.
ก่อนที่จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผีเสื้อของฉันให้ใครได้ฟัง
ก็อยากให้ทุกคนลองฟังเพลงที่นำมาประกอบนี้ให้จบก่อน...
"ผีเสื้อตัวน้อยน้อย
บินล่องลอยกลางพนาไพร
โผผินร่อนบินระเริงใจ
คลุกเคล้าดอกไม้ใจชื่นบาน
แสงแดดยามสายสาย
ยามพร่างพรายต้องสายธาร
ฉาบทองเมื่อมองแสนตระการ
ผีเสื้อสุขสราญนะเจ้าเอย
ท้องฟ้าสีอำพัน
ผีเสื้อสุขสันต์มากเหลือ
เจ้าไม่คิดไม่ต้องหวัง
ดอกไม้ยังกูลเกลื้อ
แสงแดดจุนเจือชีวี
อยากจะเป็นผีเสื้อตัวน้อย
บินล่องลอยเสรี
สีสันดุจอัญมณี
สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ
ท้องฟ้าสีอำพัน
ผีเสื้อสุขสันต์มากเหลือ
เจ้าไม่คิดไม่ต้องหวัง
ดอกไม้ยังกูลเกลื้อ
แสงแดดจุนเจือชีวี "
...เมื่อช่วงบ่ายวันก่อน ในขณะที่ฉันกำลังภาวนาสมาธิอยู่กลางป่าบนยอดเขาที่เงียบสงบอยู่นั้น
ก็รู้สึกมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ต้องตัดสินใจหยุดการภาวนาชั่วครู่
แล้วก็เดินบุกป่าจากยอดเขาลงมายังน้ำตกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากสถานปฎิบัติธรรมสักเท่าไหร่
และก่อนที่ฉันจะเดินไปถึงน้ำตก...
ก็ได้เห็นพวกวัยรุ่นชายและหญิงขี่มอเตอร์ไซค์สามถึงสี่คันขับสวนออกจากป่าอันรกร้างที่ไม่มีใครเข้ามาเยือน
พอเมื่อฉันไปถึงทางเข้าน้ำตกที่เงียบเหงาอย่างไร้ผู้คนแห่งนี้ ก็เห็นถุงหิ้วพลาสติกขนาดพอประมาณวางตะแคงอยู่บนโต๊ะไม้เก่าๆ
ครั้นเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าในถุงพลาสติกนั้นมีผีเสื้อติดอยู่นับสิบตัว
พวกเขาต่างก็พยายามที่จะบินหนีออกจากถุง แต่ก็หาทางออกไม่เจอ
นั้นเป็นเพราะว่าปากถุงได้ถูกมัดให้เหลือเพียงช่องเล็กๆ
และในทันทีที่เห็นพวกเขาต่างถูกขัง ฉันก็รีบหยิบถุงขึ้นมาแก้มัด แล้วค่อยๆบรรจงหยิบพวกเขาออกมาทีละตัว...
พร้อมกับเอ่ยปากว่า "พวกเธอได้รับอิสรภาพแล้ว จงบิน จงพยายามบิน และดำเนินชีวิตตามวิถีทางของพวกเธอต่อไปให้ได้..."
อืมม ทีนี้ลองมาชมภาพถ่ายผีเสื้อของฉันกัน
ตัวนี้ เขายังเกาะอยู่บนโต๊ะ โดยไม่ยอมบินไปไหน
สงสัยเขาจะรอขอบคุณ ที่ฉันได้ช่วยชีวิตก็เป็นได้นะ
ส่วนตัวนี้... ลองสังเกตุที่ปีกของเขาดูนะ
และเมื่อฉันนำเพลง "ผีเสื้อ" ของคุณชรัส มาประกอบกับเรื่องราวนี้แล้ว
ทำไมผีเสื้อของใครๆเขาช่างดูแตกต่างจากผีเสื้อของฉันจัง
อย่างเช่นเนื้อเพลงได้พรรณนาว่า..
"ผีเสื้อตัวน้อยน้อย
บินล่องลอยกลางพนาไพร
โผผินร่อนบินระเริงใจ
คลุกเคล้าดอกไม้ใจชื่นบาน
แสงแดดยามสายสาย
ยามพร่างพรายต้องสายธาร
ฉาบทองเมื่อมองแสนตระการ
ผีเสื้อสุขสราญนะเจ้าเอย.."
และยิ่งท่อนสุดท้ายของเพลงที่เป็นเสียงของหลานๆคุณชรัสได้ขับร้อง
"..อยากจะเป็นผีเสื้อตัวน้อย
บินล่องลอยเสรี
สีสันดุจอัญมณี
สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ..."
นี้ถ้าเด็กๆที่ขับร้องได้มาเห็นผีเสื้อของฉันแล้ว เขาคงจะหยุดร้องเพลงต่อเป็นแน่
ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะภาพที่พวกเขาจะได้เห็นคือ..
ผีเสื้อของฉันทั้งหมดนั้น ไม่ได้มีสีสรรสวยงามใดๆเลย
ที่สำคัญคือพวกเขาต่างก็ไม่มีอิสระเสรีที่จะบินร่อนไปอย่างสุขสราญใจเหมือนดังบทเพลง
แถมบางตัว ปีกของเขาก็ฉีกขาดหายไปจากร่าง ก็คงเกิดจากการที่พยายามจะบินออกจากถุงที่พวกคนใจร้ายทำกับดักไว้..
ยิ่งไปกว่านั้น .. ผีเสื้อของฉัน เขาไม่มีดอกไม้สดๆสีสวยๆให้หอมชมเชย จะมีก็แต่เศษใบไม้แห้งกรอบที่ตกจากต้นแล้ว
และก็ไม่มีน้ำหวานจากเกษรดอกไม้ให้พวกเขาได้ดูดดื่ม นอกจากน้ำฝนค้างคืนอันมีกลิ่นเหม็นที่ขังอยู่ตามร่องหินเพียงเท่านั้น..
สุดท้าย....ฉันดีใจที่ได้ช่วยชีวิตสัตว์ แม้ว่าใครจะคิดว่าเป็นเพียงสัตว์ตัวเล็กๆก็ตาม
ทั้งนี้เป็นเพราะ เหล่าผีเสื้อและฉันต่างก็อาศัยป่าเป็นที่อยู่อาศัยและปฎิบัติธรรม
สุดท้ายแล้วเราทั้งหมดต่างก็เป็นส่วนหนึ่งในระบบนิเวศน์ ซึ่งก็จะต้องพึงพากันและกันตลอดไป..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่แท๊กพร้อมกันทั้งสามห้อง คือห้องศาสนา ห้องสมุด และห้องกรีนโซนนั้น ก็เพราะว่า..
มันเป็นเรื่องราวสั้นๆของเจ้าของบล๊อคที่ได้ไปปฎิบัติธรรมและมันก็เกี่ยวพันกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยนะครับ
ผีเสื้อของฉัน
ก็อยากให้ทุกคนลองฟังเพลงที่นำมาประกอบนี้ให้จบก่อน...
"ผีเสื้อตัวน้อยน้อย
บินล่องลอยกลางพนาไพร
โผผินร่อนบินระเริงใจ
คลุกเคล้าดอกไม้ใจชื่นบาน
แสงแดดยามสายสาย
ยามพร่างพรายต้องสายธาร
ฉาบทองเมื่อมองแสนตระการ
ผีเสื้อสุขสราญนะเจ้าเอย
ท้องฟ้าสีอำพัน
ผีเสื้อสุขสันต์มากเหลือ
เจ้าไม่คิดไม่ต้องหวัง
ดอกไม้ยังกูลเกลื้อ
แสงแดดจุนเจือชีวี
อยากจะเป็นผีเสื้อตัวน้อย
บินล่องลอยเสรี
สีสันดุจอัญมณี
สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ
ท้องฟ้าสีอำพัน
ผีเสื้อสุขสันต์มากเหลือ
เจ้าไม่คิดไม่ต้องหวัง
ดอกไม้ยังกูลเกลื้อ
แสงแดดจุนเจือชีวี "
...เมื่อช่วงบ่ายวันก่อน ในขณะที่ฉันกำลังภาวนาสมาธิอยู่กลางป่าบนยอดเขาที่เงียบสงบอยู่นั้น
ก็รู้สึกมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ต้องตัดสินใจหยุดการภาวนาชั่วครู่
แล้วก็เดินบุกป่าจากยอดเขาลงมายังน้ำตกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากสถานปฎิบัติธรรมสักเท่าไหร่
และก่อนที่ฉันจะเดินไปถึงน้ำตก...
ก็ได้เห็นพวกวัยรุ่นชายและหญิงขี่มอเตอร์ไซค์สามถึงสี่คันขับสวนออกจากป่าอันรกร้างที่ไม่มีใครเข้ามาเยือน
พอเมื่อฉันไปถึงทางเข้าน้ำตกที่เงียบเหงาอย่างไร้ผู้คนแห่งนี้ ก็เห็นถุงหิ้วพลาสติกขนาดพอประมาณวางตะแคงอยู่บนโต๊ะไม้เก่าๆ
ครั้นเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าในถุงพลาสติกนั้นมีผีเสื้อติดอยู่นับสิบตัว
พวกเขาต่างก็พยายามที่จะบินหนีออกจากถุง แต่ก็หาทางออกไม่เจอ
นั้นเป็นเพราะว่าปากถุงได้ถูกมัดให้เหลือเพียงช่องเล็กๆ
และในทันทีที่เห็นพวกเขาต่างถูกขัง ฉันก็รีบหยิบถุงขึ้นมาแก้มัด แล้วค่อยๆบรรจงหยิบพวกเขาออกมาทีละตัว...
พร้อมกับเอ่ยปากว่า "พวกเธอได้รับอิสรภาพแล้ว จงบิน จงพยายามบิน และดำเนินชีวิตตามวิถีทางของพวกเธอต่อไปให้ได้..."
อืมม ทีนี้ลองมาชมภาพถ่ายผีเสื้อของฉันกัน
ตัวนี้ เขายังเกาะอยู่บนโต๊ะ โดยไม่ยอมบินไปไหน
สงสัยเขาจะรอขอบคุณ ที่ฉันได้ช่วยชีวิตก็เป็นได้นะ
ส่วนตัวนี้... ลองสังเกตุที่ปีกของเขาดูนะ
และเมื่อฉันนำเพลง "ผีเสื้อ" ของคุณชรัส มาประกอบกับเรื่องราวนี้แล้ว
ทำไมผีเสื้อของใครๆเขาช่างดูแตกต่างจากผีเสื้อของฉันจัง
อย่างเช่นเนื้อเพลงได้พรรณนาว่า..
"ผีเสื้อตัวน้อยน้อย
บินล่องลอยกลางพนาไพร
โผผินร่อนบินระเริงใจ
คลุกเคล้าดอกไม้ใจชื่นบาน
แสงแดดยามสายสาย
ยามพร่างพรายต้องสายธาร
ฉาบทองเมื่อมองแสนตระการ
ผีเสื้อสุขสราญนะเจ้าเอย.."
และยิ่งท่อนสุดท้ายของเพลงที่เป็นเสียงของหลานๆคุณชรัสได้ขับร้อง
"..อยากจะเป็นผีเสื้อตัวน้อย
บินล่องลอยเสรี
สีสันดุจอัญมณี
สุขใดหรือจะมีเช่นผีเสื้อ..."
นี้ถ้าเด็กๆที่ขับร้องได้มาเห็นผีเสื้อของฉันแล้ว เขาคงจะหยุดร้องเพลงต่อเป็นแน่
ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะภาพที่พวกเขาจะได้เห็นคือ..
ผีเสื้อของฉันทั้งหมดนั้น ไม่ได้มีสีสรรสวยงามใดๆเลย
ที่สำคัญคือพวกเขาต่างก็ไม่มีอิสระเสรีที่จะบินร่อนไปอย่างสุขสราญใจเหมือนดังบทเพลง
แถมบางตัว ปีกของเขาก็ฉีกขาดหายไปจากร่าง ก็คงเกิดจากการที่พยายามจะบินออกจากถุงที่พวกคนใจร้ายทำกับดักไว้..
ยิ่งไปกว่านั้น .. ผีเสื้อของฉัน เขาไม่มีดอกไม้สดๆสีสวยๆให้หอมชมเชย จะมีก็แต่เศษใบไม้แห้งกรอบที่ตกจากต้นแล้ว
และก็ไม่มีน้ำหวานจากเกษรดอกไม้ให้พวกเขาได้ดูดดื่ม นอกจากน้ำฝนค้างคืนอันมีกลิ่นเหม็นที่ขังอยู่ตามร่องหินเพียงเท่านั้น..
สุดท้าย....ฉันดีใจที่ได้ช่วยชีวิตสัตว์ แม้ว่าใครจะคิดว่าเป็นเพียงสัตว์ตัวเล็กๆก็ตาม
ทั้งนี้เป็นเพราะ เหล่าผีเสื้อและฉันต่างก็อาศัยป่าเป็นที่อยู่อาศัยและปฎิบัติธรรม
สุดท้ายแล้วเราทั้งหมดต่างก็เป็นส่วนหนึ่งในระบบนิเวศน์ ซึ่งก็จะต้องพึงพากันและกันตลอดไป..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.