หนังทำเงินอเมริกา Maleficent ร่ายมนตรา ส่วน A Million Ways To Dies in the West ตายสมชื่อ

US Box Office May 30-June 1, 2014

(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)

Maleficent ออกตัวได้อย่างแข็งขันในอเมริกา และต่างประเทศ ขณะที่หนังใหม่ของเซ็ธ แมคฟาร์แลนด์ A Million Ways to Die กลายเป็นหนังคว่ำประจำซัมเมอร์นี้ โดยงานทุนสูงของดิสนีย์ ที่หยิบเอาเรื่อง Sleeping Beauty มาเล่าในมุมมองใหม่ ทำรายได้ไป 69.4 ล้านเหรียญในอเมริกา กลายเป็นหนังเปิดตัวมากสุดของแองเจลินา โจลี ไปในทันที ทั้งที่ทำรายได้ไม่ดีกว่าที่ Oz The Great and Powerful เปิดตัวไว้ในปี 2013

ตลาดโดยรวมๆ ของสุดสัปดาห์นี้ ถือว่าพอๆ กับสัปดาห์เดียวกันของปีก่อน ตอนนั้น Now You See Me และ After Earth เปิดตัวด้วยรายได้ 29.4 และ 27.5 ล้านเหรียญตามลำดับ

ด้วย 3,948 โรง Maleficent ทำได้ดีกว่า Snow White and the Huntsman (56.2 ล้านเหรียญ) ที่เปิดตัวในสุดสัปดาห์เดียวกันนี้ของ 2 ปีก่อน แต่ก็ห่างไกล Alice in Wonderland เมื่อปี 2010 และน้อยกว่า Oz The Great and Powerful (79.1 ล้านเหรียญ) ความสำเร็จของ Maleficent สามารถเอาเรื่องความนิยมที่มีต่อแอนิเมชันของดิสนีย์มาอธิบายได้ Sleeping Beauty นั้นมีแฟนติดตามมาก และมีไม่น้อยที่ตื่นเต้นกับการได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ของเรื่อง ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ๆ ที่ดิสนีย์จะหากินกับกรุสมบัติเก่า ด้วยการปั้นหนังการ์ตูนให้เป็นคนเล่น เพราะยังมี Cinderella ของเคนเน็ธ บรานาหก์ และ The Jungle Book ของจอน แฟฟโรว์ รอฉายอยู่ในปีหน้า และที่น่าสนใจก็คือ Maleficent ยังเป็นหนังเรื่องแรกในซัมเมอร์นี้ ที่คนดูกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิง ซึ่งมีจำนวนถึงครึ่งหนึ่งของประเทศและจำนวนคนดู โดยประมาณต่างยังคงพากันให้รางวัลกับหนังที่มีตัวละครนำหญิงที่น่าสนใจเหมือนๆ เคย
และที่ลืมไม่ได้ Maleficent ยังได้แรงหนุนจากการที่มีแองเจลีนา โจลีรับบทนำ เมื่อเธอเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ดึงคนดูได้เป็นกอบเป็นกำมาโคยตลอด แต่กลับไม่มีหนังออกมาเลยนับตั้งแต่ปี 2010 การกลับมาเล่นหนังของเธออีก กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น และกับบทแบบนี้ ก็ยิ่งที่ให้มีความน่าสนใจในกลุ่มแฟนๆ มากยิ่งขึ้น หนังได้คนดูผู้หญิงถึง 60% และ 51% อายุ 25 ปึ้นไป แล้วกลุ่มคนดูครอบครัวนั้นคิดเป็น 45% ของผู้ชม รายได้จากไอแมกซ์นั้นเก็บได้ 6.7 ล้านเหรียญ ส่วนสามมิติทำรายได้ราวๆ 35% ของรายได้ทั้งหมด คะแนนซีนีมาสกอร์เป็น A ซึ่งขัดกับคำวิจารณ์ที่ได้คะแนนแบบกลางๆ อย่าง 50 ที่เว็บมะเชือเน่า ครึ่งๆ ก็ว่าได้ ถ้าหนังไปได้ในระดับเดียวกับ Oz, Alice และ Snow White หนังน่าจะปิดตัวที่ราวๆ 190 - 200 ล้านเหรียญmillion.

อันดับ 2 เป็น X-Men: Days of Future Past รายได้ตกถึง 64% ทำเงินได้อีก 32.55 ล้านเหรียญ ซึ่งตกพอๆ กับหนัง Fast & Furious 6 เมื่อปีกลาย แต่ทำได้ดีกว่า X-Men: The Last Stand ซึ่งถือว่าทำได้แย่กว่าที่คาดกันเล็กน้อย เมื่อดูจากการบอกปากต่อปาก และคำวิจารณ์ ตอนนี้หนังทำรายได้ไปแล้ง 162 ล้านเหรียญ และน่สจะปิดโปรแกรมที่ 220 - 230 ล้านเหรียญ

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2013 มีหนังที่เปิดตัวแล้วทำรายได้สุดท้ายในอเมริกาผ่าน 225 ล้านเหรียญถึง 3 เรื่อง กับการที่มี Godzilla และ The Amazing Spider-Man 2 เป็นหัวหอกในปีนี้ ดูแล้วรายได้น่าจะอยู่แถวๆ 200 ล้านเหรียญมากกว่า และถ้า X-Men อันดับหล่นฮวบๆ แบบนี้ เป็นไปได้ว่าจะไม่มีหนังเดือนพฤษภาคม 2014 ที่ทำเงินถึง 225 ล้านได้เลย

ในอันดับ 3 เป็นหนังเข้าใหม่ผลงานของเซ็ธ แมคฟาร์แลนด์ A Million Ways to Die in the West เปิดตัวแค่ 16.8 ล้านเหรียญซึ่งน้อยกว่า 1 ใน 3 ของ Ted ที่ทำได้ 54 ล้านเหรียญในสัปดาห์เปิดตัวเมื่อ มิถุนายน 2012 ที่แย่ไปกวานั้นก็คือ หนังเปิดตัวได้ห่วยยิ่งกว่าหนังเบาสมองคว่ำๆ ในช่วงซัมเมอร์ อย่าง Year One (19.6 ล้านเหรียญ), Land of the Lost (18.8 ล้านเหรียญ), The Dictator (17.4 ล้านเหรียญ) และ The Internship (17.3 ล้านเหรียญ) หลายเดือนก่อน หนัง A Million Ways to Die in the West มีแววจะเป็นหนังฮิตได้ ตัวอย่างฉบับเรทแรงมีมุขเด็ดๆ ให้ชม ชื่อหนังก็น่าจดจำ แต่การโปรโมทโค้งสุดท้าย กลับเน้นที่การเป็นหนังจากทีม Ted และพลาดที่จะส่งมุขตลก ที่เป็นปัจจัยหลักในการเปิดหนังตลกเรท อาร์ แถมการตัดสินใจออกหน้าของแมคฟาร์แลนด์ก็แทบจะเป็นการปิดกั้นความคาดหวังของคนดูไปด้วยอีกต่างหาก คนดูส่วนใหญ่นั้นเป็นชาย (55%) และอายุมากกว่า 25 ปีถึง 72% คะแนนซีนีมาสกอร์ก็แค่ B เมื่อผสมกับคำวิจารณ์ที่ไม่ดี ไม่น่าแปลกใจที่หนังจะทำเงินได้เต็มที่แค่ 50 ล้านเหรียญ

Godzilla รายได้ตก 61% ทำเงินอีก 12 ล้านตอนนี้รายได้รวมอยู่ที่ 174.4 ล้านเหรียญ และต้องเหนื่อยนักหากต้องการไปให้ถึง 200 ล้านในท้ายที่สุด ส่วนหนังเบาสมองอดัม แซนด์เลอร์ Blended รายได้ตก 43% ทำเงินเพิ่มอีก 8.14 ล้านเหรียญ รายได้ 10 วันเป็น 29.4 ล้านเหรียญ, Neighbors รายได้ตกแค่ 42% ทำเงินมาอีก 8.1 ล้านเหรียญ รายได้รวมนั้นพุ่งไปถึง 129 ล้านเหรียญแล้ว

กับตลาดนอกอเมริกา Maleficent เปิดตัวใน 47 ตลาดทำรายได้น่าประทับใจ 100.6 ล้านเหรียญ และเมื่อเทียบกับ Oz The Great and Powerful ในตลาดเดียวกัน หนังทำได้ดีกว่าถึง 40% ตลาดที่หนังทำเงินได้เน้นๆ ก็เป็นที่ เม็กซิโก ที่กลายเป็นหนังเปิดตัวปีนี้ที่ดีที่สุด 13.4 ล้านเหรียญ และทำเงินได้ดีที่รัสเซีย 11.5 ล้านเหรียญ, อังกฤษ 11 ล้านเหรียญ, อิตาลี 6.4 ล้านเหรียญ, บราซิล 5.4 ล้านเหรีย และฟิลิปปินส์ 4 ล้านเหรียญ ตลาดหลังกที่เปิดตัวไปแล้วก็มี เยอรมันนี (5.2 ล้านเหรียญ), ฝรั่งเศส (4.9 ล้านเหรียญ) สเปน (3.9 ล้านเหรียญ), ออสเตรเลีย (3.9 ล้านเหรียญ) และเกาหลีใต้ (3.8 ล้านเหรียญ)​ หนังยังไม่เปิดตัวที่จีนและญี่ปุ่น มองจากตรงนี้ Maleficent น่าจะทำรายได้นอกอเมริกาเกิน 300 ล้านเหรียญ

X-Men: Days of Future Past ได้เงินมาอีก 95.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 338.1 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังชุดนี้ที่ทำเงินสูงที่สุด ในจีนหนังกวาดรายได้ถึง 21.8 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้รวมเป็น 79.1 ล้านเหรียญ หนังเปิดตัวด้วยอันดับ 2 ในญี่ปุ่น 3.4 ล้านเหรียญ สัปดาห์หน้าหนังจะเปิดตัวที่สเปน และน่าจะทำให้รายได้ผ่าน 400 ล้านได้ไม่ยาก หากรวมรายได้ในอเมริกาแล้ว X-Men: Days of Future Past กลายเป็นหนัง X-Men เรื่องแรกที่ทำรายได้มากกว่า 500 ล้านเหรียญทั่วโลก

เปิดตัวก่อนอเมริกา 1 สัปดาห์ หนังทอม ครูซ Edge of Tomorrow ประเดิมฉายใน 28 ตลาดด้วยรายได้ 20 ล้านเหรียญ หนังเปิดตัวแบบพอประมาณที่อังกฤษ 3.1 ล้านเหรียญ, เยอรมันนี 2.1 ล้านเหรียญ, สเปน 1.5 ล้านเหรียญ และอิตาลี 1.5 ล้านเหรียญ สัปดาห์หน้าคือบททดสอบของหนัง เมื่อเปิดฉายในจีน, รัสเซีย, เม็กซิโก, ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย แต่กับการที่หนังเปิดตัวได้สวย ในตลาดเล็กๆ แถบเอเชีย ก็พอจะทำให้มีแววว่าหนังจะเปิดตัวได้มโหฬารที่จีน

Godzilla เติมเงินได้อีก 15 ล้านเหรียญ รายได้รวมดูกร่อยๆ ที่ 200 ล้านเหรียญ แต่ก็ยังมีความหวัง เมื่อหนังจะฉายในจีนอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า และญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนกรกฎาคม

คลิก Like ให้กำลังใจได้ที่ www.facebook.com/Sadaos และติดตามข่าวสาร บทวิจารณ์ หนังและเพลงได้ที่ www.sadaos.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่