ผมต้องพาย่าไปฉีดยาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลพุทธโสธร เพราะที่อนามัยไม่ยอมฉีดให้ อาทิตย์ที่แล้วพยาบาลฉีดก็บอกว่ามันฉีดง่าย(เป็นการฉีดใต้ผิวหนัง)ให้ลองฝึกฉีดเองก็ได้ แต่ผมกลัวเข็ม เลยคิดว่ายังไงก็พาย่ามาให้เค้าฉีดดีกว่าชัวร์กว่า พอเดินเช้าไปห้องฉุกเฉิน คือผมต้องยืนรอนานมาก ไม่มีจนท.เข้ามาดูแลหรือสนใจจะฉีดยาย่าผมทั้งๆที่มันแค่ฉีดแป๊บเดียว1นาทีก็เสร็จ หมอก็เดินผ่านไปผ่านมาเหมือนกับพวกผมไม่มีตัวตน พอผมเข้าไปขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยฉีดบางคนก็ทำหน้ารำคาญ เหมือนกับผมไปกวนเค้ากินข้าว ทั้งๆที่คนไข้ก็ไม่ได้เยอะอะไร แพทย์อินเทิร์นอยู่กัน2-3คนนั่งเล่นแชทมือถือ แค่ช่วยเดินมาฉีดให้หน่อยมันยากมากเหรอครับ พอบุรุษพยาบาลฉีดยาเสร็จผมแทบจะก้มลงไปกอดขาขอบคุณแกเลย
และเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ซักพัก(ปลายปีที่แล้วมั้ง) แม่ผมหกล้มหัวฟาดพื้นเลือดอาบ ผมก็ต้องพาแม่ไปเย็บแผลฉีดยาที่ห้องฉุกเฉิน แม่ผมอายุจะ60แล้ว มาล้มหัวคิ้วกระแทกพื้น ก็กลัวว่าสมองจะมีอะไรกระทบกระเทือนอันตรายหรือเปล่า ผมก็เดินไปถามหมออินเทิร์น(อีกนั่นแหละ) เค้ากำลังฉีดยาดูอาการ ผมก็ถามไปว่า "หมอครับ แม่ผมจะเป็นอะไรมากมั้ยครับ" หมอผู้หญิงคนนั้นหันมาแบบเอียงคอนิดๆแล้วถามผมกลับ "แล้วแม่คุณเป็นอะไรหละคะ?" ผมโกรธมากแต่ก็พยายามเก็บอารมณ์ไว้เพราะทะเลาะกับโรงพยาบาลนี้แทบจะทุกแผนกแล้ว(เป็นเหมือนกันหมด ถ้าไปแล้วเจอหมอเจอพยาบาลบริการดีๆพูดดีๆผมจะกราบเลย) คือผมไม่เข้าใจ ว่าผมถามด้วยความรู้เพราะผมเป็นห่วงแม่ผม ถึงคำถามผมมันจะดูโง่ๆเหมือนที่พวกละครรอบเย็นเค้าใช้กัน แต่ทำไมหมอต้องตอบโต้ผมกลับมาด้วยคำถามหรือกิริยาแบบนี้ ตอนไปจ่ายค่ารักษาแม่ผมถามเภสัชเลยว่าแพทย์ฝึกหัดพวกนี้มาจากม.ไหน เภสัชแกยิ้มๆเหมือนจะคิดว่าผมจะจีบหมอรึเปล่า แต่จริงๆที่อยากรู้ว่ามาจากม.ไหน เพราะจะได้พิมพ์ด่าในเน็ตได้ถูก
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมโรงพยาบาลประจำจังหวัดถึงต้องบริการผมเหมือนครอบครัวผมเป็นประชากรชั้น3ของประเทศแบบนี้ อันนี้ผมไม่ได้ว่าพนง.ที่ทำหน้าที่ได้ดีของโรงพยาบาลนะครับ แต่ใครที่รู้ตัวว่าปฎิบัติกับคนไข้แบบนี้ก็ขอให้แก้ไขกันบ้าง ผมก็เข้าใจครับว่าพวกคุณเหนื่อยเพราะคนไข้เยอะ แต่ถ้าคุณหลายๆคนมาวีน มาอารมณ์เสียใส่คนไข้มากๆ พอเค้าไม่พอใจขึ้นมาก็อยากให้คุณเข้าใจกันด้วยนะครับ เพราะคนไข้เค้าก็มีอารมณ์โกรธ ไม่ใช่ว่าเค้าต้องพึ่งคุณแล้วคุณจะใส่เค้ายังไงก็ได้ หรือจะไล่ให้เค้าไปโรงพยาบาลเอกชน เพราะบอกตรงๆโรงพยาบาลเอกชนดีๆบ้านผมก็มีปัญญาไปครับ แต่มันไกล เกือบ50-60กิโล แล้วผมจะถ่อไปทำไมกับไอ้แค่โรคปวดหัวตัวร้อนเป็นไข้ เป็นแผล ล้างแผล ทั้งๆที่โรงพยาบาลรัฐใกล้บ้านแค่3กิโล แถมโรงพยาบาลก็รับเงินภาษีจากแม่ผม พ่อผมทุกปี
ไหนๆก็ไหนๆ ขออีกช็อต เป็นเคสห้องฉุกเฉินอีกน่ะแหละ แต่นานหลายปีแล้ว ผมโดนสังกะสีรถเมล์บาดเท้าก็เข้าไปทำแผล ตอนรอก็เห็นคนไข้คนนึงเป็นลูกจ้างเลี้ยงกุ้งมั้ง นั่งรถเข็นมา บอกว่าโดนงูกัด เค้าก็เอาถุงที่ใส่งูเขียวให้พวกพยาบาลดู พยาบาลก็คงรู้ว่างูมันไม่มีพิษ บอกอ๋อไม่เป็นไรงูไม่มีพิษ เลยให้เค้าเข้าไปรอทำแผล ผมนั่งมองเค้าเป็นระยะๆ แบบหน้าตาเค้ากลัวมาก แต่พยาบาลก็ไม่สนใจจะมาดูเค้า ทั้งๆที่แต่ละคนก็ว่างๆกันเดินคุยเล่นสนุกสนานผ่านไปผ่านมา จนเกือบ20นาทียังไม่ได้ทำแผล คุณลองคิดนะครับ ว่าถ้าคุณเป็นเค้าคุณจะรู้สึกยังไง ถึงพยาบาลหรือหมอจะรู้ว่ามันไม่มีพิษ แต่ไอ้ตัวคนไข้มันกลัวนะครับ ใจคนโดนงูกัดจะมีพิษไม่มีพิษมันก็ไม่ควรจะโดนกัดถูกมั้ยครับ ผมเห็นหน้าตาแกแบบ เสื่อมมาก สลดหดหู่อยู่ท่ามกลางบรรดาเจ้าหน้าที่ๆเดินเล่นคุยสนุกสนานกันไปมา
ซึ่งผมสงสัยว่า ถึงจะไม่มีพิษ พี่จะรักษาให้เค้าเสร็จๆไปไม่ได้เหรอครับ อย่างน้อยเค้าก็จะได้สบายใจว่าเออ กรูถึงมือหมอแล้ว ทำๆแผลซะจะได้กลับบ้าน จะให้เค้ามานั่งรอทำอะไรอยู่ทำไม
ขอบ่นเรื่องการบริการของโรงพยาบาลที่แปดริ้วหน่อยนะครับ
และเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ซักพัก(ปลายปีที่แล้วมั้ง) แม่ผมหกล้มหัวฟาดพื้นเลือดอาบ ผมก็ต้องพาแม่ไปเย็บแผลฉีดยาที่ห้องฉุกเฉิน แม่ผมอายุจะ60แล้ว มาล้มหัวคิ้วกระแทกพื้น ก็กลัวว่าสมองจะมีอะไรกระทบกระเทือนอันตรายหรือเปล่า ผมก็เดินไปถามหมออินเทิร์น(อีกนั่นแหละ) เค้ากำลังฉีดยาดูอาการ ผมก็ถามไปว่า "หมอครับ แม่ผมจะเป็นอะไรมากมั้ยครับ" หมอผู้หญิงคนนั้นหันมาแบบเอียงคอนิดๆแล้วถามผมกลับ "แล้วแม่คุณเป็นอะไรหละคะ?" ผมโกรธมากแต่ก็พยายามเก็บอารมณ์ไว้เพราะทะเลาะกับโรงพยาบาลนี้แทบจะทุกแผนกแล้ว(เป็นเหมือนกันหมด ถ้าไปแล้วเจอหมอเจอพยาบาลบริการดีๆพูดดีๆผมจะกราบเลย) คือผมไม่เข้าใจ ว่าผมถามด้วยความรู้เพราะผมเป็นห่วงแม่ผม ถึงคำถามผมมันจะดูโง่ๆเหมือนที่พวกละครรอบเย็นเค้าใช้กัน แต่ทำไมหมอต้องตอบโต้ผมกลับมาด้วยคำถามหรือกิริยาแบบนี้ ตอนไปจ่ายค่ารักษาแม่ผมถามเภสัชเลยว่าแพทย์ฝึกหัดพวกนี้มาจากม.ไหน เภสัชแกยิ้มๆเหมือนจะคิดว่าผมจะจีบหมอรึเปล่า แต่จริงๆที่อยากรู้ว่ามาจากม.ไหน เพราะจะได้พิมพ์ด่าในเน็ตได้ถูก
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมโรงพยาบาลประจำจังหวัดถึงต้องบริการผมเหมือนครอบครัวผมเป็นประชากรชั้น3ของประเทศแบบนี้ อันนี้ผมไม่ได้ว่าพนง.ที่ทำหน้าที่ได้ดีของโรงพยาบาลนะครับ แต่ใครที่รู้ตัวว่าปฎิบัติกับคนไข้แบบนี้ก็ขอให้แก้ไขกันบ้าง ผมก็เข้าใจครับว่าพวกคุณเหนื่อยเพราะคนไข้เยอะ แต่ถ้าคุณหลายๆคนมาวีน มาอารมณ์เสียใส่คนไข้มากๆ พอเค้าไม่พอใจขึ้นมาก็อยากให้คุณเข้าใจกันด้วยนะครับ เพราะคนไข้เค้าก็มีอารมณ์โกรธ ไม่ใช่ว่าเค้าต้องพึ่งคุณแล้วคุณจะใส่เค้ายังไงก็ได้ หรือจะไล่ให้เค้าไปโรงพยาบาลเอกชน เพราะบอกตรงๆโรงพยาบาลเอกชนดีๆบ้านผมก็มีปัญญาไปครับ แต่มันไกล เกือบ50-60กิโล แล้วผมจะถ่อไปทำไมกับไอ้แค่โรคปวดหัวตัวร้อนเป็นไข้ เป็นแผล ล้างแผล ทั้งๆที่โรงพยาบาลรัฐใกล้บ้านแค่3กิโล แถมโรงพยาบาลก็รับเงินภาษีจากแม่ผม พ่อผมทุกปี
ไหนๆก็ไหนๆ ขออีกช็อต เป็นเคสห้องฉุกเฉินอีกน่ะแหละ แต่นานหลายปีแล้ว ผมโดนสังกะสีรถเมล์บาดเท้าก็เข้าไปทำแผล ตอนรอก็เห็นคนไข้คนนึงเป็นลูกจ้างเลี้ยงกุ้งมั้ง นั่งรถเข็นมา บอกว่าโดนงูกัด เค้าก็เอาถุงที่ใส่งูเขียวให้พวกพยาบาลดู พยาบาลก็คงรู้ว่างูมันไม่มีพิษ บอกอ๋อไม่เป็นไรงูไม่มีพิษ เลยให้เค้าเข้าไปรอทำแผล ผมนั่งมองเค้าเป็นระยะๆ แบบหน้าตาเค้ากลัวมาก แต่พยาบาลก็ไม่สนใจจะมาดูเค้า ทั้งๆที่แต่ละคนก็ว่างๆกันเดินคุยเล่นสนุกสนานผ่านไปผ่านมา จนเกือบ20นาทียังไม่ได้ทำแผล คุณลองคิดนะครับ ว่าถ้าคุณเป็นเค้าคุณจะรู้สึกยังไง ถึงพยาบาลหรือหมอจะรู้ว่ามันไม่มีพิษ แต่ไอ้ตัวคนไข้มันกลัวนะครับ ใจคนโดนงูกัดจะมีพิษไม่มีพิษมันก็ไม่ควรจะโดนกัดถูกมั้ยครับ ผมเห็นหน้าตาแกแบบ เสื่อมมาก สลดหดหู่อยู่ท่ามกลางบรรดาเจ้าหน้าที่ๆเดินเล่นคุยสนุกสนานกันไปมา
ซึ่งผมสงสัยว่า ถึงจะไม่มีพิษ พี่จะรักษาให้เค้าเสร็จๆไปไม่ได้เหรอครับ อย่างน้อยเค้าก็จะได้สบายใจว่าเออ กรูถึงมือหมอแล้ว ทำๆแผลซะจะได้กลับบ้าน จะให้เค้ามานั่งรอทำอะไรอยู่ทำไม