บางครั้งการให้โอกาส อาจจะเปลี่ยนชีวิตคน เพราะโอกาสมีอยู่เสมอ สำหรับคนที่พร้อมจะรับโอกาสนั้น

ไปเจอสเตตัสอันนี้ของน้องใน FB คนหนึ่ง อยากจะมาแชร์ให้ได้อ่านกัน

มีเรื่องจะมาแชร์อีกแล้ว ขอเตือนว่าอาจจะยาวมาก

มันมีอยู่ว่าวันนี้มีโทรศัพท์สายนึงจากนักศึกษาฝึกงาน โทรมาขอฝึกงานแผนกอะไรก็ได้ ต้องส่งเรื่องให้กับมหาลัยภายในวันพรุ่งนี้แล้ว ไปสมัครมาหลายที่ ไม่มีที่ไหนรับเลย

พอเราได้ยินประโยคสุดท้ายปุ๊บก็เริ่มคิดตะหงิดๆ แล้วว่าเด็กคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ สุดท้ายได้ข้อสรุปจาก DOS (Director of Sale) ว่าถ้ามาวันนี้ได้ก็คุยเลย ณ ตอนนั้นบ่าย 3 โมง บ้านน้องอยู่บางแค น้องบอกว่ามาได้และจะถึงประมาณ 4 โมง!!!

ประมาณ 4 โมงนิดๆ น้องก็มาถึง ภาพแรกที่ได้เห็นคือ ชายเสื้อเชิ๊ตอยู่นอกกางเกง สวมยีนส์ ผมยาวไม่เป็นระเบียบพอๆ กับหนวดเครา เลยได้แต่คิดในใจว่า อ๋อ ทำไมที่อื่นเค้าถึงไม่รับ

หลังจากสัมภาษณ์กับพี่ Training Manager อยู่พักใหญ่ๆ น้องก็หายตัวไปเข้าห้องน้ำ พร้อมกลับมาด้วยลุคที่ดูเป็นระเบียบขึ้นนิดนึง จากนั้นพี่ Training Manager ก็ให้ส่งไปสัมภาษณ์กับ DOS ต่อ

หลังจากสัมภาษณ์กับ DOS อยู่อีกพักใหญ่ๆ DOS ก็โทรเรียกเราไปรับน้องกลับ พร้อมให้อยู่เป็นสักขีพยานว่าได้บอกกับน้องว่า ทางเราให้โอกาสน้องแล้ว น้องก็ต้องปรับปรุงตัวด้วย ขอนัดเจออีกทีอาทิตย์หน้า พร้อมขอให้น้องกลับไปตัดผม โกนหนวด ตัดเล็บ ผูกไทด์ กางเกงแสลค เรียบร้อย เพื่อมาคุยกันอีกครั้ง

พอรับตัวน้องกลับมาก็อธิบายเรื่อง Grooming ให้น้องอีกนิด น้องสอบถามข้อมูลอีกนิดหน่อย ด้วยความสงสัยว่าน้องเค้ามายังไงภายในเวลาแค่ 1 ชั่วโมงเลยถามน้องไป น้องตอบกลับมาว่า "นั่งวินมาครับ" (อึ้ง!!!) แล้วก็ปล่อยน้องกลับ

สักพักพี่ Training Manager ก็เข้ามาคุยด้วย ก็บอกว่าคุยอะไรกันไปบ้าง คุยเรื่องเหตุผลที่เค้าไปสมัครแชงกรีล่าแล้วไม่ได้แม้กระทั่งสัมภาษณ์ ทั้งที่แชงชอบนักศึกษาฝึกงานจะตาย พูดกันตรงๆ ว่าเป็นที่ภาพลักษณ์ของเรานะ เลยรู้มาว่าที่มหาลัยของน้องใส่ชุดอะไรไปเรียนก็ได้ขอแค่เป็นกางเกงขายาว (อึ้งต่อ!!!)

จากนั้นพี่ Training Manager ก็เล่าให้ฟังว่าน้องเค้าเคยเกเรมาก่อน เหลวไหลสารพัด ติดยาด้วย จนถูกตำรวจจับ เค้าจึงเริ่มคิดว่าจะทำอย่างนี้ไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนตัวเองซักที ซึ่งเหตุผลคือ ตอนที่ถูกจับนั้น เห็นพ่อร้องไห้ แม่เสียใจเลยไม่อยากทำตัวอย่างนั้นอีก

อยากเรียนให้จบ หางานทำ จะได้ให้พ่อซึ่งอายุ 70 กว่าปีแล้ว เลิกทำงานซักที พี่ Training Manager ถามว่าถ้าหาเงินได้เองแล้วจะเอาไปทำอะไร น้องตอบว่าอยากพาแม่ไปเที่ยว พี่ก็ถามต่อว่าจะไปเที่ยวที่ไหน น้องบอกว่า มัลดีฟ พี่เค้าเลยถามต่อว่าทำไมอยากไปมัลดีฟล่ะ น้องบอกว่าเวลาแม่ดูโฆษณา แม่ชอบพูดว่า สวยจัง ถ้าได้ไปเห็นจริงๆ ก็คงดี

ณ โมเม้น นั้นคือเราน้ำตาคลอแล้วนะ อารมณ์กำลังได้ที่เลย พี่เค้าเลยเล่าต่อ พี่เค้าบอกน้องไปว่าทางเราให้โอกาสน้อง แล้วน้องจะทำได้มั้ยกับการปรับปรุงตัวเอง น้องบอกว่าก็ต้องทำครับ จากนั้นพี่เค้าก็ให้เวลาน้อง 2 นาทีไปห้องน้ำแล้วทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองออกมาดูดีที่สุด

พี่เค้าก็พูดให้ฟังว่า ทางเรารับน้องเค้าเข้าฝึกงาน เป็นการให้โอกาสคนที่คิดจะปรับปรุงตัว แต่ทางน้องเค้าเองก็ต้องให้ความร่วมมือเหมือนกัน เพราะถ้าโดน Reject ระหว่างฝึกงาน มันก็เป็นเรื่องที่น้องเค้าเลือกที่จะให้เป็น ถือว่าเราช่วยจนถึงที่สุดแล้ว

จากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้เรียนรู้อะไรได้หลายอย่างเลย คนบางคนก็ต้องการชี้นำ สิ่งที่ควรรู้บางเรื่องก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้หากไม่ได้รับการบอกกล่าว บางทีสิ่งที่เราเห็นภายนอกอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิด หากลองพูดคุยจนสัมผัสเข้าไปถึงในระดับ mental แล้วก็จะได้พบสิ่งที่ไม่อาจคาดคิดก็ได้

Training Manager บอกว่า "พี่มองว่าการปฏิเสธมันก็ไม่ใช่เรื่องผิด แถมยังทำง่ายกว่าด้วยซ้ำ แต่พี่มองในอีกมุมว่า ถ้าไม่มีใครลองให้โอกาสเค้าเลย สุดท้ายแล้วเค้าก็ต้องกลับไปเป็นอย่างเดิมอีก"

Drama is all around.

Creadit FB: เมฆน้อย ลอยละลิ่ว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่