะลา
คนนี้ที่แสดงพฤติกรรม ไม่สมกับที่เป็นคนสาธารณะ ผมว่า มารยาท กาละเทศะ ในฐานะที่ตนเป็นคนของสังคม ได้อยู่ได้กิน
หรือมีหน้า มีตาเพราะสังคมให้โอกาส หรือสนับสนุน หลายคนถามว่า แล้วดาราคุยเรื่องนักการเมืองไม่ได้หรือไง
ไม่มีใครห้ามคุณหรอก แต่ สถานที่ที่จะพูด จะคุย ยิ่งต้องออกสื่อ และมีผลต่อความขัดแย้ง ความวุ่นวาย ยิ่งพึงต้องสังวรณ์และระวังอย่างยิ่ง
ผมว่าถ้าผู้มีอำนาจ ต้องการปรองดองจริง ๆ ปิดปากพวก ปากหอยปากปูซะ เชียร์ก็ไม่ต้องให้ออกมา ด่าก็ต้องโดน แล้วจัดการคืนความยุติธรรม
ให้สังคมเห็นว่า ถูกต้องแล้ว เป็นธรรมแล้ว ใครไม่พอใจอะไรต่อไป ให้ถือคุณ คือคนไม่ปกติ คนขี้อิจฉา คนที่อยู่แล้วเป็นภาระหรือปัญหาของสังคม
และสมควรพิจารณาตัวเอง อย่าไปเข้าข้าง"นักเลงหัวโต" จัดการทุกอย่าง อย่างเป็นธรรม แล้วไม่ต้องใช้คำว่า ปรองดองก็ได้ ทุกอย่างมันจะเดิน
ไปตามระบบ ของมันเอง สีเสื้อก็ไม่ต้องไปสลาย มันไม่มีเหลืองไม่มีแดงหรอก นั่นมันเป็นแค่สัญญลักษณ์
แต่สิ่งที่มีอยู่ หรือประชาชนสัมผัสและรับรู้ได้จริง ณ ตอนนี้คือ ความยุติธรรม กับ ความอยุติธรรม
ฝั่งหนึ่งเชียร์ ความถูกต้อง ต้องการความถูกต้อง เป็นธรรม แต่อีกฝ่าย ยืนอยู่ข้างความผิด แต่พยายามบอกว่า ถูกต้องแล้ว ต้องแบบนั้นแบบนี้ อย่างที่ตนต้องการ ..............................................ปรองดอง ต้องทำด้วยพฤติกรรม ..หาใช่คำพูด หรือตัวอักษร ที่เขียนอย่างสวยงาม..................
. ปรองดอง