คุณเชื่อในหลักฮวงจุ้ยไหมคะ? เมื่อก่อนเราก็ไม่เคยเชื่อค่ะ นอกจากจะไม่เชื่อเเล้วเรายังต่อต้านว่างมงาย เมื่อก่อนเราคิดว่า ไม่ว่าบ้านจะหันไปทางทิศไหนมันก็เหมือนกันทั้งนั้นเเหละ อยู่ที่ความชอบของเเต่ละบุคคล
ในชีวิตเราซื้อบ้านอยู่เองมาทั้งหมดสี่หลังค่ะ ตั้งเเต่หลังที่หนึ่งจนถึงหลังที่สาม ความรู้สึกต่างๆก็จะเหมือนๆกัน คือมันก็เเค่บ้าน ที่อยู่อาศัย ไม่ได้มีอะไรพิเศษ จนมาถึงหลังปัจจุบัน ซึ่งเป็นหลังที่สี่ เเละคิดว่าจะเป็นบ้านหลังสุดท้ายค่ะ
เราย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังที่สี่ตั้งเเต่ช่วงต้นปี สิ่งเเรกที่เรารู้สึกได้เลยก็คือ เรานอนหลับสบายกว่าบ้านหลังก่อนๆ จากที่เมื่อก่อนเราเป็นคนนอนหลับยากมาก จะนอนเเต่ละครั้งเราต้องดื่มนมอุ่นบ้าง น้ำผึ้งบ้าง กินอโวคาโดก่อนนอนบ้าง (สิ่งเหล่านี้ในหนังสือกล่าวเอาไว้ว่า จะช่วยให้นอนหลับสบาย) เเต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากสักเท่าไหร่ บางครั้งเครียดมากๆจะตาค้าง หลายครั้งต้องพึ่งยาจากหมอ พอนอนไม่พอสมองก็ล้า ร่างกายก็เสื่อมโทรม เราเป็นเเบบนี้มาตลอดระยะเวลาทำงานค่ะ
เเละความเปลี่ยนเเปลงก็เริ่มขึ้นเมื่อเราย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ เมื่อกลับถึงบ้านเเล้วเราจะรู้สึกผ่อนคลาย ใจร่ม ไม่เครียด เเละที่สำคัญมีความสุขมากขึ้น ทั้งๆที่ชีวิตประจำวันก็ยังเหมือนเดิม ยังทำงานที่เดิม เจอหน้าคนเดิมๆ เจอกับปัญหาเดิมๆ มันทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะอะไร เราถึงมีความรู้สึกเเบบนี้เมื่อเราอยู่บ้านหลังนี้
คำถามเเรกเลยก็คือ เพราะอะไรเราถึงนอนหลับสบายโดยที่ไม่ต้องพึ่งอะไรเลย เพราะอะไรเราถึงรู้สึกใจร่มเมื่ออยู่บ้าน สิ่งเเรกที่เราคิดได้ก็คือ เพราะอากาศในบ้านถ่ายเทสะดวก ไม่ว่าเราอยู่ห้องไหนหรือส่วนไหนของบ้าน เราจะรู้สึกได้ถึงความสบาย บ้านหลังก่อนๆนี่เวลากลางวันจะร้อนอบอ้าวมาก หน้าร้อนทีไรต้องเปิดเเอร์นอนทุกคืน เสียค่าไฟฟ้าในเเต่ละเดือนก็ใช่น้อย เเต่บ้านหลังนี้ไม่เหมือนกัน ในขณะที่อุณหภูมินอกบ้านร้อนฉ่า เเต่ภายในบ้านยังร่มรื่นเย็นสบาย
บ้านหลังนี้หันหน้าไปทางทิศเหนือค่ะ ห้องนอนเราหัวเตียงไปทางทิศตะวันออก ตำตอบอยู่ตรงนี้เองค่ะ ช่วงเช้า เราจะได้เเสงอาทิตย์อุ่นๆสาดเเสงมาที่หน้าต่าง ทุกเช้าที่เราตื่นสิ่งเเรกที่เราทำคือเปิดม่านหน้าต่างทุกบาน เเสงอาทิตย์ช่วงเช้าที่สาดส่องเข้ามานี่เองที่ทำให้เราสดชื่น เมื่อเริ่มเช้าที่ความสดชื่น เราก็จะรู้สึกดีไปทั้งวันเเล้วค่ะ สมองเราทำงานเเบบนี้จริงๆนะ
คราวนี้มาถึงเวลาก่อนนอน...ห้องนอนที่อยู่ทางทิศตะวันออกมันดีเเบบนี้นี่เอง เพราะพลังจากเเสงอาทิตย์พ้นไปอีกฝั่งของบ้าน หลังบ่ายห้องนอนเราจึงไม่เจอเเดดเลย เเละยิ่งบ้านเราเป็นบ้านอิฐ อุณหภูมิในห้องจึงเย็นสบาย ขนาดหน้าร้อนยังไม่ต้องเปิดเเอร์เลยค่ะ เเละเมื่อเทียบกับบ้านก่อนๆเเล้ว บ้านหลังนี้เสียค่าไฟน้อยสุด ทั้งๆที่ใช้น้ำบาดาล (บวกค่าไฟจากปั๊มน้ำเพิ่มเข้าไปยังเสียถูกกว่าเลยค่ะ)
หน้าบ้านเราเป็นเเอ่ง ซึ่งในวันข้างหน้าคิดเอาไว้ว่าจะขุดสระ หน้าบ้านเป็นน้ำ หลังบ้านเป็นเขานั้นดียังไง ถ้าวันนี้ไม่เจอกับตัวก็คงจะยังไม่รู้ ช่วงหน้าหนาวลมจะพัดเข้ามาทางหน้าบ้านค่ะ ถ้าไม่เปิดประตูหน้าบ้าน ภายในบ้านก็จะอบอุ่น พอถึงหน้าร้อน ลมจะพัดเข้ามาทางหลังบ้าน เเค่เปิดประตูหลังบ้านทิ้งเอาไว้ อากาศภายในบ้านก็ถ่ายเทสะดวกโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องฟอกอากาศชนิดใดๆเลย ประตูหน้าบ้านเเละหลังบ้านเราจะอยู่เยื้องๆกันค่ะ ถ้าเปิดพร้อมกับเมื่อไหร่ก็เหมือนกับนอนอยู่กลางป่าเลย ร่มรื่นมาก
เนื่องจากทางหลังบ้านอยู่ทางทิศใต้ หน้าต่างหลังบ้านเยื้องไปทางทิศตะวันตก หลังบ่ายไปเเล้วเเดดจะเเรงมาก ตอนนี้รู้ชัดเลยว่าการที่มีภูเขาอยู่หลังบ้านนั้นดีเเบบนี้นี่เอง ต้นไม้บนเขาช่วยบังเเสงเเดดได้ชะงักนักเชียว ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหลังบ้านโล่ง มันจะร้อนสักขนาดไหน
ห้องครัวเเละห้องซักล้างอยู่ทางทิศตะวันตกค่ะ สองห้องนี้ไม่ต้องติดม่านเลย พอเเดดส่องเข้ามาทางหน้าต่างเชื้อโรคก็ตายเรียบเเล้วค่ะ สองห้องนี้สว่างจ้าทั้งวันชนิดที่ว่าไม่ต้องเปิดไฟเลยค่ะ (ประหยัดค่าไฟไปในตัว)
หลักการง่ายๆ ปลูกบ้านโดยการดูทิศทางของลมเพื่อความร่มเย็นภายในบ้าน การใช้พลังงานเเสงอาทิตย์ (ฟรี) ในจุดที่จำเป็น เเละหลีกเลี่ยงในจุดที่ไม่จำเป็น
สมัยก่อนเวลาใครพูดถึงเรื่องทิศทางของบ้านเราจะว่าเค้างมงายค่ะ ก็เค้าบอกเเต่ว่ามันดี เเต่ไม่ได้บอกว่ามันดียังไงหรือเพราะอะไร ถ้าความรู้สึกนี้ไม่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง ก็เราคงจะยังมองไม่เห็นข้อเท็จจริง คงจะยังเชื่อว่าคนโบราณงมงาย
ลองๆเดินสำรวจทุกๆห้องของบ้านดูนะคะ ไม่ว่าจะเช้าสายบ่ายเย็น เรารู้สึกร่มรื่นไม่ว่าจะอยู่ในห้องไหนๆหรือปล่าว หรือว่ามีห้องไหนที่พอถึงช่วงเวลาไหนเเล้วอยู่ไม่ได้เลย อาจจะร้อนอบอ้าว หรือต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศตลอดเวลาหรือปล่าว ถ้าพบเจอสภาพเเบบนั้นในบ้านของคุณ รีบหาทางเเก้โดยด่วนค่ะ เพราะไม่ว่าจะสุขภาพใจกายหรือจิตมันเกี่ยวโยงกันไปหมด อากาศรอบๆตัวเรามันส่งผลไปถึงความคิดความอ่าน การมองโลก เเละการใช้ชีวิตประจำวัน
สภาพอากาศทำให้เรามีความสุข เมื่อมีความสุข เราก็จะไม่กลัวต่อปัญหาใดๆ เมื่อเราไม่กลัวเราก็จะกล้าเผชิญ คนที่กล้าเผชิญกับปัญหาจะประสพความสำเร็จในชีวิตค่ะ
บ้านที่ดี อยู่เเล้วทำให้ชีวิตเราดีขึ้น มันไม่ได้เกี่ยวกับความเชื่อด้านผีสางเทวดาหรืออะไร เเต่มันเกี่ยวกับหลักการธรรมชาติโดยตรง ถ้าสอนเราเเบบนี้ซะตั้งเเต่เเรก คงจะจบลงตั้งเเต่บ้านหลังเเรกเเล้วค่ะ ย้ายมาตั้งสี่ครั้ง ได้เจอบ้านในฝันซะที
ป.ล อาจจะไม่ได้สร้างตามหลักทั้งหมด เเค่อยากจะเเบ่งปันในส่วนที่เจอมากับตัวเองเท่านั้นนะคะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทความไหน หรือใครมีทิศทางไหนที่ใช้ได้ดีจริงเเละดีอย่างไร ช่วยเเนะนำเราด้วยค่ะ ย้ายเข้ามาอยู่เเล้วก็จริง เเต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดค่ะ ขอบคุณค่ะ
ทิศทางของบ้านนั้น สำคัญไฉน?
ในชีวิตเราซื้อบ้านอยู่เองมาทั้งหมดสี่หลังค่ะ ตั้งเเต่หลังที่หนึ่งจนถึงหลังที่สาม ความรู้สึกต่างๆก็จะเหมือนๆกัน คือมันก็เเค่บ้าน ที่อยู่อาศัย ไม่ได้มีอะไรพิเศษ จนมาถึงหลังปัจจุบัน ซึ่งเป็นหลังที่สี่ เเละคิดว่าจะเป็นบ้านหลังสุดท้ายค่ะ
เราย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังที่สี่ตั้งเเต่ช่วงต้นปี สิ่งเเรกที่เรารู้สึกได้เลยก็คือ เรานอนหลับสบายกว่าบ้านหลังก่อนๆ จากที่เมื่อก่อนเราเป็นคนนอนหลับยากมาก จะนอนเเต่ละครั้งเราต้องดื่มนมอุ่นบ้าง น้ำผึ้งบ้าง กินอโวคาโดก่อนนอนบ้าง (สิ่งเหล่านี้ในหนังสือกล่าวเอาไว้ว่า จะช่วยให้นอนหลับสบาย) เเต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากสักเท่าไหร่ บางครั้งเครียดมากๆจะตาค้าง หลายครั้งต้องพึ่งยาจากหมอ พอนอนไม่พอสมองก็ล้า ร่างกายก็เสื่อมโทรม เราเป็นเเบบนี้มาตลอดระยะเวลาทำงานค่ะ
เเละความเปลี่ยนเเปลงก็เริ่มขึ้นเมื่อเราย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ เมื่อกลับถึงบ้านเเล้วเราจะรู้สึกผ่อนคลาย ใจร่ม ไม่เครียด เเละที่สำคัญมีความสุขมากขึ้น ทั้งๆที่ชีวิตประจำวันก็ยังเหมือนเดิม ยังทำงานที่เดิม เจอหน้าคนเดิมๆ เจอกับปัญหาเดิมๆ มันทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะอะไร เราถึงมีความรู้สึกเเบบนี้เมื่อเราอยู่บ้านหลังนี้
คำถามเเรกเลยก็คือ เพราะอะไรเราถึงนอนหลับสบายโดยที่ไม่ต้องพึ่งอะไรเลย เพราะอะไรเราถึงรู้สึกใจร่มเมื่ออยู่บ้าน สิ่งเเรกที่เราคิดได้ก็คือ เพราะอากาศในบ้านถ่ายเทสะดวก ไม่ว่าเราอยู่ห้องไหนหรือส่วนไหนของบ้าน เราจะรู้สึกได้ถึงความสบาย บ้านหลังก่อนๆนี่เวลากลางวันจะร้อนอบอ้าวมาก หน้าร้อนทีไรต้องเปิดเเอร์นอนทุกคืน เสียค่าไฟฟ้าในเเต่ละเดือนก็ใช่น้อย เเต่บ้านหลังนี้ไม่เหมือนกัน ในขณะที่อุณหภูมินอกบ้านร้อนฉ่า เเต่ภายในบ้านยังร่มรื่นเย็นสบาย
บ้านหลังนี้หันหน้าไปทางทิศเหนือค่ะ ห้องนอนเราหัวเตียงไปทางทิศตะวันออก ตำตอบอยู่ตรงนี้เองค่ะ ช่วงเช้า เราจะได้เเสงอาทิตย์อุ่นๆสาดเเสงมาที่หน้าต่าง ทุกเช้าที่เราตื่นสิ่งเเรกที่เราทำคือเปิดม่านหน้าต่างทุกบาน เเสงอาทิตย์ช่วงเช้าที่สาดส่องเข้ามานี่เองที่ทำให้เราสดชื่น เมื่อเริ่มเช้าที่ความสดชื่น เราก็จะรู้สึกดีไปทั้งวันเเล้วค่ะ สมองเราทำงานเเบบนี้จริงๆนะ
คราวนี้มาถึงเวลาก่อนนอน...ห้องนอนที่อยู่ทางทิศตะวันออกมันดีเเบบนี้นี่เอง เพราะพลังจากเเสงอาทิตย์พ้นไปอีกฝั่งของบ้าน หลังบ่ายห้องนอนเราจึงไม่เจอเเดดเลย เเละยิ่งบ้านเราเป็นบ้านอิฐ อุณหภูมิในห้องจึงเย็นสบาย ขนาดหน้าร้อนยังไม่ต้องเปิดเเอร์เลยค่ะ เเละเมื่อเทียบกับบ้านก่อนๆเเล้ว บ้านหลังนี้เสียค่าไฟน้อยสุด ทั้งๆที่ใช้น้ำบาดาล (บวกค่าไฟจากปั๊มน้ำเพิ่มเข้าไปยังเสียถูกกว่าเลยค่ะ)
หน้าบ้านเราเป็นเเอ่ง ซึ่งในวันข้างหน้าคิดเอาไว้ว่าจะขุดสระ หน้าบ้านเป็นน้ำ หลังบ้านเป็นเขานั้นดียังไง ถ้าวันนี้ไม่เจอกับตัวก็คงจะยังไม่รู้ ช่วงหน้าหนาวลมจะพัดเข้ามาทางหน้าบ้านค่ะ ถ้าไม่เปิดประตูหน้าบ้าน ภายในบ้านก็จะอบอุ่น พอถึงหน้าร้อน ลมจะพัดเข้ามาทางหลังบ้าน เเค่เปิดประตูหลังบ้านทิ้งเอาไว้ อากาศภายในบ้านก็ถ่ายเทสะดวกโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องฟอกอากาศชนิดใดๆเลย ประตูหน้าบ้านเเละหลังบ้านเราจะอยู่เยื้องๆกันค่ะ ถ้าเปิดพร้อมกับเมื่อไหร่ก็เหมือนกับนอนอยู่กลางป่าเลย ร่มรื่นมาก
เนื่องจากทางหลังบ้านอยู่ทางทิศใต้ หน้าต่างหลังบ้านเยื้องไปทางทิศตะวันตก หลังบ่ายไปเเล้วเเดดจะเเรงมาก ตอนนี้รู้ชัดเลยว่าการที่มีภูเขาอยู่หลังบ้านนั้นดีเเบบนี้นี่เอง ต้นไม้บนเขาช่วยบังเเสงเเดดได้ชะงักนักเชียว ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหลังบ้านโล่ง มันจะร้อนสักขนาดไหน
ห้องครัวเเละห้องซักล้างอยู่ทางทิศตะวันตกค่ะ สองห้องนี้ไม่ต้องติดม่านเลย พอเเดดส่องเข้ามาทางหน้าต่างเชื้อโรคก็ตายเรียบเเล้วค่ะ สองห้องนี้สว่างจ้าทั้งวันชนิดที่ว่าไม่ต้องเปิดไฟเลยค่ะ (ประหยัดค่าไฟไปในตัว)
หลักการง่ายๆ ปลูกบ้านโดยการดูทิศทางของลมเพื่อความร่มเย็นภายในบ้าน การใช้พลังงานเเสงอาทิตย์ (ฟรี) ในจุดที่จำเป็น เเละหลีกเลี่ยงในจุดที่ไม่จำเป็น
สมัยก่อนเวลาใครพูดถึงเรื่องทิศทางของบ้านเราจะว่าเค้างมงายค่ะ ก็เค้าบอกเเต่ว่ามันดี เเต่ไม่ได้บอกว่ามันดียังไงหรือเพราะอะไร ถ้าความรู้สึกนี้ไม่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง ก็เราคงจะยังมองไม่เห็นข้อเท็จจริง คงจะยังเชื่อว่าคนโบราณงมงาย
ลองๆเดินสำรวจทุกๆห้องของบ้านดูนะคะ ไม่ว่าจะเช้าสายบ่ายเย็น เรารู้สึกร่มรื่นไม่ว่าจะอยู่ในห้องไหนๆหรือปล่าว หรือว่ามีห้องไหนที่พอถึงช่วงเวลาไหนเเล้วอยู่ไม่ได้เลย อาจจะร้อนอบอ้าว หรือต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศตลอดเวลาหรือปล่าว ถ้าพบเจอสภาพเเบบนั้นในบ้านของคุณ รีบหาทางเเก้โดยด่วนค่ะ เพราะไม่ว่าจะสุขภาพใจกายหรือจิตมันเกี่ยวโยงกันไปหมด อากาศรอบๆตัวเรามันส่งผลไปถึงความคิดความอ่าน การมองโลก เเละการใช้ชีวิตประจำวัน
สภาพอากาศทำให้เรามีความสุข เมื่อมีความสุข เราก็จะไม่กลัวต่อปัญหาใดๆ เมื่อเราไม่กลัวเราก็จะกล้าเผชิญ คนที่กล้าเผชิญกับปัญหาจะประสพความสำเร็จในชีวิตค่ะ
บ้านที่ดี อยู่เเล้วทำให้ชีวิตเราดีขึ้น มันไม่ได้เกี่ยวกับความเชื่อด้านผีสางเทวดาหรืออะไร เเต่มันเกี่ยวกับหลักการธรรมชาติโดยตรง ถ้าสอนเราเเบบนี้ซะตั้งเเต่เเรก คงจะจบลงตั้งเเต่บ้านหลังเเรกเเล้วค่ะ ย้ายมาตั้งสี่ครั้ง ได้เจอบ้านในฝันซะที
ป.ล อาจจะไม่ได้สร้างตามหลักทั้งหมด เเค่อยากจะเเบ่งปันในส่วนที่เจอมากับตัวเองเท่านั้นนะคะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทความไหน หรือใครมีทิศทางไหนที่ใช้ได้ดีจริงเเละดีอย่างไร ช่วยเเนะนำเราด้วยค่ะ ย้ายเข้ามาอยู่เเล้วก็จริง เเต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดค่ะ ขอบคุณค่ะ