ถ้าคสช.จะจัดการเรื่องจำนำข้าวให้ชัดเจน ก็อยากเสนอจุดที่ควรทำ เผื่อว่าบางที 50,000 ล้านที่จะกู้อาจไม่ต้องกู้ก็ได้
เริ่มจากการตรวจสต๊อกปริมาณข้าวทั่วประเทศ ทั้งเรื่องปริมาณ และคุณภาพ ซึ่งเรื่องคุณภาพ อาจจะต้องใช้เวลาและกำลังคนมาก เพราะต้องผ่ากอง ก็เลยคิดว่า รอบแรกลุยตรวจปริมาณ เอาตามยอดที่ อคส.และอตก.มีตัวเลขไว้ นับว่ามีครบตามนั้นก็พอก่อน อันนี้ทำพร้อมกันทั่วประเทศทุกโกดังวันเดียวเอาให้จบ
ส่วรอีกทีมค่อยตรวจคุณภาพแบบสุ่ม อาจจะมีสักสิบชุด เดินสายสุ่มไปเรื่อยๆ เพื่อตรวจคุณภาพในโกดัง ว่าเป็นอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่นโกดังนี้
ทีมตรวจปริมาณ ก็มีหน้าที่นับว่ามีข้าวครบ 8119 ตันหรือไม่ ถ้าไม่ครบก็จัดการเรียกการชดเชย จากคนที่รับผิดชอบเลย
ซึ่งจากตัวเลขว่าตอนปิดบัญชีครั้งก่อน 31พฤษภาคม 2556 (จะครบปีแล้ว) มีข้าวหายไป 3 ล้านตัน ถ้าตรวจครั้งนี้สรุปชัดเจน ว่าหายไปประมาณนั้น ก็น่าจะเรียกเงินชดเชยได้ถึง 74,000 ล้านบาท ตามที่ กขช.สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่าไว้
แต่ถ้านับแล้วไม่หายเยอะขนาดนั้น ก็คงจะได้มาบ้างบางส่วน
แล้วเมื่อทีมตรวจคุณภาพเดินสายสุ่มตรวจไป อย่างเช่นโกดังที่ยกตัวอย่างข้างบน เมื่อได้ตัวเลขว่ามีข้าวเสียหายเท่าไหร่ ก็ให้ดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหมจากบริษัทประกันภัย เพราะทุกโกดังมีการประกันอยู่แล้ว ถ้ากรณีไหน บริษัทประกันไม่รับผิดชอบ ก็ให้บริษัทประกันไปไล่บี้เอากับหน่วยอื่นเอง
แต่ถ้าโกดังไหนไม่ทำประกันไว้ แล้วมีความเสียหาย อันนี้ผู้บริหาร อคส.ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่เอาออกมาประมูลขายแบบที่ทำมา
นอกจากการตรวจสต๊อกแล้ว ยังสามารถสืบจากใบประทวนย้อนหลังทั้งห้ารอบได้ เพราะการจำนำข้าวถ้าเป็นการกระทำแบบทุจริต จะมีร่องรอยให้ย้อนหาได้ เพียงแค่ต้องเอาข้อมูลมาให้ครบ ก็จะเห็นจุดผิดสังเกตได้แล้ว
และผมเชื่อว่าในการจำนำข้าวทั้ง 5 รอบที่ผ่านมา มีการจำนำแบบไม่ถูกต้อง อย่างน้อยต้องมี 7-8 ล้านตัน ถ้าสืบย้อนแล้วหาได้สักสามล้านตัน ก็ดำเนินการเรียกเงินคืน ก็น่าจะได้อีกประมาณ 50,000 ล้านบาทแล้ว
รวมแล้วน่าจะได้เงินคืนมากกว่าแสนล้านบาทแน่ๆ
เช็คบิลจำนำข้าว
เริ่มจากการตรวจสต๊อกปริมาณข้าวทั่วประเทศ ทั้งเรื่องปริมาณ และคุณภาพ ซึ่งเรื่องคุณภาพ อาจจะต้องใช้เวลาและกำลังคนมาก เพราะต้องผ่ากอง ก็เลยคิดว่า รอบแรกลุยตรวจปริมาณ เอาตามยอดที่ อคส.และอตก.มีตัวเลขไว้ นับว่ามีครบตามนั้นก็พอก่อน อันนี้ทำพร้อมกันทั่วประเทศทุกโกดังวันเดียวเอาให้จบ
ส่วรอีกทีมค่อยตรวจคุณภาพแบบสุ่ม อาจจะมีสักสิบชุด เดินสายสุ่มไปเรื่อยๆ เพื่อตรวจคุณภาพในโกดัง ว่าเป็นอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่นโกดังนี้
ทีมตรวจปริมาณ ก็มีหน้าที่นับว่ามีข้าวครบ 8119 ตันหรือไม่ ถ้าไม่ครบก็จัดการเรียกการชดเชย จากคนที่รับผิดชอบเลย
ซึ่งจากตัวเลขว่าตอนปิดบัญชีครั้งก่อน 31พฤษภาคม 2556 (จะครบปีแล้ว) มีข้าวหายไป 3 ล้านตัน ถ้าตรวจครั้งนี้สรุปชัดเจน ว่าหายไปประมาณนั้น ก็น่าจะเรียกเงินชดเชยได้ถึง 74,000 ล้านบาท ตามที่ กขช.สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่าไว้
แต่ถ้านับแล้วไม่หายเยอะขนาดนั้น ก็คงจะได้มาบ้างบางส่วน
แล้วเมื่อทีมตรวจคุณภาพเดินสายสุ่มตรวจไป อย่างเช่นโกดังที่ยกตัวอย่างข้างบน เมื่อได้ตัวเลขว่ามีข้าวเสียหายเท่าไหร่ ก็ให้ดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหมจากบริษัทประกันภัย เพราะทุกโกดังมีการประกันอยู่แล้ว ถ้ากรณีไหน บริษัทประกันไม่รับผิดชอบ ก็ให้บริษัทประกันไปไล่บี้เอากับหน่วยอื่นเอง
แต่ถ้าโกดังไหนไม่ทำประกันไว้ แล้วมีความเสียหาย อันนี้ผู้บริหาร อคส.ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่เอาออกมาประมูลขายแบบที่ทำมา
นอกจากการตรวจสต๊อกแล้ว ยังสามารถสืบจากใบประทวนย้อนหลังทั้งห้ารอบได้ เพราะการจำนำข้าวถ้าเป็นการกระทำแบบทุจริต จะมีร่องรอยให้ย้อนหาได้ เพียงแค่ต้องเอาข้อมูลมาให้ครบ ก็จะเห็นจุดผิดสังเกตได้แล้ว
และผมเชื่อว่าในการจำนำข้าวทั้ง 5 รอบที่ผ่านมา มีการจำนำแบบไม่ถูกต้อง อย่างน้อยต้องมี 7-8 ล้านตัน ถ้าสืบย้อนแล้วหาได้สักสามล้านตัน ก็ดำเนินการเรียกเงินคืน ก็น่าจะได้อีกประมาณ 50,000 ล้านบาทแล้ว
รวมแล้วน่าจะได้เงินคืนมากกว่าแสนล้านบาทแน่ๆ