[๒๖๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เสียง (ที่เกิดขึ้นเพราะปีติ) ของเทวดา ๓ อย่างนี้
ย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดาเพราะอาศัยสมัยแต่สมัย ๓ อย่างเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ในสมัยใด พระอริยสาวกย่อม
คิดเพื่อจะปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกบวชเป็นบรรพชิต
ในสมัยนั้น เสียงของเทวดาย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดาว่า พระอริยสาวกนี้ย่อมคิดเพื่อทำสงครามกับมาร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเสียงของเทวดาข้อที่ ๑ ย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดาเพราะอาศัยสมัยแต่สมัย ฯ
อีกประการหนึ่ง
ในสมัยใด พระอริยสาวก
ประกอบความเพียรในการเจริญโพธิปักขิยธรรม ๗ ประการ
ในสมัยนั้น เสียงของเทวดาย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดาว่า พระอริยสาวกนั้นทำสงครามกับมาร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเสียงของเทวดา ข้อที่ ๒ ย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดาเพราะอาศัยสมัยแต่สมัย
อีกประการหนึ่ง
ในสมัยใด พระอริยสาวก
กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป
ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ในสมัยนั้น เสียงของเทวดาย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดา
ว่า พระอริยสาวกนี้พิชิตสงคราม ชนะแดนแห่งสงครามนั้นแล้วครอบครองอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเสียงของเทวดาข้อที่ ๓ ย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดา เพราะอาศัยสมัยแต่สมัย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เสียงของเทวดา ๓ ประการนี้แลย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดาเพราะอาศัยสมัยแต่สมัย ฯ
แม้เทวดาทั้งหลาย เห็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ชนะสงครามแล้ว เป็นผู้ใหญ่ ปราศจากความครั่นคร้าม
ย่อมนอบน้อมด้วยคำว่า ข้าแต่ท่านบุรุษอาชาไนย ขอนอบน้อมแด่ท่านผู้ครอบงำกิเลสที่เอาชนะได้ยาก
ชนะเสนาแห่งมัจจุ ผู้กางกั้นไว้มิได้ด้วยวิโมกข์เทวดาทั้งหลาย
ย่อมนอบน้อมพระขีณาสพผู้มีอรหัตผลอันบรรลุแล้วนี้ ด้วยประการฉะนี้
เพราะเทวดาทั้งหลายไม่เห็นเหตุแม้มีประมาณน้อย ของพระขีณาสพผู้เป็นบุรุษอาชาไนยนั้น
อันเป็นเหตุให้ท่านเข้าถึงอำนาจของมัจจุได้ ฉะนั้น จึงพากันนอบน้อมพระขีณาสพนั้น ฯ
จบสูตรที่ ๓
-------------
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๖๐๔๓ - ๖๐๗๓. หน้าที่ ๒๖๖ - ๒๖๗.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=25&A=6043&Z=6073&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=260
เสียง (ที่เกิดขึ้นเพราะปีติ) ของเทวดา ๓ อย่าง
ย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดาเพราะอาศัยสมัยแต่สมัย ๓ อย่างเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ในสมัยใด พระอริยสาวกย่อมคิดเพื่อจะปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกบวชเป็นบรรพชิต
ในสมัยนั้น เสียงของเทวดาย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดาว่า พระอริยสาวกนี้ย่อมคิดเพื่อทำสงครามกับมาร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเสียงของเทวดาข้อที่ ๑ ย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดาเพราะอาศัยสมัยแต่สมัย ฯ
อีกประการหนึ่ง
ในสมัยใด พระอริยสาวกประกอบความเพียรในการเจริญโพธิปักขิยธรรม ๗ ประการ
ในสมัยนั้น เสียงของเทวดาย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดาว่า พระอริยสาวกนั้นทำสงครามกับมาร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเสียงของเทวดา ข้อที่ ๒ ย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดาเพราะอาศัยสมัยแต่สมัย
อีกประการหนึ่ง
ในสมัยใด พระอริยสาวกกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป
ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ในสมัยนั้น เสียงของเทวดาย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดา
ว่า พระอริยสาวกนี้พิชิตสงคราม ชนะแดนแห่งสงครามนั้นแล้วครอบครองอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเสียงของเทวดาข้อที่ ๓ ย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดา เพราะอาศัยสมัยแต่สมัย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เสียงของเทวดา ๓ ประการนี้แลย่อมเปล่งออกไปในเหล่าเทวดาเพราะอาศัยสมัยแต่สมัย ฯ
แม้เทวดาทั้งหลาย เห็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ชนะสงครามแล้ว เป็นผู้ใหญ่ ปราศจากความครั่นคร้าม
ย่อมนอบน้อมด้วยคำว่า ข้าแต่ท่านบุรุษอาชาไนย ขอนอบน้อมแด่ท่านผู้ครอบงำกิเลสที่เอาชนะได้ยาก
ชนะเสนาแห่งมัจจุ ผู้กางกั้นไว้มิได้ด้วยวิโมกข์เทวดาทั้งหลาย
ย่อมนอบน้อมพระขีณาสพผู้มีอรหัตผลอันบรรลุแล้วนี้ ด้วยประการฉะนี้
เพราะเทวดาทั้งหลายไม่เห็นเหตุแม้มีประมาณน้อย ของพระขีณาสพผู้เป็นบุรุษอาชาไนยนั้น
อันเป็นเหตุให้ท่านเข้าถึงอำนาจของมัจจุได้ ฉะนั้น จึงพากันนอบน้อมพระขีณาสพนั้น ฯ
จบสูตรที่ ๓
-------------
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๖๐๔๓ - ๖๐๗๓. หน้าที่ ๒๖๖ - ๒๖๗.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=25&A=6043&Z=6073&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=260