ต่อจากตอนที่ 1:
http://ppantip.com/topic/32119530
ลงเครื่องตอนตีสาม เข้าที่พักตอนสี่ทุ่ม วันแรกอิชั้นก็โดนนังเอรี่ลากเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ถึง 20 ชั่วโมง นี่หรือคือการลาพักผ่อน !!!
เราเดินทางกันช่วงเทศกาลอีสเตอร์หรือช่วงวันที่มีเหตุการณ์สำคัญต่างๆของศาสนาคริสต์ที่ทุกคนรู้จักกันดี ตั้งแต่ The last supper, Good Friday หรือวันที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน และวันที่ฟื้นคืนชีพ แน่นอนปวงชนจากทั่วโลกย่อมเดินทางมากรุงเยรูซาเล็มซึ่งเป็นที่ๆเกิดเหตุการณ์ทั้งหมด เราก็เป็นหนึ่งในนั้นทั้งๆที่ไม่ใช่คริสต์แท้ๆ แต่น้องคามิกับนังเอรี่อยากไปมาก เค้าบอกว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตคนคริสต์เลยนะ เพราะเค้าเรียนไบเบิ้ลมาตลอดตั้งแต่เด็ก ได้ยินเรื่องนู่นนี่แต่เนี่ยกำลังจะได้ไปเห็นของจริง พอไปที่ไหนบอร์ดี้การ์ดทั้งสองก็จะเล่าเรื่องให้ฟัง เราเลยแอบอินตาม ธีมสองสามวันแรกจะหนักไปทางศาสนาซะเยอะ เพราะแต่ละที่ๆไปเป็นที่สำคัญของศาสนาคริสต์ทั้งนั้น ทั้งที่พระเยซูเกิด ที่ๆกิน The last supper ที่ๆถูกตรึงไม้กางเขน หลุมศพ บ้านของพระแม่มารีย์ โรงช่างของนักบุญโจเซฟ ไปมาหมดเลยขอบอก คือใครที่เป็นศาสนาคริสต์ได้มาอ่านคงอินตามชัวร์ ธีมวันต่อๆมาจะเป็นการผจญภัยทั่วประเทศแล้วถึงจะค่อยกลับมาพักผ่อนที่ Tel Aviv ในช่วงวันสุดท้าย
เพราะเป็นช่วงฮอตฮิตของปี ตั๋วเลยแพงเป็นเรื่องธรรมดา เราเลยต้องซื้อแบบต่อแล้วต่ออีก อดนอนแล้วอดนอนอีก เราออกเดินทางตอนสิบโมงเช้าจากลอนดอน ต่อเครื่องที่กรุง Warsaw ประเทศโปแลนด์อีก 8 ชั่วโมง แล้วบินต่อไปลงที่ Tel Aviv ถึงตอนตีสาม รวมเวลาเดินทางทั้งสิ้น 19 ชั่วโมง บ้าไปแล้ว
เอาจริง ก่อนมาทริปไม่ได้รู้เรื่องยิว อิสราเอล ปาเลสไตน์อะไรเลย แค่เพื่อนชวนไปก็ไป พอจังหวะเนี้ยมีเวลามาอ่านยิ่งอ่านแล้วยิ่งมันส์
ประเทศอะไรเพิ่งตั้งมาได้แค่ห้าปีกว่าปี แต่รายได้เฉลี่ยต่อคนสูงเป็นบ้า อยู่ที่ล้านนิดๆต่อปีต่อคน เป็นสิบเท่าของปาเลสไตน์ดินแดนที่เพิ่งไปแย่งมาเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน ประเทศอะไรทำให้คนอพยพเข้ามามากที่สุดในโลก ทำมัยถึงเป็นอย่างนี้ ทำมัยระบบรักษาความปลอดภัยต้องเว่อร์อย่างกับคนจะทำร้ายตลอดเวลา ขนาดที่สถานฑูตก็ตรวจได้ละเอียดที่สุด ขนาดพี่ยามใจดีและหล่อเยี่ยง Ryan Reynolds ยังแค่แง้มประตูมาถามก่อนประมาณสิบคำถามก่อนให้เข้าไปเอากระเป๋าไปวางในเครื่องสแกน สแกนประมาณสามรอบเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปก่อนจะให้เข้า คือเพิ่งรู้ว่า อ้าว ประเทศนี้แมร่งไม่ธรรมดา
ลงเครื่องตีสาม ผ่ามตม.เตรียมเอกสารอย่างดี นึกว่าต้องโดนถามเยอะ แต่อันนี้ไม่ค่อยเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเพราะมีชายสองมาด้วยหรือเปล่า ตรงนี้ต้องย้ำเค้าเลยนะว่าอย่าแสตมป์ลงพาสปอร์ต เดี๋ยวอดไปประเทศอาหรับหลายประเทศ
ได้เป็นบัตรเข้าสีฟ้านี้มา ส่วนสีชมพูนั่นเป็นบัตรตอนออกจากประเทศ เด็ดป่ะหล่ะ
ออกมาเสร็จ จัดการเรื่องรถอีกชั่วโมงกว่า กว่าจะได้รถก็ตีห้ากว่าไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าคนที่นี่ทำไมทำงานอย่างไม่เร่งรีบ อยู่ไปอยู่มาจะเริ่มชิน ด้วยประสบการณ์เรานะ เค้าอารมณ์แบบไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่อ่ะ จะเอาก็เอาไม่เอาก็ไม่เอา เราก็แบบค่ะๆ รอค่ะพี่ ใครจะกล้าบ่นคะ พี่แบบแอบหน้ากลัว พอได้รถ เพิ่งเคยเจออีกว่าต้องใส่ code ก่อนสตาร์ทกับกุญแจทุกครั้งด้วยนะ เป็นการล๊อกสองชั้น โอ้วววว พี่เค้าเด็ดดวงจริงๆ
โปรแกรมวันนี้ต้องออกจากสนามบิน Ben Gurion เมือง Tel Aviv ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติแห่งเดียวของประเทศเพราะความเข้มงวดเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง ไปแวะ Nazareth เมืองที่พระเยซูทรงเติบโตในวัยเด็ก และเป็นเมืองที่พระแม่มารีย์รับสาร (Annunciation) จากฑูตสวรรค์ว่านางจะตั้งครรภ์พระบุตรของพระเจ้าหรือพระเยซู แล้วต่อด้วย Yardenit (แม่น้ำจอร์แดน) ตรงบริเวณ Sea of Galilee ที่ๆพระเยซูรับการบัพติศ (Baptize) หรือพิธีศีลล้างบาป แล้วขึ้นเหนือต่อไปที่ทับก้า (Tabgha) เป็นที่ๆมีโบสถ์ที่สำคัญทางศาสนาคริสต์และเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูมากมาย หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวการทวีขนมปังและปลา (Multiplication of Loaves and Fishes) ที่พระเยซูแสดงความอัศจรรย์ด้วยการเลี้ยงคนห้าพันกว่าคนกับขนมปังเพียงห้าก้อนและปลาสองตัว แล้วจบที่ Haifa เมืองไฮเทคของอิสราเอล ที่เป็นที่ตั้งของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายรวมไปถึง Google IBM และอื่นๆอีกมากมาย คือพูดง่ายๆ ขึ้นไปบนสุดทางตะวันออกแล้วค่อยย้อนมาตะวันตก เพราะจะเก็บข้างหมดให้หมดในวันเดียว ใช้เวลาทั้งสิ้นยี่สิบชั่วโมง ก่อนลงมาที่ Jerusalem ในวัน Good Friday บ่องตง เถื่อนมากอ่ะ
โดยภูมิศาสตร์แล้วอันที่จริงอิสราเอลไม่ได้เป็นประเทศที่ใหญ่มากนัก จากเหนือลงใต้ ใช้เวลาขับรถ 9 ชั่วโมง จากตะวันตกไปตะวันออกแค่ 4 ชั่วโมง แต่อย่างที่เคยเล่านั่นแหละ บางส่วนก็ต้องระวังขับเข้าไปดุ่มๆไม่ได้ อย่างวันที่ขับจากเยรูซาเล็มลงมา Dead sea ก็ต้องขับอ้อมบริเวณปาเลสไตน์เลยใช้เวลามากกว่าปกติ เข้าใจว่านี่เป็นเพราะรถเช่า รถอิสราเอลปกติน่าจะยังขับได้ เค้าคงระวังไม่ให้ใครก็ได้ที่อยู่ดีๆบินมาเช่ารถขับเข้าออกสองดินแดน
เริ่มที่ Nazareth ก่อนก็ละกัน คือชาวคริสต์คนไหนที่เดินทางมาแสวงบุญต้องหยุดเมืองนี้ เป็นหนึ่ง RC ที่ต้องเก็บเพราะเชื่อว่าพระเยซูเติบโตที่นี่ในวัยเด็ก พระแม่มารีย์รับสารจากนักบุญเกเบรียลว่าจะตั้งครรภ์พระเยซู เมืองนี้ก็เลยจะมีโบสถ์ใหญ่เรียกว่า Basilica of the Annunciation ซึ่งตั้งอยู่บนบริเวณบ้านของพระแม่มารีย์ เราอดเข้าเพราะโบสถ์ปิด เพราะเป็นช่วง Sabbath ซึ่งเราสงสัยกันมากว่านี่มันวันสำคัญทางศาสนาคริสต์แท้ๆ ปิดได้ยังงัย เอารูปจากข้างนอกไปก็ละกัน
Basilica of the Annunciation ใหญ่มากฮ่ะ
วิวจากโบสถ์ตรงข้ามที่เห็น Basilica of the Annunciation อย่างงาม
ถัดไปไม่ไกลก็จะเป็นโรงช่างของนักบุญโจเซฟ ปัจจุบันเป็น St. Joseph's Church ปิดเหมือนกัน
ถึงแม้คนส่วนมากจะเรียกเมืองนี้เป็นบ้านเกิดของพระเยซู แต่จริงๆแล้วสถานที่ประสูติของพระเยซูไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้ เหตุเพราะว่าช่วงนั้นจักรพรรดิ์เอาอุสตุสได้มีรับสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั้งประเทศ ประชากรทุกคนจึงต้องเดินทางกลับไปขึ้นทะเบียนในเมืองของตน ซึ่งนักบุญโจเซฟนั้นต้องเดินทางมาที่เมืองเบธเลเฮม (Bethlehem) และเป็นเวลาที่พระเยซูประสูติพอดี ทุกคนต้องเคยเห็นรูปเด็กเกิดบนรางหญ้าในถ้ำแน่ๆ เหตุการณ์นั้นอยู่ที่ Bethlehem ซึ่งเราก็มีแวะกันไปวันถัดๆมา แล้วจะเล่าให้ฟังในบทถัดๆไป
เอารูปเมืองจากมุมสูงมาให้ดู กับนังเอรี่ที่ยืนอิน
นี่เราสนใจคือป้ายนี้ซึ่งติดอยู่ถนนทางเข้าหลักเลย อาจจะเห็นไม่ค่อยชัด แต่เป็นข้อความโจมตีศาสนาคริสต์จากศาสนาอิสลามว่าด้วยเรื่องพระเจ้ามีองค์เดียว พระเยซูเป็นเพียงผู้ส่งสาร เห็นได้ชัดถึงความขัดแย้งที่ยังคุกรุ่น นังเอรี่กับน้องอามิอ่านอันนี้ไปแล้วก็บอกว่า เอิ่ม น่าสนใจ
สิ่งหนึ่งที่เราแปลกใจตลอดเวลาตอนเที่ยวอยู่ที่นี่คือ ทุกที่เป็นที่สำคัญมากของศาสนาคริสต์ คือทุกอย่างในไบเบิ้ลเกิดที่นี่หมด ทำไมประชากรคริสต์ที่นี่ถึงได้น้อยมากเพียง 2% ทั้งประเทศ ในขณะที่ชาวมุสลิมมีประชากร 17% และ ยิวนำโด่งที่ 76% (แต่ในพื้นที่ปาเลสไตน์หรือ West Bank นี้มุสลิมนำโด่งที่ 75% ยิวตามมาที่ 17% และคริสต์อยู่ที่ 8% แตกต่างค่อนข้างชัดเจน) คำตอบที่เราได้จากสองชายคือคริสต์รบแพ้ชาวยิว คือดินแดนนี้ก็เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอื่นเหมือนกัน ทุกคนเลยจ้องอยากได้ และพยายามรบเอาคืนแล้วด้วยแต่ไม่สำเร็จ คนยิวเลยครอบครองไป ไปที่ไหนๆ ถึงแม้จะเป็นที่สำคัญของศาสนาคริสต์ก็จะเป็นคนยิวดูแลจัดการ อย่างเมืองนาซาเรธเองนี่ก็ปัจจุบันเหลือประชากรคริสต์เพียง 30% จาก 60 % ในปี 1949 และความขัดแย้งระหว่างศาสนายังเห็นได้ทั่วไปดังป้ายนี้
ใกล้ๆโบสถ์จะมีตลาด ร้านค้าตามซอกซอยต่างๆ ให้อารมณ์กิมหยงนิดๆ เช่นเคยร้านปิด ...
เจอแต่อันนี้ที่เปิด ... เพื่อ?
เดินผ่านน้องๆด้วย เล่นปืนกันแต่เด็กเลยนะคะ เดินผ่านมายิงใส่ให้ตกใจเล่นอีก คนยิ่งไม่ค่อยรู้จักประเทศหนูอยู่
กว่าจะได้กินข้าวมื้อแรกเกือบสิบโมงกว่าได้ พวกนี้มันทรมานอิชั้นมากอ่ะ จัดไป Kebab นึกว่าจะมาแบบที่เราเข้าใจคือเนื้อเป็นชิ้นเล็กหั่นจากกองเนื้อใหญ่ๆจากแท่งหมุนๆ แต่ไม่ค่ะ ที่นี่ Kebab คือสิ่งนี้เหมือนบาร์บีคิว ส่วนสิ่งที่เราเรียกกันว่า Kebab คือ Shawarma
โดนไป 50 เชคเกลหรือประมาณเกือบห้าร้อยบาท โหดอ่ะ
#เมืองแรกจบไป #วันนี้ยังอีกยาวไกล #บ้านเมืองดูสงบมาก #ไม่เข้าใจที่คนเตือนให้ระวัง #เงียบสนิท #วังเวง #คือยังไม่เจอเยรูซาเล็มงัย #ตายใจไปก่อน #ของทุกอย่างแพงปรับตัวไม่ทัน #ลืมเอามาม่ามาอีก #กินไปเครียดไป
[CR] ตอนที่ 2: +++ ชวนเที่ยวแหวกแนว ผจญภัยในอิสราเอล 10 วัน 11 เมือง +++ เยือนถิ่นสำคัญคริสต์ รู้จักยิวจากคนแปลกหน้า
ลงเครื่องตอนตีสาม เข้าที่พักตอนสี่ทุ่ม วันแรกอิชั้นก็โดนนังเอรี่ลากเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ถึง 20 ชั่วโมง นี่หรือคือการลาพักผ่อน !!!
เราเดินทางกันช่วงเทศกาลอีสเตอร์หรือช่วงวันที่มีเหตุการณ์สำคัญต่างๆของศาสนาคริสต์ที่ทุกคนรู้จักกันดี ตั้งแต่ The last supper, Good Friday หรือวันที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน และวันที่ฟื้นคืนชีพ แน่นอนปวงชนจากทั่วโลกย่อมเดินทางมากรุงเยรูซาเล็มซึ่งเป็นที่ๆเกิดเหตุการณ์ทั้งหมด เราก็เป็นหนึ่งในนั้นทั้งๆที่ไม่ใช่คริสต์แท้ๆ แต่น้องคามิกับนังเอรี่อยากไปมาก เค้าบอกว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตคนคริสต์เลยนะ เพราะเค้าเรียนไบเบิ้ลมาตลอดตั้งแต่เด็ก ได้ยินเรื่องนู่นนี่แต่เนี่ยกำลังจะได้ไปเห็นของจริง พอไปที่ไหนบอร์ดี้การ์ดทั้งสองก็จะเล่าเรื่องให้ฟัง เราเลยแอบอินตาม ธีมสองสามวันแรกจะหนักไปทางศาสนาซะเยอะ เพราะแต่ละที่ๆไปเป็นที่สำคัญของศาสนาคริสต์ทั้งนั้น ทั้งที่พระเยซูเกิด ที่ๆกิน The last supper ที่ๆถูกตรึงไม้กางเขน หลุมศพ บ้านของพระแม่มารีย์ โรงช่างของนักบุญโจเซฟ ไปมาหมดเลยขอบอก คือใครที่เป็นศาสนาคริสต์ได้มาอ่านคงอินตามชัวร์ ธีมวันต่อๆมาจะเป็นการผจญภัยทั่วประเทศแล้วถึงจะค่อยกลับมาพักผ่อนที่ Tel Aviv ในช่วงวันสุดท้าย
เพราะเป็นช่วงฮอตฮิตของปี ตั๋วเลยแพงเป็นเรื่องธรรมดา เราเลยต้องซื้อแบบต่อแล้วต่ออีก อดนอนแล้วอดนอนอีก เราออกเดินทางตอนสิบโมงเช้าจากลอนดอน ต่อเครื่องที่กรุง Warsaw ประเทศโปแลนด์อีก 8 ชั่วโมง แล้วบินต่อไปลงที่ Tel Aviv ถึงตอนตีสาม รวมเวลาเดินทางทั้งสิ้น 19 ชั่วโมง บ้าไปแล้ว
เอาจริง ก่อนมาทริปไม่ได้รู้เรื่องยิว อิสราเอล ปาเลสไตน์อะไรเลย แค่เพื่อนชวนไปก็ไป พอจังหวะเนี้ยมีเวลามาอ่านยิ่งอ่านแล้วยิ่งมันส์
ประเทศอะไรเพิ่งตั้งมาได้แค่ห้าปีกว่าปี แต่รายได้เฉลี่ยต่อคนสูงเป็นบ้า อยู่ที่ล้านนิดๆต่อปีต่อคน เป็นสิบเท่าของปาเลสไตน์ดินแดนที่เพิ่งไปแย่งมาเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน ประเทศอะไรทำให้คนอพยพเข้ามามากที่สุดในโลก ทำมัยถึงเป็นอย่างนี้ ทำมัยระบบรักษาความปลอดภัยต้องเว่อร์อย่างกับคนจะทำร้ายตลอดเวลา ขนาดที่สถานฑูตก็ตรวจได้ละเอียดที่สุด ขนาดพี่ยามใจดีและหล่อเยี่ยง Ryan Reynolds ยังแค่แง้มประตูมาถามก่อนประมาณสิบคำถามก่อนให้เข้าไปเอากระเป๋าไปวางในเครื่องสแกน สแกนประมาณสามรอบเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปก่อนจะให้เข้า คือเพิ่งรู้ว่า อ้าว ประเทศนี้แมร่งไม่ธรรมดา
ลงเครื่องตีสาม ผ่ามตม.เตรียมเอกสารอย่างดี นึกว่าต้องโดนถามเยอะ แต่อันนี้ไม่ค่อยเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเพราะมีชายสองมาด้วยหรือเปล่า ตรงนี้ต้องย้ำเค้าเลยนะว่าอย่าแสตมป์ลงพาสปอร์ต เดี๋ยวอดไปประเทศอาหรับหลายประเทศ
ได้เป็นบัตรเข้าสีฟ้านี้มา ส่วนสีชมพูนั่นเป็นบัตรตอนออกจากประเทศ เด็ดป่ะหล่ะ
ออกมาเสร็จ จัดการเรื่องรถอีกชั่วโมงกว่า กว่าจะได้รถก็ตีห้ากว่าไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าคนที่นี่ทำไมทำงานอย่างไม่เร่งรีบ อยู่ไปอยู่มาจะเริ่มชิน ด้วยประสบการณ์เรานะ เค้าอารมณ์แบบไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่อ่ะ จะเอาก็เอาไม่เอาก็ไม่เอา เราก็แบบค่ะๆ รอค่ะพี่ ใครจะกล้าบ่นคะ พี่แบบแอบหน้ากลัว พอได้รถ เพิ่งเคยเจออีกว่าต้องใส่ code ก่อนสตาร์ทกับกุญแจทุกครั้งด้วยนะ เป็นการล๊อกสองชั้น โอ้วววว พี่เค้าเด็ดดวงจริงๆ
โปรแกรมวันนี้ต้องออกจากสนามบิน Ben Gurion เมือง Tel Aviv ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติแห่งเดียวของประเทศเพราะความเข้มงวดเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง ไปแวะ Nazareth เมืองที่พระเยซูทรงเติบโตในวัยเด็ก และเป็นเมืองที่พระแม่มารีย์รับสาร (Annunciation) จากฑูตสวรรค์ว่านางจะตั้งครรภ์พระบุตรของพระเจ้าหรือพระเยซู แล้วต่อด้วย Yardenit (แม่น้ำจอร์แดน) ตรงบริเวณ Sea of Galilee ที่ๆพระเยซูรับการบัพติศ (Baptize) หรือพิธีศีลล้างบาป แล้วขึ้นเหนือต่อไปที่ทับก้า (Tabgha) เป็นที่ๆมีโบสถ์ที่สำคัญทางศาสนาคริสต์และเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูมากมาย หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวการทวีขนมปังและปลา (Multiplication of Loaves and Fishes) ที่พระเยซูแสดงความอัศจรรย์ด้วยการเลี้ยงคนห้าพันกว่าคนกับขนมปังเพียงห้าก้อนและปลาสองตัว แล้วจบที่ Haifa เมืองไฮเทคของอิสราเอล ที่เป็นที่ตั้งของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายรวมไปถึง Google IBM และอื่นๆอีกมากมาย คือพูดง่ายๆ ขึ้นไปบนสุดทางตะวันออกแล้วค่อยย้อนมาตะวันตก เพราะจะเก็บข้างหมดให้หมดในวันเดียว ใช้เวลาทั้งสิ้นยี่สิบชั่วโมง ก่อนลงมาที่ Jerusalem ในวัน Good Friday บ่องตง เถื่อนมากอ่ะ
โดยภูมิศาสตร์แล้วอันที่จริงอิสราเอลไม่ได้เป็นประเทศที่ใหญ่มากนัก จากเหนือลงใต้ ใช้เวลาขับรถ 9 ชั่วโมง จากตะวันตกไปตะวันออกแค่ 4 ชั่วโมง แต่อย่างที่เคยเล่านั่นแหละ บางส่วนก็ต้องระวังขับเข้าไปดุ่มๆไม่ได้ อย่างวันที่ขับจากเยรูซาเล็มลงมา Dead sea ก็ต้องขับอ้อมบริเวณปาเลสไตน์เลยใช้เวลามากกว่าปกติ เข้าใจว่านี่เป็นเพราะรถเช่า รถอิสราเอลปกติน่าจะยังขับได้ เค้าคงระวังไม่ให้ใครก็ได้ที่อยู่ดีๆบินมาเช่ารถขับเข้าออกสองดินแดน
เริ่มที่ Nazareth ก่อนก็ละกัน คือชาวคริสต์คนไหนที่เดินทางมาแสวงบุญต้องหยุดเมืองนี้ เป็นหนึ่ง RC ที่ต้องเก็บเพราะเชื่อว่าพระเยซูเติบโตที่นี่ในวัยเด็ก พระแม่มารีย์รับสารจากนักบุญเกเบรียลว่าจะตั้งครรภ์พระเยซู เมืองนี้ก็เลยจะมีโบสถ์ใหญ่เรียกว่า Basilica of the Annunciation ซึ่งตั้งอยู่บนบริเวณบ้านของพระแม่มารีย์ เราอดเข้าเพราะโบสถ์ปิด เพราะเป็นช่วง Sabbath ซึ่งเราสงสัยกันมากว่านี่มันวันสำคัญทางศาสนาคริสต์แท้ๆ ปิดได้ยังงัย เอารูปจากข้างนอกไปก็ละกัน
Basilica of the Annunciation ใหญ่มากฮ่ะ
วิวจากโบสถ์ตรงข้ามที่เห็น Basilica of the Annunciation อย่างงาม
ถัดไปไม่ไกลก็จะเป็นโรงช่างของนักบุญโจเซฟ ปัจจุบันเป็น St. Joseph's Church ปิดเหมือนกัน
ถึงแม้คนส่วนมากจะเรียกเมืองนี้เป็นบ้านเกิดของพระเยซู แต่จริงๆแล้วสถานที่ประสูติของพระเยซูไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้ เหตุเพราะว่าช่วงนั้นจักรพรรดิ์เอาอุสตุสได้มีรับสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั้งประเทศ ประชากรทุกคนจึงต้องเดินทางกลับไปขึ้นทะเบียนในเมืองของตน ซึ่งนักบุญโจเซฟนั้นต้องเดินทางมาที่เมืองเบธเลเฮม (Bethlehem) และเป็นเวลาที่พระเยซูประสูติพอดี ทุกคนต้องเคยเห็นรูปเด็กเกิดบนรางหญ้าในถ้ำแน่ๆ เหตุการณ์นั้นอยู่ที่ Bethlehem ซึ่งเราก็มีแวะกันไปวันถัดๆมา แล้วจะเล่าให้ฟังในบทถัดๆไป
เอารูปเมืองจากมุมสูงมาให้ดู กับนังเอรี่ที่ยืนอิน
นี่เราสนใจคือป้ายนี้ซึ่งติดอยู่ถนนทางเข้าหลักเลย อาจจะเห็นไม่ค่อยชัด แต่เป็นข้อความโจมตีศาสนาคริสต์จากศาสนาอิสลามว่าด้วยเรื่องพระเจ้ามีองค์เดียว พระเยซูเป็นเพียงผู้ส่งสาร เห็นได้ชัดถึงความขัดแย้งที่ยังคุกรุ่น นังเอรี่กับน้องอามิอ่านอันนี้ไปแล้วก็บอกว่า เอิ่ม น่าสนใจ
สิ่งหนึ่งที่เราแปลกใจตลอดเวลาตอนเที่ยวอยู่ที่นี่คือ ทุกที่เป็นที่สำคัญมากของศาสนาคริสต์ คือทุกอย่างในไบเบิ้ลเกิดที่นี่หมด ทำไมประชากรคริสต์ที่นี่ถึงได้น้อยมากเพียง 2% ทั้งประเทศ ในขณะที่ชาวมุสลิมมีประชากร 17% และ ยิวนำโด่งที่ 76% (แต่ในพื้นที่ปาเลสไตน์หรือ West Bank นี้มุสลิมนำโด่งที่ 75% ยิวตามมาที่ 17% และคริสต์อยู่ที่ 8% แตกต่างค่อนข้างชัดเจน) คำตอบที่เราได้จากสองชายคือคริสต์รบแพ้ชาวยิว คือดินแดนนี้ก็เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอื่นเหมือนกัน ทุกคนเลยจ้องอยากได้ และพยายามรบเอาคืนแล้วด้วยแต่ไม่สำเร็จ คนยิวเลยครอบครองไป ไปที่ไหนๆ ถึงแม้จะเป็นที่สำคัญของศาสนาคริสต์ก็จะเป็นคนยิวดูแลจัดการ อย่างเมืองนาซาเรธเองนี่ก็ปัจจุบันเหลือประชากรคริสต์เพียง 30% จาก 60 % ในปี 1949 และความขัดแย้งระหว่างศาสนายังเห็นได้ทั่วไปดังป้ายนี้
ใกล้ๆโบสถ์จะมีตลาด ร้านค้าตามซอกซอยต่างๆ ให้อารมณ์กิมหยงนิดๆ เช่นเคยร้านปิด ...
เจอแต่อันนี้ที่เปิด ... เพื่อ?
เดินผ่านน้องๆด้วย เล่นปืนกันแต่เด็กเลยนะคะ เดินผ่านมายิงใส่ให้ตกใจเล่นอีก คนยิ่งไม่ค่อยรู้จักประเทศหนูอยู่
กว่าจะได้กินข้าวมื้อแรกเกือบสิบโมงกว่าได้ พวกนี้มันทรมานอิชั้นมากอ่ะ จัดไป Kebab นึกว่าจะมาแบบที่เราเข้าใจคือเนื้อเป็นชิ้นเล็กหั่นจากกองเนื้อใหญ่ๆจากแท่งหมุนๆ แต่ไม่ค่ะ ที่นี่ Kebab คือสิ่งนี้เหมือนบาร์บีคิว ส่วนสิ่งที่เราเรียกกันว่า Kebab คือ Shawarma
โดนไป 50 เชคเกลหรือประมาณเกือบห้าร้อยบาท โหดอ่ะ
#เมืองแรกจบไป #วันนี้ยังอีกยาวไกล #บ้านเมืองดูสงบมาก #ไม่เข้าใจที่คนเตือนให้ระวัง #เงียบสนิท #วังเวง #คือยังไม่เจอเยรูซาเล็มงัย #ตายใจไปก่อน #ของทุกอย่างแพงปรับตัวไม่ทัน #ลืมเอามาม่ามาอีก #กินไปเครียดไป