ได้ยินแว่วๆเรื่องขึ้น VAT เป็น 15% ผมว่าก็ดีนะ ใครใช้จ่ายเยอะ ก็ต้องเสียเยอะ เห็นด้วยไหมครับ

ปกติผมก็เป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ที่ทำยังไง ก็เลี่ยงภาษีไม่ได้

  เวลาเห็นร้านค้าดังๆ ที่รับแต่เงินสด แต่งบัญชีนิดหน่อย ให้เสียภาษีน้อยๆ  โดยที่ตัวเจ้าของร้าน รวยจนไม่รู้จะยังไงแล้ว มีเงินอู้ฟู่ ไปซื้อของหรูๆ ใช้ brandname ใช้จ่ายซื้อความตื่นเต้น ซึงมัน beyond การใช้จ่ายเพื่อความจำเป็นในการดำรงชีพไปแล้ว

 ลึกๆ ก็รู้สึกไม่ยุติธรรม

 แต่พอได้ยินข่าวเรื่องขึ้น VAT เป็น 15% 

 ก็พอรู้อยู่ ว่าของทุกอย่างจะแพงขึ้น

 แต่ผมก็รู้สึกว่า คนประหยัดแบบผม ไม่เห็นจะเดือดร้อนเท่าคนที่รวยๆ ใช้จ่ายเยอะๆฟุ่มเฟือยแน่ๆ 

 ซึ่งโดยหลักการภาษีปกติ คนหารายได้ ได้เยอะ จะเสียภาษีเยอะ ตามขั้นบันไดภาษี

 แต่การขึ้น VAT ก็เสมือนว่า คนใช้จ่ายเยอะ ต้องเสียภาษีเยอะ ผมว่ามันก็กระตุ้นให้คนลดการฟุ่มเฟือยดีออก ถ้าใครไม่อยากเสียภาษีด้านนี้เยอะ ก็ต้องพยายามลดรายจ่าย

 อย่างน้อยผมว่ามาตรการนี้ ช่วยเพิ่มการเก็บภาษีจากคนเลี่ยงภาษีได้ดีขึ้น แน่นอน

 แล้วถ้ารัฐเพิ่ม VAT แล้วลด % ภาษีบุคคลธรรมดาด้วย ผมว่าพนักงานเงินเดือนอย่างผม รู้สึกเป็นธรรมขึ้นเยอะเลยครับ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 40
เห็นด้วยแต่ไม่โอเครกับสัดส่วน % เมื่อคิดตัวเลขตามสภาพความเป็นจริงครับ

vat 7% บ้านเราจัดเก็บน้อยกว่าต่างประเทศมานานแล้ว ต่างประเทศเขาสาหัสกว่านี้อีก แต่ปกติมันควรจะค่อย ปรับ

เพราะเราเล่นเกมส์สร้างเมือง city skyline มันมี function vat แบบเดียวกับชีวิตจริงให้ปรับเล่น ให้เราเล่นเหมือนการบริหารรัฐบาลจริงๆ เหมือนชีวิตคนเรานี่แหละเก็บภาษีเอาเงินมาสร้างบ้านเรือนผ่านภาษีอีกที

แล้วเราปรับจาก 0 ไป 100% 555 ผลคือตัวเลขในตารางแจกแจงรายได้และ income ทำให้ประชากรจำลองพวกนี้ ไม่มีปัญญาจ่ายทันที ประท้วงโวยวายขอให้ปรับ tax แทบเห็นอนาคตเลยว่า ถ้านโยบายตัวนี้ผ่านคนไทยจะโวยแน่นอน

มันจะเพิ่มรายได้ tax income เพื่อเอามาบริหาร ซึ่งผมคำนวณแล้ว Tax ที่เจอมาว่าดีและเหมาะสม จะอยู่โซน 10-15% เพราะถ้า 7% คือ เหมือนอยู่ฟรีแทบไม่ได้เยอะแยะเลย ปกติมันปรับได้ยัน 0 แต่แค่ 5% ก็คืออยู่ฟรีกินฟรีไปเลย

แต่พวกค่า MA เช่น รถเมลนั่นนู่นนี่ พวกที่เราซื้อมาพัฒนาประเทศ แล้วแทบไม่ค่อยได้รายได้กับมันเท่าไหร่อะครับ มันใช้ภาษีครับแล้วถ้าเราพัฒนาดีเกินไป แต่จัดเก็บภาษีน้อยกว่า MA สัดส่วน % ที่ใช้จ่ายในประเทศ ไม่ว่าจะซ่อมบำรุงถนน งบหลวง เงินเดือนข้าราชการ ทุนการศึกษา เงินนั่นนู่นนี่ ที่เขาบอกว่าพวกเนี้ยคือจ่ายด้วยภาษี พวกที่ภาษีจะนำไปบริหารประเทศทั้งหมด พวกนี้

คือ รายได้ของประเทศ รัฐบาลไม่มีธุรกิจในการหาเงินเข้ากระเป๋า นอกจากเก็บผ่าน ภาษี เป็นรายได้ มันเหมือนกับการเก็บส่วนกลางคอนโดครับ ถ้าส่วนกลางคอนโดดี และ หรูมาก แต่คนอยู่น้อยส่วนกลางจะแพงหูฉีก แต่ถ้าไม่มีเลยก็ถูก แต่ถ้าคนอยู่กันเยอะก็หารเฉลี่ยความเจ็บปวดกันไปก็จะจ่ายไม่เยอะ

แล้วปัญหานี้ หลายอยู่คอนโดเจอหมดแต่ไม่ทันคิดว่ามันคล้ายกับปัญหาภาษีในประเทศ ก็คือถ้า MA ของประเทศต้องใช้จ่ายบริหารอยู่ 1000 ล้านบาท แต่เราดันเก็บจากภาษีได้แค่ 700 ล้านบาท แปลว่ามันจะขาดทุนไปเรื่อยๆ

ถ้าค่ารายได้ MA มันทำให้งบดุล -10% ทุกปี แต่เราเก็บได้แค่ +7% แปลว่ามันจะขาดทุน -3% ไปเรื่อยๆ จนกว่าเงินที่ใช้บริหารจะหมด เพราะแค่คำว่า มีภาษีไม่พอต่อการจ่ายค่าบริหารประเทศ มันจะทำให้เงินเราหมดครับแล้วประเทศก็ล่มสลาย มันก็เหมือนกับดูอย่างญี่ปุ่น หรือ เกาหลี เห็นประเทศเขาสวยงามว้าวซ่าน่าอยู่จัง แต่ความสวยงามพวกนั้น คือ ภาษีล้วนๆ เพราะมันคือสวนกลางหรือระบบที่รัฐบาลสร้างมาเพื่อให้ใช้บริหารประชาชน แล้วจะเก็บรายได้บางส่วน หรือ ยกให้เอกชนบริหารสร้างรายได้เอามาใช้จ่ายบำรุงรักษากันไป

แปลว่าคนพวกนี้ก็จะได้ใช้สวัสดิการที่ดี แต่ต้องแบกรับภาษีที่แพงตามขึ้นไปด้วย ที่เป็นผลมาจาก MA ที่เราจำเป็นต้องจ่ายเพื่อบำรุงรักษานั่นเองครับ

มันไม่มีหรอกครับไอ้ประเทศที่ เก็บภาษีน้อยมาก แต่อยู่เจริญนั่งรถไฟฟ้าฟรีแบบใหม่กริบหอมหวาน ทันสมัยตลอดเวลา เพ้อเจ้อมากครับ พวกเนี้ยใช้ภาษีซื้อระบบมา install แล้วเสียค่า MA แทบจะทั้งนั้นครับถ้าค่าโดยสารไม่เพียงพอต่อการ MA เมื่อไหร่ก็ระวังจะไม่มีอะไรดีๆ ให้ใช้อีกเลย
ดังนั้นมันเลยมีคนที่เข้าใจในมุมมองนี้ว่า งั้นก็ไปอยู่ประเทศที่จ่ายภาษีที่แพง แต่ให้สวัสดิการคุ้มค่าสิ นั่นแหละครับคือสิ่งที่คิดถูกแล้ว อยากไปอยู่ดีสบายสวยงามแบบ JP ก็ต้องรับสภาพภาษีแบบ JP ให้ได้นะ

ซึ่งในเกมส์ก็เป็นแบบเดียวกันตอนเราเอารถไฟฟ้ามาให้ประชากรใช้ฟรี แต่ลืมเก็บรายได้มา MA คือ เราจ่ายเองหมดนะ แต่ income ของเรามีแค่ Tax ครับถ้าเราไม่ปรับ balance MA กับ TAX เราจะไม่มีตังทำอะไรเลย ถ้าเราไม่ขึ้นค่าโดยสารเลยเราก็ไม่มีเงินมา MA อีก ดังนั้น ในเกมส์เนี้ยมันมีตั้งแต่ wifi free รถเมล free โทเวย์ฟรี คือ เราลืมปรับหมดเลยทุก politic ให้ใช้ฟรีหมดเลยยันค่าการศึกษา ผลคือเราไม่มีตังจ่ายหนี้ครับ 555 เจ๊ง เกมส์ก็สอนอะไรเราเยอะดี

แต่ในความเป็นจริง ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีการบริโภค (VAT) โดยทั่วโลกมีการเก็บในอัตรา 15-25% ในขณะที่ไทยเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพียง 7% จากอัตราที่กำหนดไว้ 10% ในจีนเก็บอยู่ 19% สิงคโปร์จัดเก็บที่ 9% และประเทศในยุโรปมีการจัดเก็บที่ 20%

พวกนักวิเคราห์ เขาเลยบอกว่า คุณต้องค่อยๆ ปรับ ไม่ใช่ปรับทีเดียวไป 2 เท่า ในความหมายเนี้ยที่เราอ่านข่าว คือ เขาเห็นด้วยนะแต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการปรับที่รวดเร็วเกินไป แปลว่าเราก็เข้าใจเลยว่า เออทำไมเราต้องเก็บภาษีมันแพงขึ้น

อีกทั้งชาวต่างชาติที่มากินใช้จ่ายในไทย ก็จ่ายภาษีแค่ 7% จะบริษัทหรืออะไรก็ตามที่มาจัดซื้อจัดขายเกี่ยวกับค่าบริการก็จ่ายกัน 7% มาโดยตลอด แปลว่า เราแทบไม่ได้เก็บภาษีกับคนรวยกว่าเราได้เยอะเลย มันเลยเกิดสิ่งที่เรียกว่า

Global minimum tax หรือ ทั้งโลกโดนกันหมด และ vat 15% ตรงนี้ชาวต่างชาติก็โดนด้วยนะ มันเหมือนเราไปพยายามหาซื้อสินค้า free vat จากต่างประเทศนี่แหละ เราซื้อแบบไม่มี vat มันก็ถูกกว่าแถมได้ใช้เหมือนกันเลย

2. ข้อดีของภาษี flat rate มัน ต่างจาก effective rate ตรง
โดนหมด กับ โดนแบบชนชั้นซึ่งอาจมีคนเลี่ยงภาษีผ่านการแจกแจงได้

เดิมที่แบบ effective rate คนไทยไม่ได้เสียภาษีตามฐานโดยตรง มันจะเริ่ม + จาก 5%*max base + 10%*max base + 15%*max base
แปลว่าถึงจะขิงว่าตัวเองจ่าย 15% แต่จริงๆ มันจ่ายแค่ 7-8% เองครับ

ถึงจะฐาน 20% จ่ายสูงสุด คือ 11% คำนวณยังไงเราชี้เแจ้งให้ สมมุติเรารายได้ 1.50 ล้านบาท ลดหย่อนนั่นนู่นนี่แล้วเหลือ 1000000 เป๊ะ เอาภาษีแต่ละขั้นบรรไดมาบวกรวมกันเลยจะได้ 7500 + 20000 + 37500 + 50000 = 115k ที่ต้องจ่าย นำ 115,000 / 1000000 * 100 จะเท่ากับ 11.5% พอดีเป๊ะ คำตอบตามตัวเลขเลย คือ ไม่มีทางเกินหรอกนะครับ

ดังนั้นการปรับมาเป็น flat rate แปลว่าแม้แต่คน 25% ก็อาจจะไม่รอดครับ เพราะจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มถึง 3.5% เลยนะ แต่คนรวยที่เคยจ่าย 30% จะได้ลดลงถึงประมาณ 5-7% เลยหนา

ดังนั้น flat rate มันต้องคิดแบบภาพรวม แล้วประเทศไทยเป็นประเทศที่ คนส่วนใหญ่รายได้ต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเลข flat rate จำนวนมหาศาร แปลว่ามันก็จะโดนกันหมดอยู่ดีครับ จากข้อมูล คือ ประชากรไทยที่รายได้เกิน 1.5 ล้านมีเพียงแค่ 10% แปลว่า 90% จะโดน flat rate ตบกระบานหมดเลย แล้วชนชั้นกลางรายได้ 800K-1.5m จะอยู่ยังไง ไหนปากบอกอยากให้คนไทยมีแต่คนมีฐานะ แต่นี่มันทำให้จนลงอยู่นะ ไม่ได้รวยขึ้นทุกคน

ซึ่งเราเข้าใจนะว่า flat rate มันแก้ปัญหาพวกหัวหมอเลี่ยงภาษีได้ เพราะทุกคนโดนกันหมด แต่ว่ามันก็ไปทำลายประชากรประเภทมนุษย์เงินเดือนไปด้วย ดังนั้น จะใช้ flat rate ได้ เงื่อนไข คือ ประชากรต้องรวยกว่า flat rate จำนวนเยอะไม่ใช่ต่ำกว่า

ซึ่ง flat rate ไม่ควรเป็นตัวเลข 15% เพลอๆ มันต้องเป็น 5-10% ด้วยซ้ำครับ มันก็กลายเป็นว่า ทุกคนก็จะจ่ายภาษีน้อยลงหมด

แต่คนที่ 0% มาตลอดจะโดนหมด พวกบัตรคนจน พวกได้เงินดิจิม่อนที่เป็นตัวถ่วงประเทศ ก็จะโดนกันหมดได้เลยนะครับ แล้วส่วนมาก
ที่เราคิดจาก 5-10% คือ มันมาจากสัดส่วนของเงินเดือนเฉลี่ยประเทศอยู่ที่ 20000 ครับ หรือ ปีละ 240000 ก็ยังไม่เสียภาษีเลยนะ

แต่คนอื่นเขาเกิน 26K จะเริ่มเสียภาษีกันหมด หรือ ภาษีจุด start 5% มันเยอะกว่าครับ การปรับแบบนี้จะช่วย ชนชั้นกลางได้เยอะมาก ส่วนคนรวยคืออาจจะต้องคิดอีกแบบ

แต่มันจะทำให้ คนที่คิดว่าตัวเองเสียภาษีน้อย ลอยหน้าลอยตามาโดยตลอด ต้องปรับตัวขึ้นบ้าง ให้ความสำคัญกับภาษีขึ้นบ้าง ไม่งั้นจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย มันเลยต้อง start flat rate ที่ 5% ก่อน

reference กราฟของ ความคิดเห็นที่ 16ก็จะเห็นว่า มันอยู่ในโซนประมาณ ฐานล่างเกือบจะพอดี

ไม่งั้นต้องเป็นขั้นบรรไดแบบเดิมแต่ขยาย range ของโซนหรือเปล่า เช่น จากเดิม 0-500K จ่ายกันแค่ 5-10% ปรับเป็น 0-1m เป็น 10% หรือเปล่า แล้วคนที่หาได้มากกว่า 1 ล้าน ก็เป็น 20% ก็ว่าไป คือ คอนเซ็บเดิมแต่ขยายระยะของ range ออกไปเพื่อให้จัดเก็บภาษีได้ทั่วถึง แต่ในระดับความเจ็บปวดที่พอจะ เกลี่ยกันได้

คนไทยซึ่งส่วนมากรายได้อยู่ในโซน 5-10% ก็จะโดนหมด แต่โซนชนชั้นกลางจะโดนแค่ครึ่งนึง ดังนั้น จะใช้ flat หรือ effective มันต้องคิดเยอะ

หรือ ไม่ก็จัดเก็บ ภาษีแยกเฉพาะกลุ่มไปเลย ถ้าอยากแก้ปัญหาแค่แม่ค้าก็แค่จัดเก็บกับแม่ค้าพ่อค้าอย่างเดียว โดยการบังคับจดทะเบียนเปิดการค้าให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ว่าไป ไม่ใช่ใครจะขายอะไรก็ขาย จะได้จำแนกประเภทการจัดเก็บได้

เหมือนภาษีกลุ่มสตรีมเมอร์อะ ตอนแรกเหมือนเนียนไม่ชิว สุดท้ายก็ต้องมาจัดตั้งและทำเป็นบริษัทเพื่อจ่ายภาษี มันก็น่าจะมุขเดียวกันได้นะ

ส่วนเรา go inter หาทางอยู่ประเทศอื่นดีกว่า 555 จากที่อ่านแล้วก็มองว่า เห็นด้วยนะ แต่ถ้าสัดส่วนไม่สมเหตุผล แม้แต่คนเงินเดือน 80K ก็ไม่ได้รวยขึ้นเลยสักนิด ซึ่ง 80K เป็นคนที่อยูตรงฐานระหว่าง 15 - 20% ในระบบฐานภาษี
เป็นรายได้ที่อยู่ตรงเส้นแบ่งโซนฐานะตามสังคมพอดีเป๊ะเลย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ปัญหาไม่ใช่ขึ้น VATเป็น15%
แต่เป็นการลดภาษีนิติบุคคล และ ภาษีบุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได เป็น Rateเดียว 15% ทั้งหมด

นโยบายมันส่อไปในทางที่ คนรวยได้ลดภาษี แต่ คนจนจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นครับ

ความคิดเห็นที่ 5
รัฐบาลหาเงินไม่เป็น ต้องมาขึ้น vat จาก 7% เป็น 10%
จิรายุ เพื่อไทย เคยด่ารัฐบาลลุงตู่
ตอนมีข่าวลือว่าจะขึ้น vat

รัฐบาลนี้หาเงินเก่งมากกกกกกกกกกก จะชึ้น vat เป็น 15%  

ประชาชนตายแน่
ความคิดเห็นที่ 7
คงดีของแพงขึ้น  คนซื้อเป็นคนจ่ายภาษี vat นะครับ   ไม่ใช่คนขาย
คุณเข้า 7-11 ซื้อของ คุณจ่าย vat นะครับ ไม่ใช่ 7-11 จ่าย  ใบเสร็จก็มีแจ้งราคาสินค้า+ภาษีมูลค่าเพิ่ม  เป็นทุกร้านทุกบริษัทคนซื้อจ่ายภาษีนะ

จะประหยัดแค่ไหน คุณซื้อน้ำกินไหม  เติมน้ำมันไหม  ใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาไหม  vatขึ้นหมดนะครับ

เอาเวลาคิดแบบนี้ ไปซื้อกองทุนและประกันชีวิตดีกว่า ได้ลดหย่อนภาษี แถมได้กำไรด้วยนะ 5555555
ความคิดเห็นที่ 30
จขกท เล่น ผสมเรื่อง เลี่ยงภาษี กับ พวกใช้เงีนฟุ่มเฟือย มา รวมกับเรื่อง VAT 15% ได้นี่ คือ

แสดงว่า ทุกอย่างก็รวมในกระทุ้นี้ได้แล้วนะ มันคนละเรื่อง คนเลี่ยงภาษี ก็เรื่องนึง คนฟุ่มเฟือย ก็เรื่องนึง

แล้ว VAT 15% น่ะมันก็อีกเรื่องนึง

คนที่ไม่ได้ฟุ่มเฟือย แต่มีความจำเป็นต้องใช้จ่าย แต่รายได้น้อย แบบ แม่ลูกอ่อน เลี้ยงเดี่ยว คุณจะไปเทียบกับ ตัวคุณได้อย่างไร
ความคิดเห็นที่ 17
ตลกครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่