มหากาพย์แชร์ประสบการณ์ฝึกงาน Reception/Front Office ดุสิตธานี พัทยา เป็นยังไงมาดูกันนนน~

สวัสดีค่า ยิ้ม นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลยในพันทิป วันนี้เราเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ฝึกงานแผนก Front Office ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียง มีหลายสาขาทั่วประเทศ ทั่วโลกเลย  เผื่อพี่ๆเพื่อนๆน้องๆคนไหนสนใจอยากไปฝึกงาน/ทำงานก็เก็บไว้เป็นตัวเลือกได้จ้า


ปล. รูปภาพทั้งหมดนี้ขออนุญาตดึงมาจากเว็บไซต์ดุสิตธานีและกูเกิลนะคะ เพราะเราไม่มีถ่ายมาเลย

พลุโอ่งป่ะ! ลองไปดูกัน Let's Go!!!พลุโอ่ง

ดอกไม้ วันที่ไปสัมภาษณ์


(ก่อนหน้าที่เราจะไปฝึกงานเราไปโรงแรมดุสิตธานี พัทยาด้วยกัน 2 ครั้ง คือวันที่สัมภาษณ์กับวันที่ลองชุดพนักงานค่ะ เริ่มจากตอนที่สัมภาษณ์เราเตรียมทำ Resume ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และเตรียมใบ Transcript ที่เป็นใบเกรด และใบที่รับรองการเป็นนศ. ของเรา)

วันที่ไปสัมภาษณ์ เราก็ไปที่ห้อง Training ซึ่งเป็นแผนกที่รับผิดชอบด้านการฝึกงานและการสมัครงาน พอไปถึงเราก็นำเอกสารที่เตรียมมาให้พี่ Training

พี่เขาก็ให้เราทำข้อสอบซึ่งเราไม่แน่ใจว่าถ้ามาฝึกแผนกอื่นนี่จะต้องทำรึปล่าว เพราะข้อสอบเป็นข้อสอบภาษาอังกฤษ มีทั้งอัตนัยและปรนัย (ไม่ยาก บอกเลย)

ในข้อสอบจะมีถามพวก Grammar คำศัพท์ที่ใช้ในโรงแรม ให้เราแปลเป็นอังกฤษ และไทย มีแปลข้อความ แปลประโยค และมีบทความภาษาอังกฤษให้อ่านซึ่งเป็นบทความเกี่ยวกับการก่อตั้งโรงแรม ละให้ตอบคำถามจากในบทความ ให้เวลาทำ 1 ชม. ข้อสอบค่อนข้างเยอะอยู่ พอหมดเวลาก็นั่งรอพี่เขาตรวจข้อสอบละก็เรียกมาสัมภาษณ์เลย

เยี่ยมต่อไปเป็นการสัมภาษณ์  เราได้สัมภาษณ์พร้อมกันเพื่อนเลย เพราะไปกันสองคน แต่พี่เขาก็จะให้เราผลัดกันตอบ ช่วงแรกๆ พี่เขาถามแต่ภาษาไทย เราก็เอ๊ะ! หรือสัมภาษณ์ไทยกันนะ เพราะถามเยอะมาก คุยไปคุยมาพี่เขาก็บอกว่าจะเริ่มสัมเป็นอังกฤษละนะ (โอ้โห่ เรานี่มโนไปเอง55555) พี่เขาก็ถามเหมือนคุยแบบเป็นกันเอง คุยไปเรื่อยๆ

เริ่มจากแนะนำตัว ชอบทำอะไร งานอดิเรก เราตอบอะไรไป เขาก็ถามต่อเรื่อยๆ เราบอกว่าชอบดูหนัง ก็มีให้เล่าให้ฟังด้วย เพื่อนเราบอกชอบร้องเพลง ก็มีร้องเพลงให้ฟังด้วย การสัมภาษณ์นี้ใช้เวลายาวนานมากจริงๆ ชม.กว่าๆได้ ใบเหลือง


          พอสัมภาษณ์จบเรานี่โล่งเลย ละพี่เขาก็จะนัดแนะเราว่าให้เรามาฝึกวันไหน อะไรยังไง มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามเลย ซึ่งพี่ๆน่ารักและใจดีมากๆค่ะ บอกเลย อิอิ (อ้อ เกือบลืม พี่เขาให้เราไปขอจดหมายขออนุญาตฝึกงานกับทางมหาวิทยาลัยด้วยนะ จะส่งทางอีเมล์หรือนำไปให้กับมือเลยก็ได้จ้า) กะพริบตา

ดอกไม้ ครั้งที่ 2 ไปลองชุดใส่ฝึกงาน

ที่เราไปก็ไม่มีอะไรมาก เราไปลองชุดที่จะใส่ฝึกงาน ชุดที่เราได้ใส่จะเป็นชุดของ Front Office ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าเรียกว่าชุดอะไร

เป็นเสื้อแขนกุดสีเขียว และกระโปรงลายไทยยาวถึงตาตุ่ม ส่วนรองเท้าเราต้องหาซื้อเอง ซึ่งจะต้องเป็นรองเท้าคัชชูหนังมีส้น จะหัวแหลม หัวมน หัวเหลี่ยมแล้วแต่เลย ซื้อแล้วเอาไว้ใช้ใส่รับปริญญาได้เลย แต่ต้องหาคู่ที่เหมาะกับเรา ใส่แล้วไม่แน่น ไม่ปวด ไม่เมื่อย เพราะเราต้องใส่ทั้งวัน ทุกวัน ตลอดการฝึกงาน สาวแว่น


เราลองชุดนานมากกก ป้าที่อยู่ห้องตัดเย็บผ้าก็ใจดีมากเลย ช่วยเราลองจนได้ชุดที่เข้ากับเรา มีต้องแก้ชุดนิดหน่อย

          หลังจากลองเสร็จ พี่ที่ Training ก็แนะนำกฎของนศ.ฝึกงานที่นี่ อย่างเช่น ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะทำงาน ห้ามใส่ชุดพนักงานออกนอกโรงแรม ให้มาเปลี่ยนเท่านั้น (ที่โรงแรมจะซักชุดให้เราทุกวัน ไม่ต้องเอากลับไปซักเอง) มีล็อกเกอร์ให้ใช้ เจอลูกค้า เจอพี่พนักงานก็ยกมือไหว้ ทักทาย บลาๆๆ

          อีกเรื่องที่สำคัญเลย คือ ต้องแต่งหน้าค่ะ เพราะแผนก Front จะต้องต้อนรับลูกค้าตลอดเวลา ใครอยากแต่งหน้าจัดๆ แต่งได้ตามใจชอบเลยค่ะ เพราะพี่ๆที่นี่ก็แต่งหน้าจัดกันมาก ขนตาเด้ง คิ้วเป๊ะ แก้มแดงฉ่ำกันเลย และก็ไม่ใช่แค่แผนกเรานะที่ต้องแต่งหน้า เพราะเห็นทุกคนก็แต่งหน้ากันหมดเลย

          เวลาทำงาน ทำวันละ 9 ชม. พัก 1 ชม. (แต่ Front จะได้พักแค่ 45 นาทีนะ) เวลาในการทำงานพี่หัวหน้าในแผนกจะเป็นคนจัดให้เราว่าได้เข้างานกี่โมง หยุดวันไหน และวันหยุดก็จะได้หยุดเดือนละ 6 วัน ไม่ได้หยุดเสาร์อาทิตย์ ตามแต่ที่พี่เขาจะจัดให้เราเลย


นี่เป็นชุดเราเองงง แต่รูปนี้ถ่ายวัน Orientation นะ

ดอกไม้ วันแรก Orientation 1

วันแรกของการไปฝึกงาน เราไปถึงเกือบแปดโมง รีบมาเปลี่ยนชุด ละไปนั่งรอที่ห้อง Training พี่เขาจะแจกป้ายชื่อที่เป็นแถบแม่เหล็กให้ (สำหรับนศ.ฝึกงานป้ายจะเขียนว่า Trainee) ละก็นั่งรอจนเพื่อนๆฝึกงานคนอื่นๆมากันครบละพี่เขาก็พาไปที่ห้องประชุม Dusit

          ซึ่งวันแรกนี้คือวันจันทร์ต้นเดือนจะเป็นวันปฐมนิเทศ หรือที่เรียกว่า Orientation ของพนักงานใหม่และนศ.ฝึกงาน ซึ่งการจัด Orientation จะมี 2 วันด้วยกัน จัดโดยพี่ๆแผนก Training  

          กิจกรรมก็จะมีการแบ่งกลุ่ม มีเอกสารแจกให้ ละก็นั่งฟังพี่ๆบรรยาย นั่งจดเลคเชอร์กันไป ช่วงเช้าก็จะเป็นประวัติการก่อตั้งโรงแรม เอกลักษณ์ แนวคิด กระบวนการ แนะนำผู้บริหาร หัวหน้าแผนก ระหว่างการบรรยายก็จะมีการตอบคำถามไปด้วยเพื่อสะสมแต้มคะแนนของแต่ละกลุ่ม มีพักเบรกให้ช่วงสายกับช่วงบ่าย และพักเที่ยงอีกด้วย

พอถึงช่วงพักเที่ยง ก็ไปกินข้าวกันที่ห้องอาหารพนักงาน ซึ่งเป็นอาหารฟรีสำหรับพนักงาน ไม่เสียตัง มีทั้งของคาว ของหวาน แล้วแต่บางวัน (เวลาในการเปิดห้องอาหารมี 5 เวลาด้วยกัน เช้า กลางวัน เย็น กลางคืน ก่อนเช้า)

กลับมาช่วงบ่ายมีฟังบรรยายนิดหน่อย ละมีให้ทุกคนแนะนำตัวและจำชื่อเพื่อนให้ได้ หลังจากนั้นพี่ๆก็พาเดินทัวร์โรงแรม ไปดูสระว่ายน้ำ ห้องอาหาร ห้องประชุม ฟิตเนส และห้องพัก ละก็จบแล้ววันแรกประมาณ 4 โมงเย็นก็กลับบ้านได้

ที่นี่จะมีสระว่ายน้ำ 2 สระ สระนี้คือ สระชบา อยู่ชั้น 2 ลูกค้าสามารถเดินออกไปหาดพัทยาได้ที่ทางสระว่ายน้ำนี้เลย

นี่เป็นสระลากูน อยู่ชั้น 4 จะเล็กกว่าสระชบาค่ะ แต่จะพิเศษตรงที่มีอ่างจากุซซี่อยู่ในสระว่ายน้ำด้วย

นี่เป็นตัวอย่างห้องพัก Deluxe Sea View มองเห็นทะเลค่า

ดอกไม้ Orientation วันที่ 2

วันที่ 2 ของการ Orientation นี้ก็จะได้รับเอกสารอีกชุดนึง พี่ๆเขาก็บอกว่าวันนี้จะมีสอบด้วยนะ ตั้งใจฟังดีๆ

          ช่วงเช้าจะเป็นการบรรยายเกี่ยวกับการทำงานของที่นี่ สิทธิประโยชน์ต่างๆที่พนักงานจะได้รับ และมีการแนะนำวิธีรับมือการเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งช่วงเช้านี่เป็นเรื่องที่เราฟังแล้วงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะง่วงด้วย วันนี้จะออกน่าเบื่อๆ เพราะนั่งฟังอย่างเดียว ไม่ได้ไปไหน

         ส่วนช่วงบ่ายก็เป็นการแนะนำประเภทห้องพัก Dusit gold (การเป็นสมาชิกของดุสิต) ละก็มีสอบตอนสุดท้าย ข้อสอบจะต้องเขียนคำตอบ ส่วนใหญ่ถามเรื่องที่บรรยายไปวันแรกมากกว่า พี่ๆบอกว่าถ้าสอบไม่ผ่านต้องมาเข้า Orientation อีกจนกว่าจะผ่าน แต่ในครั้งนั้นก็ผ่านกันมาทุกคน หลังจากเฉลยข้อสอบก็มารวมคะแนนของแต่ละกลุ่ม กลุ่มไหนได้เยอะสุดก็รับรางวัลไป ละสุดท้ายก็ถ่ายรูปรวมเป็นอันเสร็จสิ้น

เยี่ยมการเข้า Orientation ในครั้งนี้ทำเราได้รู้จักเพื่อนๆฝึกงาน และพี่ๆพนักงานใหม่ต่างแผนกกันหลายคนเลย บางคนมาฝึกเดือนครึ่ง บางคนสอง บางคนสองครึ่ง บางคนหกเดือนก็มี การฝึกงานที่นี่เราสามารถเลือกฝึกเวียนแผนกได้ ถ้ามีเวลาพอ คือสามารถเลือกฝึกได้หลายแผนกด้วยนะ

ดอกไม้เข้าแผนกวันแรก

วันนี้เป็นวันที่จะได้ไปแผนก Front Office แล้ว พี่ที่ Training นัดเรา 9 โมงเช้า ตอนนั้นเรากะไปกินอาหารเช้า ซึ่งห้องอาหารเช้าจะปิด 08:30 น. แต่เราไปสาย เลยแปดครึ่งแล้วเลยรีบเปลี่ยนชุดละมาดูที่ห้องอาหารก็เห็นว่ายังเปิดนี่หน่า ก็เข้าไปนั่งละก็มีพี่ที่เป็น Manager ของแผนกไหนไม่แน่ใจเดินมาบอกว่าวันหลังมากินเวลานี้ไม่ได้นะลูก หลังแปดครึ่งจะไว้สำหรับพี่ๆหัวหน้า เราก็ค่ะๆ ละรีบกินเลย ละรีบไปที่ห้อง Training พอ 9 โมงพี่ที่ Training ก็ไปส่งเราที่แผนก

หัวใจแผนก Front Office นี้

ส่วนของด้านหน้าจะเป็น Reception บริการลูกค้า พี่ๆจะเรียกกันเองว่าหน้าบ้าน

และส่วนด้านหลังจะเป็น Front Office แบบออฟฟิสพนักงานเลย ก็จะเรียกว่าหลังบ้าน

moonstarจะมีแผนกที่อยู่ติดกับ Front Office คือ Operator และ Reservation moonstar

ซึ่ง Operator จะเป็นแผนกที่คอยรับสาย ติดต่อลูกค้าด่านแรกเลย โดยเฉพาะสายนอกโรงแรม ใครโทรมาโอเปอร์ก็รับก่อน

ส่วนถ้าลูกค้าจะติดต่อจองห้องพักแผนกโอเปอร์ก็จะโอนสายไปให้แผนกเรสเซอร์ต่อเลย

ทางด้านของ Front ส่วนของหน้าบ้านก็จะต้องรับสายเช่นกัน แต่จะเป็นสายภายในโรงแรมค่ะ

          อธิบายไปยาวเหยียดเลย ซึ่งจริงๆแล้ววันแรกของการทำงานที่แผนก ยังไม่ได้ทำอะไรมาก พี่เขาจะแจกเอกสารให้เป็นข้อมูลที่ Front ต้องรู้ อย่างเช่น เวลาเปิด-ปิดของห้องอาหาร สระว่าย และที่อื่นๆภายในโรงแรม ประเภทของห้องพักมีกี่แบบ กี่ Room Type ประมาณนี้ ให้เราท่องจำไปก่อน เพราะถ้าลูกค้ามาถามเรา เราต้องตอบได้

          พอช่วงกลางวันไปพักกินข้าว และช่วงเวลาเที่ยงเป็นเวลา Checkout time ซึ่งจะค่อนข้างวุ่นวาย พี่หัวหน้าเขาก็จะบอกว่าแผนกเราพักได้แค่ 45 นาทีนะ ละก็ต้องผลัดกันไป เพราะเดี๋ยวจะไม่มีคนอยู่ช่วยหน้าบ้าน เราก็ได้ไปกับพี่ในแผนกคนนึง รีบกินรีบกลับมา ช่วงบ่ายพี่เขาให้ช่วยถ่ายเอกสารข้อมูลการจองห้องพักลูกค้า เตรียมเอกสารสำหรับลูกค้าที่จะมาเช็คอินพรุ่งนี้ ละก็กลับบ้าน 5 โมงเย็น
นี่เป็นส่วนของ Lobby จะมองเห็น Reception อยู่ตรงด้านซ้ายมือของภาพ เห็นกันป่าวเอ่ย มี 3 เคาท์เตอร์

ดอกไม้ การฝึกการทำงานในฐานะ Receptionist Trainee

วันแรกๆที่ได้เข้าไปแผนกเราก็จะเจอผู้ใหญ่คนสำคัญเลยคือ Director of Room พี่เขาก็ถามเราเลยชื่ออะไร มาจากไหน เรียนอะไร อยากเป็นอะไร ละอยากได้อะไรกลับไปจากที่นี่ และอีกคนจะเป็นพี่ Manager ของ Front Office เขาก็จะถามคล้ายๆกันเลย เพราะเขาอยากให้เรากลับไปละได้ประสบการณ์แบบที่เราตั้งเป้าไว้

หลังจากนั้นพี่ Manager ก็จะพาเราไปรู้จักกับพี่ๆ แผนกอื่นๆที่จำเป็นต้องคอยติดต่อกัน ตั้งแต่ Reservation, Operator, และ Front Office ของ Dusit Club*

ประหลาดใจเราขออธิบายเรื่อง Front สักนิดนึงเนอะ ว่าที่นี่จะมี Reception อยู่สองที่ คือที่แรกจะเป็นที่หลัก อยู่ที่ Lobby ชั้น 4 คือลูกค้าที่เข้ามาหน้าโรงแรมจะเจอ Reception ชั้น 4 ด่านแรกเลย ส่วนอีกที่จะเรียกว่า Dusit Club จะมี Reception อยู่ที่ชั้น 8 (Executive Floor) จะบริการสำหรับลูกค้าที่จองมาในห้อง Club หรือลูกค้าที่ซื้อแพจเกจของ Dusit Club เพิ่มเติม


ปล. มีต่ออีกเน้ออออออ เดี๋ยวทะยอยอัพในเม้นท์นะคะ ในกระทู้เต็มแล้วจริงๆ ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่