สวัสดีคะ หลังจากที่ได้ติดตามระทู้ของหลายๆคนที่แชร์ประสบการณ์ชวิตนั้น ดิฉันจึงอยากมาบอกเล่าประสบการณ์ของ 'ยาเสพติด'
เริ่มจาก 2 ปีที่แล้ว ดิฉันเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของความฟุ้งเฟ้อและค่าเทอมที่ค่อนข้างแพงในระดับพอสมควรคะ เมื่อก่อนดิฉันเป็นคนที่เรียนดี เรียกว่าจบมัธยมมาเกรด 3.7+ และรักษาระดีบผลการเรียนที่อยู่ในเกณฑ์ดีมาโดยตลอด
จนกระทั่งปลายปีที่ผ่านมา. ..เมื่อดิฉันได้รู้จักกับยาเสพติด ซึ่งในที่นี้คือ 'ยาไอซ์' โดยในหมู่วัยรุ่นจะเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า 'สเก็ต' คะ ในตอนแรกก็ไม่รู้หรอกนะคะว่ามันคืออะไร เป็นยังไง เสพยังไง จนกระทั่งไปคอนโดเพื่อน เมื่อไปถึงภาพแรกที่เห็นคือเพื่อนสาวสองคน คนแรกกำลังถือขวดน้ำเล็กๆ บริเวณที่ควรจะเป็นผาขวดกมีรูอยู่สองฝั่ง ด้านนึงจะเป็นหลอดดูดน้ำ อีกด้านจะเป็นหลอดแก้ว(ซึ่งสามารถหาได้ตามร้านขายยา) ภายในขวดน้ำมีน้ำอยู๋ปริมาณหนึ่ง และเพื่อนอีกคนกำลังจุดไฟแช้ครนใต้หลอดแก้ว เมื่อทั้งสองเห็นดิฉันก็ชักชวนให้ดิฉันลองไอ้เจ้าสเก็ตตัวปัญหานี่ ซึ่งไม่รู้ผีตนไหนดลใจให้ในที่สุดดิฉันก็ได้ทดลองการดูดยาไอซ์ครั้งแรกในชีวิต โดยดูดควันเข้าออกเหมือนการสูบบุหรี่ทุกประการคะ
วันที่ 1 : หลังจากการดูดยาไอซ์ครั้งแรก ดิฉันเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อนเป็นอย่างมาก ทุกคนเข้าหายกยอปอปั้น นัดกันเที่ยวอย่างสนุกสนาน อ้อลืมบอกว่ามันทำให้ดิฉันนอนไม่หลับคะ เรียกได้ว่าตาสว่างมาก หน้าตึง หน้าตอบ และรู้สึกว่ามั่นในใจตัวเองเป็นอย่างมาก ไม่ได้โกหกนะคะ คือมันรู้สึกแบบนี้จริงๆ วันเดียวดิฉันน้ำหนัดลดลงไป 1 กิโล เพราะดิฉันไม่มีความรู้สึกหิวเลยแท้แต่นิดเดียว เพื่อนดิฉันบอกว่านี่เป็นเคล็ดลับความผอมของพวกเธอ บอกตรงๆว่าในความรู้สึกนั้นคือ ม่ีความสุขคะ รู้สึกทุกอย่างดูชิลล์ไปหมด เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนคือไม่เบื่อ เปิดเพลงตื๊ดฟังกันสนุกสนาน หัวเราะและพูดกันทั้งวันทั้งคืน
วันที่ 2 : หลังจากผ่านมาวันแรก ยาเริ่มหมดฤทธิ์คะ จึงมีคำศัพท์ที่เรียกว่า 'การเติม' เพื่อเพิ่มสารเสพติดเข้าสู่ร่างกายให้มากขึ้น เพราะเมื่อยาเริ่มหมดฤทธืจะมีอาการเพลีย เนื่องจากไม่ได้นอนมานึ่งวันเต็มๆ ดิฉันก็เติมคะ คือตอนนั้นสติมันกระเจิงไปหมดแล้ว รู้สึกว่าสนุก ผอม สวย มั่นใจ น้ำหนัดลด มีเพื่อนเยอะ เพื่อนบางคนที่ไม่เติมก็หลับ เนื่องจากเพลียจากการใช้ยา บางคนที่เติมก็หาอะไรทำ คือมันอยู่นิ่งๆไม่ได้ เค้าเรียกว่าอาการดีด ต้องหาอะไรทำอยยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นการกัดเล็บ เคาะนู่นนี่นนั่น ถึงขนาดเก็บห้อง ล้างห้องน้ำเลยก็มี
วันที่ 3 : ร่างกายเริ่มไม่ได้คะ ไม่ได้นอนมาสองวันเต็มๆ ถึงจะเติมยาเพิ่มยังไงร่างกายก็เข้าสู่ฌหมดเพลีย แต่ก็ยังเติมยาคะ เนื่องจากมันหยุดไม่อยู่ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ตามปกติเมื่อร่างกายคนเราอ่อนล้า เราก็ต้องการการพักผ่อน จนมาถึงในระดับหนึ่งที่ร่างการขิงดิฉันบอกตัวเองว่า 'พอ' แต่เมือ่ต้องการที่จะนอนกลับนอนไม่หลับ เป็นอาการที่นอนยังไงก็ไม่หลบ ข่มตายังไงก็หลับไม่ลง ทรมาณมาก เหนื่อยมาก หิวน้ำตลอดทั้งวัน สาวๆคนที่ไหนที่เคยทานยาลดความอ้วนมาก่อน อยากบอกเลยคะว่าแย่กว่านั้นเป็นสิบๆเท่าตัว
วันที่ 4 : ผ่านมาสามวันก็ยังนอนไม่หลับคะ ขนาดไม่เติมยาแล้วก็หลับไม่ลง เร่มมีอาการหวาดกลัวเพื่อนตัวเอง กลัวว่าเพื่อนจะมาทำร้ายบ้าง หูแว่วบ้าง อาบน้ำอยู่ได้ยินเสียงเพื่อนคุยกันก็นึกว่าเค้าแอบด่าเรา นินทาเรา จำได้ว่าตอนนั้นวิ่งออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ไม่ใส่เสื้อผ้า มาตะโกนถามเพื่อนว่า 'พวกนินทาอะไรกัน กูได้ยินนะ' ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่นก็หันมามองด้วยสีหน้างงๆ บอกว่ากำลังดูทีวีอยู่นะ นั่นเป็นครั้งแรกที่ออกอาการ
วันที่ 5 : ทรมานมากคะ เกิดมาไม่เคยไม่นอนถงขนาดห้าวันมาก่อนในชีวิต กลัวตัวเอง กลัวคนรอบข้าง ได้ยินเสียงคนมากระซิบอยู่ตลอดเวลา เป็นเสียงด่าเราบ้าง ยุยงเราบ้าง เพื่อนเปิดเพลงก็ได้ยินเนื้อเพลงเป็นเสียงหัวเราเยาะ ดิฉันเริ่มหลอน ร้องไห้ รบเร้าให้เพื่อนพากลับบ้าน แต่ผลคือไม่มีใครสนใจ บางคนหลับเป็นตายเหมือนตายไปแล้วก็มี บางคนหงุดหงิด บางคนปลอบใจว่า 'นอยด์ยาอะดิ่ เดี๋ยวก็หาย ใจเย็นๆ' จำได้ว่าในตอนนั้นทรมานสุดๆ คิดไปไกลมาก พ่อโทรมาก็ไม่กล้ารับ คิดไปไกลว่า เรานั้นไม่ใช่ลูกพ่อแม่ เพื่อนที่พามาเป็นตำรวจ ถ้าเรากลับบ้านเราต้องโดนจับแน่ นี่เป็นกับดัก คือจิตใจมันหลอนไปหมดคะ นี่คือเริ่องจริง นอนตัวสั่นหวาดกลัว ขอบตาดำคล้ำ ส่องกระจกดูตัวเองนี่คือหน้าตอบมาก จมูกโด่งเป็นสันสูง ตาลึก เป็นครั้งแรกที่ตัวเองเหมือนผีดิบ นอนกระสับกระส่ายจนตัวเองหลับไป
ตื่นมาอีกครั้งผ่านไปประมาณ 10 ชั่วโมง เพื่อนหลายคนเริ่มเติมยากันเพิ่ม และเริ่มชักชวนให้ดิฉันเติม คือบอกตรงๆว่าดิฉันชอบเวลาที่ยาออกฤทธิ์นะคะ คือมีความสุขมาก แต่หลังจากความสุขนั้น ดิฉันทรมาณแทบขาดใจตาย อย่าคิดว่าเริ่งจะจแค่นี้นะคะ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ดิฉันกลายเป็นคนติดยาคะ หลังจากกลับบ้านไปมันเริ่มมีอาการโหยยา อยากเสพอีก จนต้องรบเร้าให้เพื่อนหามาให้ ถ้าหาไม่ได้ก็ต้องไปเอาเอง ยอมคะ ยอมเสี่ยงกับการถูกจับแค่เพราะยานรกนี่นับหลายครั้ง เมื่อนอยด์ยาก็คิดมาดฟุ้งซ๋าน กลัวคน ไม่ไปเรียน ไม่ไปสอบ กลัวเพื่อนที่เค้าไม่รู้จับได้ กลัวสังคมรังเกียจ วนเวียนอยู่เป็นวงจรอุบาทว์ของชีวิตคะ ดิฉันซื้อยา จีละ 2,500 บาท เสพได้ประมาณเกือบอาทิตย์ จนในที่สุดหลังจากการติดยา ผ่านไปประมาณ 2 เดือน น้ำหลักลดไปสิสองกิโล เสื้อผ้าจากไซส์ L เป็น S สติเริ่มไม่อยุ่กับเนื้อกับตัว กลัวตัวเองมากถึงมากที่สุด จนที่สุดคือหลอนคะ พ่อแม่จับได้เพราะว่าหลอน เดินลงมาจากบ้านมาคุยกับหมา วิ่งไล่หมา แล้วร้องไห้ กลัวคนจะมาทำร้าย ตอนนั้นไม่รู้ตัวนะคะ ไม่มีสติเลย พ่อแม่กลับบ้านมาเห็นพอดี (พ่อกับแม่ม่ค่อยอยู่บ้านค นานๆกลับมาที ทำงานไกลคะ)
ดิฉันถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท เข้าแผนก IPD เวลาประมาณตีสอง ตื่นขึ้นมาในห้องตกใจมากคะ บริเวณหน้าแข้งเป็นจ้ำเขียวเต็มไปหมดเนื่องจากสูญเสียวิตามิน ตามตัวมีสายระโยงระยาง มีน้ำเกลือ วิตามินซ๊เป็นน้ำสีเหลืองๆ และยาอีกสองสามอย่าง ตื่นมาโวยวายกลัวคะ ตอนนั้นมีสติบ้างไม่มีบ้าง จำได้คร่าวๆคะ โวยวายจนถูกบุรุษพยาบาลจับมัดไว้กับเตียงสองวัน จนเริ่มมีสติ เริ่มรุ้ว่าอยู่ที่ไหนยังไง เข้ารับการรักษาและบำบัดเกี่ยวกับยาเสพติด ครั้งนั้นพ่อแม่เสียค่ารักษาพยาบาลในช่วงระยะเวลาที่ดิฉันรักษาตัว 1 เดือน/6 แสนบาท เป็นครั้งแรกที่เห็นพ่อร้องไห้ ถึงขนาดบอกว่าเอาลูกสาวคนเดิมกลับมาให้พ่อได้ไหม ให้พ่อทำอะไรพ่อก็ยอม พ่อบอกว่าเมียเสียใจมาก วันที่ดิฉนเข้าโรงพยาบาล แม่ไม่ยอมนอน ไม่กินข้าว จนแม่อิดโรย ไม่มีแรง ผลของยาไอซ์ทำให้เรามีปัญหาทางจิต กลายเป็นคนขาดความมั่นจในตัวเอง คิดมาก ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จนหมอวินิจฉัย่าเป็นโรค 'ใบโพล่า' คือ มีปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมตัวเอง เหมือนเป็นจิตอ่อนๆ ดิฉันต้องดรอปเรียน เสียเพื่อน เสียเวลา เสียอนาคต จึงอยากให้กระทู้นี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจสำหรับทุกคนว่าอย่าริลองยาเสพติดเป็นอันขาด มันอาจจะดีในตอนแรกเพราะเราฤทธิ์ยา แต่เชื่อสิ ผลที่ตามมาในระยะยาวมันไม่คุ้มกันหรอก คุณจะสูญเสียหลายๆอย่างในชีวิต และที่สำคัญทำให้พ่อแม่เสียใจ
ชีวิตดิฉันในตอนนี้ดีขึ้น ดิฉันสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนอีกแห่งหนึ่ง ดิฉันได้โอกาสเร่มใหม่จากพ่อแม่ ได้รับการให้อภัยเพราะพ่อแม่พร้อมที่จะให้อภัยเราเสมอ ในเมื่อคนเรามีโอกาสดิฉันจะไม่ทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง ดิฉันจะเป็นคนใหม่ ตั้งใจเรียนให้จบและเป็นคนดีของสังคม และที่สำคัญตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ให้ได้มากที่สุด หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ
แชร์ประสบการณ์จากการเสพยาเสพติด..ภัยร้ายในสังคมคะ
เริ่มจาก 2 ปีที่แล้ว ดิฉันเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของความฟุ้งเฟ้อและค่าเทอมที่ค่อนข้างแพงในระดับพอสมควรคะ เมื่อก่อนดิฉันเป็นคนที่เรียนดี เรียกว่าจบมัธยมมาเกรด 3.7+ และรักษาระดีบผลการเรียนที่อยู่ในเกณฑ์ดีมาโดยตลอด
จนกระทั่งปลายปีที่ผ่านมา. ..เมื่อดิฉันได้รู้จักกับยาเสพติด ซึ่งในที่นี้คือ 'ยาไอซ์' โดยในหมู่วัยรุ่นจะเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า 'สเก็ต' คะ ในตอนแรกก็ไม่รู้หรอกนะคะว่ามันคืออะไร เป็นยังไง เสพยังไง จนกระทั่งไปคอนโดเพื่อน เมื่อไปถึงภาพแรกที่เห็นคือเพื่อนสาวสองคน คนแรกกำลังถือขวดน้ำเล็กๆ บริเวณที่ควรจะเป็นผาขวดกมีรูอยู่สองฝั่ง ด้านนึงจะเป็นหลอดดูดน้ำ อีกด้านจะเป็นหลอดแก้ว(ซึ่งสามารถหาได้ตามร้านขายยา) ภายในขวดน้ำมีน้ำอยู๋ปริมาณหนึ่ง และเพื่อนอีกคนกำลังจุดไฟแช้ครนใต้หลอดแก้ว เมื่อทั้งสองเห็นดิฉันก็ชักชวนให้ดิฉันลองไอ้เจ้าสเก็ตตัวปัญหานี่ ซึ่งไม่รู้ผีตนไหนดลใจให้ในที่สุดดิฉันก็ได้ทดลองการดูดยาไอซ์ครั้งแรกในชีวิต โดยดูดควันเข้าออกเหมือนการสูบบุหรี่ทุกประการคะ
วันที่ 1 : หลังจากการดูดยาไอซ์ครั้งแรก ดิฉันเป็นที่ยอมรับในกลุ่มเพื่อนเป็นอย่างมาก ทุกคนเข้าหายกยอปอปั้น นัดกันเที่ยวอย่างสนุกสนาน อ้อลืมบอกว่ามันทำให้ดิฉันนอนไม่หลับคะ เรียกได้ว่าตาสว่างมาก หน้าตึง หน้าตอบ และรู้สึกว่ามั่นในใจตัวเองเป็นอย่างมาก ไม่ได้โกหกนะคะ คือมันรู้สึกแบบนี้จริงๆ วันเดียวดิฉันน้ำหนัดลดลงไป 1 กิโล เพราะดิฉันไม่มีความรู้สึกหิวเลยแท้แต่นิดเดียว เพื่อนดิฉันบอกว่านี่เป็นเคล็ดลับความผอมของพวกเธอ บอกตรงๆว่าในความรู้สึกนั้นคือ ม่ีความสุขคะ รู้สึกทุกอย่างดูชิลล์ไปหมด เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนคือไม่เบื่อ เปิดเพลงตื๊ดฟังกันสนุกสนาน หัวเราะและพูดกันทั้งวันทั้งคืน
วันที่ 2 : หลังจากผ่านมาวันแรก ยาเริ่มหมดฤทธิ์คะ จึงมีคำศัพท์ที่เรียกว่า 'การเติม' เพื่อเพิ่มสารเสพติดเข้าสู่ร่างกายให้มากขึ้น เพราะเมื่อยาเริ่มหมดฤทธืจะมีอาการเพลีย เนื่องจากไม่ได้นอนมานึ่งวันเต็มๆ ดิฉันก็เติมคะ คือตอนนั้นสติมันกระเจิงไปหมดแล้ว รู้สึกว่าสนุก ผอม สวย มั่นใจ น้ำหนัดลด มีเพื่อนเยอะ เพื่อนบางคนที่ไม่เติมก็หลับ เนื่องจากเพลียจากการใช้ยา บางคนที่เติมก็หาอะไรทำ คือมันอยู่นิ่งๆไม่ได้ เค้าเรียกว่าอาการดีด ต้องหาอะไรทำอยยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นการกัดเล็บ เคาะนู่นนี่นนั่น ถึงขนาดเก็บห้อง ล้างห้องน้ำเลยก็มี
วันที่ 3 : ร่างกายเริ่มไม่ได้คะ ไม่ได้นอนมาสองวันเต็มๆ ถึงจะเติมยาเพิ่มยังไงร่างกายก็เข้าสู่ฌหมดเพลีย แต่ก็ยังเติมยาคะ เนื่องจากมันหยุดไม่อยู่ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ตามปกติเมื่อร่างกายคนเราอ่อนล้า เราก็ต้องการการพักผ่อน จนมาถึงในระดับหนึ่งที่ร่างการขิงดิฉันบอกตัวเองว่า 'พอ' แต่เมือ่ต้องการที่จะนอนกลับนอนไม่หลับ เป็นอาการที่นอนยังไงก็ไม่หลบ ข่มตายังไงก็หลับไม่ลง ทรมาณมาก เหนื่อยมาก หิวน้ำตลอดทั้งวัน สาวๆคนที่ไหนที่เคยทานยาลดความอ้วนมาก่อน อยากบอกเลยคะว่าแย่กว่านั้นเป็นสิบๆเท่าตัว
วันที่ 4 : ผ่านมาสามวันก็ยังนอนไม่หลับคะ ขนาดไม่เติมยาแล้วก็หลับไม่ลง เร่มมีอาการหวาดกลัวเพื่อนตัวเอง กลัวว่าเพื่อนจะมาทำร้ายบ้าง หูแว่วบ้าง อาบน้ำอยู่ได้ยินเสียงเพื่อนคุยกันก็นึกว่าเค้าแอบด่าเรา นินทาเรา จำได้ว่าตอนนั้นวิ่งออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ไม่ใส่เสื้อผ้า มาตะโกนถามเพื่อนว่า 'พวกนินทาอะไรกัน กูได้ยินนะ' ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่นก็หันมามองด้วยสีหน้างงๆ บอกว่ากำลังดูทีวีอยู่นะ นั่นเป็นครั้งแรกที่ออกอาการ
วันที่ 5 : ทรมานมากคะ เกิดมาไม่เคยไม่นอนถงขนาดห้าวันมาก่อนในชีวิต กลัวตัวเอง กลัวคนรอบข้าง ได้ยินเสียงคนมากระซิบอยู่ตลอดเวลา เป็นเสียงด่าเราบ้าง ยุยงเราบ้าง เพื่อนเปิดเพลงก็ได้ยินเนื้อเพลงเป็นเสียงหัวเราเยาะ ดิฉันเริ่มหลอน ร้องไห้ รบเร้าให้เพื่อนพากลับบ้าน แต่ผลคือไม่มีใครสนใจ บางคนหลับเป็นตายเหมือนตายไปแล้วก็มี บางคนหงุดหงิด บางคนปลอบใจว่า 'นอยด์ยาอะดิ่ เดี๋ยวก็หาย ใจเย็นๆ' จำได้ว่าในตอนนั้นทรมานสุดๆ คิดไปไกลมาก พ่อโทรมาก็ไม่กล้ารับ คิดไปไกลว่า เรานั้นไม่ใช่ลูกพ่อแม่ เพื่อนที่พามาเป็นตำรวจ ถ้าเรากลับบ้านเราต้องโดนจับแน่ นี่เป็นกับดัก คือจิตใจมันหลอนไปหมดคะ นี่คือเริ่องจริง นอนตัวสั่นหวาดกลัว ขอบตาดำคล้ำ ส่องกระจกดูตัวเองนี่คือหน้าตอบมาก จมูกโด่งเป็นสันสูง ตาลึก เป็นครั้งแรกที่ตัวเองเหมือนผีดิบ นอนกระสับกระส่ายจนตัวเองหลับไป
ตื่นมาอีกครั้งผ่านไปประมาณ 10 ชั่วโมง เพื่อนหลายคนเริ่มเติมยากันเพิ่ม และเริ่มชักชวนให้ดิฉันเติม คือบอกตรงๆว่าดิฉันชอบเวลาที่ยาออกฤทธิ์นะคะ คือมีความสุขมาก แต่หลังจากความสุขนั้น ดิฉันทรมาณแทบขาดใจตาย อย่าคิดว่าเริ่งจะจแค่นี้นะคะ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ดิฉันกลายเป็นคนติดยาคะ หลังจากกลับบ้านไปมันเริ่มมีอาการโหยยา อยากเสพอีก จนต้องรบเร้าให้เพื่อนหามาให้ ถ้าหาไม่ได้ก็ต้องไปเอาเอง ยอมคะ ยอมเสี่ยงกับการถูกจับแค่เพราะยานรกนี่นับหลายครั้ง เมื่อนอยด์ยาก็คิดมาดฟุ้งซ๋าน กลัวคน ไม่ไปเรียน ไม่ไปสอบ กลัวเพื่อนที่เค้าไม่รู้จับได้ กลัวสังคมรังเกียจ วนเวียนอยู่เป็นวงจรอุบาทว์ของชีวิตคะ ดิฉันซื้อยา จีละ 2,500 บาท เสพได้ประมาณเกือบอาทิตย์ จนในที่สุดหลังจากการติดยา ผ่านไปประมาณ 2 เดือน น้ำหลักลดไปสิสองกิโล เสื้อผ้าจากไซส์ L เป็น S สติเริ่มไม่อยุ่กับเนื้อกับตัว กลัวตัวเองมากถึงมากที่สุด จนที่สุดคือหลอนคะ พ่อแม่จับได้เพราะว่าหลอน เดินลงมาจากบ้านมาคุยกับหมา วิ่งไล่หมา แล้วร้องไห้ กลัวคนจะมาทำร้าย ตอนนั้นไม่รู้ตัวนะคะ ไม่มีสติเลย พ่อแม่กลับบ้านมาเห็นพอดี (พ่อกับแม่ม่ค่อยอยู่บ้านค นานๆกลับมาที ทำงานไกลคะ)
ดิฉันถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท เข้าแผนก IPD เวลาประมาณตีสอง ตื่นขึ้นมาในห้องตกใจมากคะ บริเวณหน้าแข้งเป็นจ้ำเขียวเต็มไปหมดเนื่องจากสูญเสียวิตามิน ตามตัวมีสายระโยงระยาง มีน้ำเกลือ วิตามินซ๊เป็นน้ำสีเหลืองๆ และยาอีกสองสามอย่าง ตื่นมาโวยวายกลัวคะ ตอนนั้นมีสติบ้างไม่มีบ้าง จำได้คร่าวๆคะ โวยวายจนถูกบุรุษพยาบาลจับมัดไว้กับเตียงสองวัน จนเริ่มมีสติ เริ่มรุ้ว่าอยู่ที่ไหนยังไง เข้ารับการรักษาและบำบัดเกี่ยวกับยาเสพติด ครั้งนั้นพ่อแม่เสียค่ารักษาพยาบาลในช่วงระยะเวลาที่ดิฉันรักษาตัว 1 เดือน/6 แสนบาท เป็นครั้งแรกที่เห็นพ่อร้องไห้ ถึงขนาดบอกว่าเอาลูกสาวคนเดิมกลับมาให้พ่อได้ไหม ให้พ่อทำอะไรพ่อก็ยอม พ่อบอกว่าเมียเสียใจมาก วันที่ดิฉนเข้าโรงพยาบาล แม่ไม่ยอมนอน ไม่กินข้าว จนแม่อิดโรย ไม่มีแรง ผลของยาไอซ์ทำให้เรามีปัญหาทางจิต กลายเป็นคนขาดความมั่นจในตัวเอง คิดมาก ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จนหมอวินิจฉัย่าเป็นโรค 'ใบโพล่า' คือ มีปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมตัวเอง เหมือนเป็นจิตอ่อนๆ ดิฉันต้องดรอปเรียน เสียเพื่อน เสียเวลา เสียอนาคต จึงอยากให้กระทู้นี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจสำหรับทุกคนว่าอย่าริลองยาเสพติดเป็นอันขาด มันอาจจะดีในตอนแรกเพราะเราฤทธิ์ยา แต่เชื่อสิ ผลที่ตามมาในระยะยาวมันไม่คุ้มกันหรอก คุณจะสูญเสียหลายๆอย่างในชีวิต และที่สำคัญทำให้พ่อแม่เสียใจ
ชีวิตดิฉันในตอนนี้ดีขึ้น ดิฉันสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนอีกแห่งหนึ่ง ดิฉันได้โอกาสเร่มใหม่จากพ่อแม่ ได้รับการให้อภัยเพราะพ่อแม่พร้อมที่จะให้อภัยเราเสมอ ในเมื่อคนเรามีโอกาสดิฉันจะไม่ทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง ดิฉันจะเป็นคนใหม่ ตั้งใจเรียนให้จบและเป็นคนดีของสังคม และที่สำคัญตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ให้ได้มากที่สุด หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะคะ