ที่เวนิสไม่มี host พยายามหาแล้ว แต่ไม่มีใคร host เลย ก็เลยคิดว่านี่คงเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ใช้เวลาอยู่คนเดียวบ้าง ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาถึงก็เช็ค booking.com และ agoda.com แล้ว ที่เวนิสมี hostel ไม่กี่แห่ง แต่ว่าที่นี่ก็มีโรงแรมถูก ๆ หลายที่อยู่เหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้จองที่ไหนไว้เลย
พอถึงก็เดินออกจากสถานี Venezia S.Lucia แล้วเลี้ยวขวาตามถนน Rio Tera Lista di Spagna ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนและร้านค้า ที่ถนนนี้มีที่พักอยู่หลายที่ ราคาก็ต่าง ๆ กันไป ก็ได้ที่พักเป็นโรงแรมขนาดเล็ก เดินไปไม่ไกลจากสถานีรถไฟนัก อยู่ซ้ายมือ คืนละ 38 ยูโร (ประมาณ 1,800 บาท) ก็ตกลงพักไป 2 คืน น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะอยากจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของตัวเอง ก็เลยไม่ได้ใส่ใจจำชื่อโรงแรมมา ปกติถ้าจองผ่านเวป จะมีข้อมูลอยู่ในอีเมล แต่ที่นี่ walk-in เลยไม่มีข้อมูลใด ๆ ไว้ให้จดจำเลย ที่นี่นักท่องเที่ยวชาวเอเชีย โดยเฉพาะชาวจีนเยอะมากกกกกก และเท่าที่เห็น คิดว่าไม่ค่อยจะมีใครไปเวนิสคนเดียวสักเท่าไหร่ มันเป็นสถานที่ที่ต้องไปเป็นคู่ อุ๊ตะ
สิ่งแรกที่ทำหลังจากได้โรงแรมแล้วก็คือ “นอน” ><” หลังจากเดินทางมาเกือบ 2 อาทิตย์ แทบจะไม่ได้พักเลย แถมต้องใช้ชีวิตอยู่กับผู้คนตลอดเวลา ก็เลยรู้สึกเหนื่อย แถมเจ็บหลัง ไหล่ บ่า ตามประสาคนมีอายุ ><” ก็นอนหลับไปเกือบครึ่งวัน ถึงจะออกมาดูว่าเวนิสที่มีชื่อเสียงนั้น มันสวยแค่ไหน
ตื่นมาประมาณ 5 โมงเย็น แต่ก็มืดแล้ว เนื่องจากเป็นฤดูหนาว และอากาศตอนนั้นก็อยู่ราว ๆ 1-2 องศา ก็หนาวนะ เดินแป๊บ ๆ ก็ตัดสินใจหาไรกิน แล้วจะกลับไปนอนต่อ
ก็แวะทานข้าว แล้วก็ได้ความรู้ใหม่ว่า ที่นี่ ราคาอาหาร เครื่องดื่ม เวลายืนทานที่บาร์ กะนั่งกินที่โต๊ะมันต่างกัน, อาหารสั่งกลับบ้านกะกินที่ร้านก็ราคาต่างกัน และก่อนหน้านี้ก็รู้จักแต่คำว่า service charge มาที่นี่ได้ศัพท์เพิ่ม มีคำว่า cover charge ด้วยอ่ะ! ราคาพิซซ่า 1 ถาด ทั่ว ๆ ไปก็ประมาณ 7 ยูโร แล้วก็ต้องบวก service charge 1.5 ยูโร และ cover charge อีก 2 ยูโร สรุปต้องจ่าย 10.5 ยูโร อะไรทำนองนี้ ก็เล่นเอา เงิบ ไปเหมือนกัน ><” ว่ากันว่าที่นี่เป็นที่ที่อาหารแพงที่สุดในอิตาลี แต่รสชาดแย่ที่สุด
ลองดูเมนูนี้เป็นตัวอย่างนะก๊ะ
ทีแรกเลย คิดว่ามาเวนิส จะต้องนั่งเรือ Gondola อันเลืองชื่อ !!! พอไปท่าเรือ ถามราคา แว๊กกก 80-100 ยูโร โอ้ว แม่เจ้า แถมต้องนั่งคนเดียวอีก ก็คิดไปพักใหญ่ มอง ๆ ไป ก็เห็นเค้านั่งกันเป็นคู่ ๆ ดูโรแมนติก เหมือนในหนัง แล้วก็เห็นพวกเด็กจีนที่ชอบไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มใหญ่ ก็นั่งกันเป็นกลุ่มใหญ่ ใช้เวลามองอยู่นาน ก็ไม่ใครจะนั่งคนเดียวเลย ก็เลยคิดว่า ไม่เอาดีกว่า อาจจะไม่เหมาะ แถมแพงเว่อร์ นักเดินทางงบน้อย แบบเรา เซฟเงินไว้ดีกว่า แหะๆ
แต่ยังไงก็ตาม การมาเวนิส สิ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือการได้ล่องเรือ ถ้า Gondola ไม่เหมาะกะเรา ก็มีอีกตัวเลือกหนึ่ง นั่นก็คือ เรือโดยสารสาธารณะนั่นเอง ! นั่งตั้งแต่ต้นสาย ไปสุดสาย ราคาที่ 7 ยูโร ประหยัดกว่าเยอะ แถมมีเพื่อนบนเรือเพียบ ไม่ต้องนั่งคนเดียว
เวนิส มีสะพานอยู่ 416 สะพาน
มีซอย (คลอง) สำหรับให้เรือแล่นผ่าน 177 แห่ง
มีเรือ Gondola ประมาณ 350 ลำ
และเค้าบอกว่ามีนักท่องเที่ยวโดยเฉลี่ยประมาณวันละ 50,000 คน อืม นี่เป็นเหตุผลว่าเวนิสถึงแม้จะสวยและแปลก แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เมืองที่นักเดินทางแนวสันโดษจะโปรดปรานแน่นอน เพราะว่ามันเป็นเมืองท่องเที่ยวเกินไป
เวนิส ขึ้นชื่อว่าเป็น City of Romance ดังนั้นแนะนำอย่าไปคนเดียวเลย รอมีคู่แล้วค่อยไปดีกว่า มันสวยและน่าไปดูก็จริง แต่สำหรับนักเดินทางตัวคนเดียว บรรยากาศในเวนิส มันทำให้เราเหงาจับใจเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ><”
เชิญชมรูปสวย ๆ ได้เลยจ้า ^_^
[CR] แบกเป้เที่ยว 61 ประเทศ กับครูจิน ตอนที่ 9 เวนิส (Venice)
พอถึงก็เดินออกจากสถานี Venezia S.Lucia แล้วเลี้ยวขวาตามถนน Rio Tera Lista di Spagna ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนและร้านค้า ที่ถนนนี้มีที่พักอยู่หลายที่ ราคาก็ต่าง ๆ กันไป ก็ได้ที่พักเป็นโรงแรมขนาดเล็ก เดินไปไม่ไกลจากสถานีรถไฟนัก อยู่ซ้ายมือ คืนละ 38 ยูโร (ประมาณ 1,800 บาท) ก็ตกลงพักไป 2 คืน น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะอยากจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของตัวเอง ก็เลยไม่ได้ใส่ใจจำชื่อโรงแรมมา ปกติถ้าจองผ่านเวป จะมีข้อมูลอยู่ในอีเมล แต่ที่นี่ walk-in เลยไม่มีข้อมูลใด ๆ ไว้ให้จดจำเลย ที่นี่นักท่องเที่ยวชาวเอเชีย โดยเฉพาะชาวจีนเยอะมากกกกกก และเท่าที่เห็น คิดว่าไม่ค่อยจะมีใครไปเวนิสคนเดียวสักเท่าไหร่ มันเป็นสถานที่ที่ต้องไปเป็นคู่ อุ๊ตะ
สิ่งแรกที่ทำหลังจากได้โรงแรมแล้วก็คือ “นอน” ><” หลังจากเดินทางมาเกือบ 2 อาทิตย์ แทบจะไม่ได้พักเลย แถมต้องใช้ชีวิตอยู่กับผู้คนตลอดเวลา ก็เลยรู้สึกเหนื่อย แถมเจ็บหลัง ไหล่ บ่า ตามประสาคนมีอายุ ><” ก็นอนหลับไปเกือบครึ่งวัน ถึงจะออกมาดูว่าเวนิสที่มีชื่อเสียงนั้น มันสวยแค่ไหน
ตื่นมาประมาณ 5 โมงเย็น แต่ก็มืดแล้ว เนื่องจากเป็นฤดูหนาว และอากาศตอนนั้นก็อยู่ราว ๆ 1-2 องศา ก็หนาวนะ เดินแป๊บ ๆ ก็ตัดสินใจหาไรกิน แล้วจะกลับไปนอนต่อ
ก็แวะทานข้าว แล้วก็ได้ความรู้ใหม่ว่า ที่นี่ ราคาอาหาร เครื่องดื่ม เวลายืนทานที่บาร์ กะนั่งกินที่โต๊ะมันต่างกัน, อาหารสั่งกลับบ้านกะกินที่ร้านก็ราคาต่างกัน และก่อนหน้านี้ก็รู้จักแต่คำว่า service charge มาที่นี่ได้ศัพท์เพิ่ม มีคำว่า cover charge ด้วยอ่ะ! ราคาพิซซ่า 1 ถาด ทั่ว ๆ ไปก็ประมาณ 7 ยูโร แล้วก็ต้องบวก service charge 1.5 ยูโร และ cover charge อีก 2 ยูโร สรุปต้องจ่าย 10.5 ยูโร อะไรทำนองนี้ ก็เล่นเอา เงิบ ไปเหมือนกัน ><” ว่ากันว่าที่นี่เป็นที่ที่อาหารแพงที่สุดในอิตาลี แต่รสชาดแย่ที่สุด
ลองดูเมนูนี้เป็นตัวอย่างนะก๊ะ
ทีแรกเลย คิดว่ามาเวนิส จะต้องนั่งเรือ Gondola อันเลืองชื่อ !!! พอไปท่าเรือ ถามราคา แว๊กกก 80-100 ยูโร โอ้ว แม่เจ้า แถมต้องนั่งคนเดียวอีก ก็คิดไปพักใหญ่ มอง ๆ ไป ก็เห็นเค้านั่งกันเป็นคู่ ๆ ดูโรแมนติก เหมือนในหนัง แล้วก็เห็นพวกเด็กจีนที่ชอบไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มใหญ่ ก็นั่งกันเป็นกลุ่มใหญ่ ใช้เวลามองอยู่นาน ก็ไม่ใครจะนั่งคนเดียวเลย ก็เลยคิดว่า ไม่เอาดีกว่า อาจจะไม่เหมาะ แถมแพงเว่อร์ นักเดินทางงบน้อย แบบเรา เซฟเงินไว้ดีกว่า แหะๆ
แต่ยังไงก็ตาม การมาเวนิส สิ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือการได้ล่องเรือ ถ้า Gondola ไม่เหมาะกะเรา ก็มีอีกตัวเลือกหนึ่ง นั่นก็คือ เรือโดยสารสาธารณะนั่นเอง ! นั่งตั้งแต่ต้นสาย ไปสุดสาย ราคาที่ 7 ยูโร ประหยัดกว่าเยอะ แถมมีเพื่อนบนเรือเพียบ ไม่ต้องนั่งคนเดียว
เวนิส มีสะพานอยู่ 416 สะพาน
มีซอย (คลอง) สำหรับให้เรือแล่นผ่าน 177 แห่ง
มีเรือ Gondola ประมาณ 350 ลำ
และเค้าบอกว่ามีนักท่องเที่ยวโดยเฉลี่ยประมาณวันละ 50,000 คน อืม นี่เป็นเหตุผลว่าเวนิสถึงแม้จะสวยและแปลก แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เมืองที่นักเดินทางแนวสันโดษจะโปรดปรานแน่นอน เพราะว่ามันเป็นเมืองท่องเที่ยวเกินไป
เวนิส ขึ้นชื่อว่าเป็น City of Romance ดังนั้นแนะนำอย่าไปคนเดียวเลย รอมีคู่แล้วค่อยไปดีกว่า มันสวยและน่าไปดูก็จริง แต่สำหรับนักเดินทางตัวคนเดียว บรรยากาศในเวนิส มันทำให้เราเหงาจับใจเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ><”
เชิญชมรูปสวย ๆ ได้เลยจ้า ^_^