ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ขอเปิดเผยข้อมูลเชิงลึก ที่ไม่มีการเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ตอนอวสาน
ต่อจากตอนที่ 3 ครับ
http://ppantip.com/topic/32084064
อ้างอิง : ข้อมูลทั้งหมดได้มาจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สถานกักขังกลางปทุมธานีที่รักความเป็นธรรม และทนต่อพฤติกรรมเพื่อนร่วมงานไม่ได้
ตอนอวสาน นายกฤษณะ จึงเจริญ เสียชีวิตเพราะใคร ? (จบ)
ระหว่างที่ถูกขังเดี่ยวนายกฤษณะ จึงเจริญ ก็มีเลือดออกทางปากทางจมูกอยู่ตลอดเวลาแล้วหิวน้ำได้มีเจ้าหน้าที่สั่งให้ผู้ต้องขังบางคนในแดน 2 เอาน้ำในห้องส้วมสาดไปที่พื้นที่ห้องขังซอยที่นายกฤษณะ จึงเจริญถูกขังอยู่
แล้วให้นายกฤษณะ จึงเจริญใช้ลิ้นเลียกับพื้นเพื่อกินน้ำ จนกระทั่งทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตตอน 21.30 น. แล้วพัศดีก็ไม่สนใจปล่อยให้ตายโดยมดขึ้นเต็มตัว จนผู้ต้องขังคนอื่นโวยวายถึงทราบว่านายกฤษณะ จึงเจริญเสียชีวิตแล้ว พัศดีจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอัยการธัญบุรีโดยมีนายแพทย์สุกรี สาและ มาร่วมตรวจชันสูตรพลิกศพ ในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2557 เวลา 13.18 น. ในสถานกักขังกลางปทุมธานี โดยมีผลชันสูตรศพของโรงพยาบาลธัญบุรี
ต่อมา มีการหามศพในสภาพเปลือยกายไปส่งที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อทำการผ่าพิสูจน์ศพของนายกฤษณะ จึงเจริญ ทางนิติเวช ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2557 ตามรายงานการตรวจศพ
ลงวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2557 ที่แนบมา ยืนยันว่าสาเหตุการตายของนายกฤษณะ จึงเจริญคือเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นบาง นอกจากนี้ ผลการพิสูจน์ศพยังระบุไว้ว่า ในกระเพาะอาหาร ไม่มีอาหาร มีแต่ของเหลวสีน้ำตาล ทำให้เชื่อได้ว่าที่พัศดีสั่งให้งดให้อาหารและน้ำเป็นเรื่องจริง อีกทั้งถ้าเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ อีกหลาย ๆ คนทั้งหมดนี้ต่างรู้เห็นในการกระทำความผิดครั้งนี้ของผู้ต้องขังที่ซ้อมทำร้ายร่างกายนายกฤษณะ จึงเจริญ และยังทรมานด้วยการปล่อยให้นายกฤษณะ จึงเจริญที่มีอาการบาดเจ็บสาหัสเลือดออกปากออกจมูก โดยไม่ทำการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์หญิงโรงพยาบาลธัญบุรี นอกจากนี้ผู้คุมที่มีหน้าที่คัดกรองผู้ต้องขังรายนี้ทำผิดกฎระเบียบข้อบังคับของกรมราชทัณฑ์ (สถานกักขังกลางปทุมธานี) ที่ผู้ต้องหาเมาแล้วขับจะต้องอยู่แดน 2 ตามคำสั่งของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ อีกทั้งตอนที่เบิกตัวนายกฤษณะ จึงเจริญไปทำการรักษา ก็เห็นอยู่แล้วว่านายกฤษณะ จึงเจริญมีอาการบาดเจ็บสาหัส ผู้คุมก็ยังไปรู้เห็นเป็นใจกับพัศดี โดยนำนายกฤษณะ จึงเจริญไปขังซอย แล้วไม่ให้อาหารและน้ำเช่นเดียวกัน ในส่วนของผบ.แดน 2 ซึ่งใกล้จะเกษียณแล้ว ก็ปล่อยปละละเลย ในตำแหน่งหน้าที่ ปล่อยให้ผู้คุมทำหน้าที่แทน จนเกิดความเสียหาย
คดีนี้ ผู้ต้องขังทั้ง 9 คนที่ถูกตั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงแก่ความตายโดยเจตนา จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องในการตั้งข้อหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ระดับสูงที่ไปแจ้งความ เพื่อให้พวกของตัวเองพ้นผิด สาเหตุจริง ๆ เกิดจากพัศดีและผู้คุมบางคน ร่วมกันทรมานนายกฤษณะ จึงเจริญ ทั้ง ๆ ที่ตามกฎระเบียบข้อบังคับของกรมราชทัณฑ์ จะต้องเข้าไประงับเหตุทันที และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว ผู้ต้องขังได้รับบาดเจ็บสาหัส จะต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที แต่ในคดีนี้พัศดีและเจ้าหน้าที่ผู้คุมบางคน กลับเพิกเฉย เล็งเห็นผลในการกระทำของตัวเองว่า ถ้าทำแบบนี้ จะทำให้นายกฤษณะ จึงเจริญเสียชีวิตอย่างแน่นอน แต่ก็ยังทำ ด้วยการไม่ส่งตัวไปโรงพยาบาลใหญ่ตามคำแนะนำของแพทย์ที่ทำการรักษาเบื้องต้น แล้วยังนำกลับมาทรมานด้วยการงดให้อาหารและน้ำ การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ถือว่าเจตนาร่วมกันฆ่าโดยเล็งเห็นผลจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ จำนวน 4 คน โดยมีพัศดีเป็นแกนนำ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่อีก 3 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 ก่อนหน้านี้เมื่อ พ.ศ.2552 เจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าว ได้ร่วมกันทำลักษณะเช่นเดียวกันนี้กับนายสมภพ เนตรนัยและนายอาภัย บุญตา แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยช่วยเหลือทางด้านสำนวนคดี โดยมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ระดับสูงที่คอยรับผลประโยชน์ ปกป้องดูแลเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถเอาผิดได้ ประวัติของเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวนี้ เคยถูกตั้งกรรมการสอบวินัยมาแล้วอย่างร้ายแรง แต่อาศัยมีเส้นสายดี นอกจากไม่โดนลงโทษ ยังสามารถเอาเมียมาทำงานที่เดียวกันได้อีกด้วย ลองคิดดูครับว่าเส้นใหญ่ขนาดไหน เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้มีคนหนึ่งเป็นโรคจิต ชอบให้มีการซ้อมทรมาน ยิ่งเลือดออกยิ่งชอบ ถ้าไม่ให้ผู้ต้องขังซ้อมให้ดู ตัวเองก็จะลงมือซ้อมเอง ในคืนที่มีการให้ผู้ต้องขังซ้อมนายกฤษณะ จึงเจริญ คืนนั้นก็มีผู้ต้องขังในข้อหาเมาแล้วขับอีกรายหนึ่งถูกซ้อมโดยผู้คุมเช่นเดียวกัน แต่ไม่ถึงกับบาดเจ็บสาหัส
พรุ่งนี้ จะนำเรื่องของผลประโยชน์ในสถานกักขังกลางปทุมธานี ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาลงให้อ่านกันครับ
เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกคดีนายกฤษณะ จึงเจริญ ผู้ต้องกักขังที่ถูกนักโทษด้วยกันซ้อมจนเสียชีวิตในสถานกักขังปทุมธานี ตอนอวสาน
ต่อจากตอนที่ 3 ครับ
http://ppantip.com/topic/32084064
อ้างอิง : ข้อมูลทั้งหมดได้มาจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สถานกักขังกลางปทุมธานีที่รักความเป็นธรรม และทนต่อพฤติกรรมเพื่อนร่วมงานไม่ได้
ตอนอวสาน นายกฤษณะ จึงเจริญ เสียชีวิตเพราะใคร ? (จบ)
ระหว่างที่ถูกขังเดี่ยวนายกฤษณะ จึงเจริญ ก็มีเลือดออกทางปากทางจมูกอยู่ตลอดเวลาแล้วหิวน้ำได้มีเจ้าหน้าที่สั่งให้ผู้ต้องขังบางคนในแดน 2 เอาน้ำในห้องส้วมสาดไปที่พื้นที่ห้องขังซอยที่นายกฤษณะ จึงเจริญถูกขังอยู่
แล้วให้นายกฤษณะ จึงเจริญใช้ลิ้นเลียกับพื้นเพื่อกินน้ำ จนกระทั่งทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตตอน 21.30 น. แล้วพัศดีก็ไม่สนใจปล่อยให้ตายโดยมดขึ้นเต็มตัว จนผู้ต้องขังคนอื่นโวยวายถึงทราบว่านายกฤษณะ จึงเจริญเสียชีวิตแล้ว พัศดีจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอัยการธัญบุรีโดยมีนายแพทย์สุกรี สาและ มาร่วมตรวจชันสูตรพลิกศพ ในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2557 เวลา 13.18 น. ในสถานกักขังกลางปทุมธานี โดยมีผลชันสูตรศพของโรงพยาบาลธัญบุรี
ต่อมา มีการหามศพในสภาพเปลือยกายไปส่งที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อทำการผ่าพิสูจน์ศพของนายกฤษณะ จึงเจริญ ทางนิติเวช ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2557 ตามรายงานการตรวจศพ
ลงวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2557 ที่แนบมา ยืนยันว่าสาเหตุการตายของนายกฤษณะ จึงเจริญคือเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นบาง นอกจากนี้ ผลการพิสูจน์ศพยังระบุไว้ว่า ในกระเพาะอาหาร ไม่มีอาหาร มีแต่ของเหลวสีน้ำตาล ทำให้เชื่อได้ว่าที่พัศดีสั่งให้งดให้อาหารและน้ำเป็นเรื่องจริง อีกทั้งถ้าเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ อีกหลาย ๆ คนทั้งหมดนี้ต่างรู้เห็นในการกระทำความผิดครั้งนี้ของผู้ต้องขังที่ซ้อมทำร้ายร่างกายนายกฤษณะ จึงเจริญ และยังทรมานด้วยการปล่อยให้นายกฤษณะ จึงเจริญที่มีอาการบาดเจ็บสาหัสเลือดออกปากออกจมูก โดยไม่ทำการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์หญิงโรงพยาบาลธัญบุรี นอกจากนี้ผู้คุมที่มีหน้าที่คัดกรองผู้ต้องขังรายนี้ทำผิดกฎระเบียบข้อบังคับของกรมราชทัณฑ์ (สถานกักขังกลางปทุมธานี) ที่ผู้ต้องหาเมาแล้วขับจะต้องอยู่แดน 2 ตามคำสั่งของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ อีกทั้งตอนที่เบิกตัวนายกฤษณะ จึงเจริญไปทำการรักษา ก็เห็นอยู่แล้วว่านายกฤษณะ จึงเจริญมีอาการบาดเจ็บสาหัส ผู้คุมก็ยังไปรู้เห็นเป็นใจกับพัศดี โดยนำนายกฤษณะ จึงเจริญไปขังซอย แล้วไม่ให้อาหารและน้ำเช่นเดียวกัน ในส่วนของผบ.แดน 2 ซึ่งใกล้จะเกษียณแล้ว ก็ปล่อยปละละเลย ในตำแหน่งหน้าที่ ปล่อยให้ผู้คุมทำหน้าที่แทน จนเกิดความเสียหาย
คดีนี้ ผู้ต้องขังทั้ง 9 คนที่ถูกตั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงแก่ความตายโดยเจตนา จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องในการตั้งข้อหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ระดับสูงที่ไปแจ้งความ เพื่อให้พวกของตัวเองพ้นผิด สาเหตุจริง ๆ เกิดจากพัศดีและผู้คุมบางคน ร่วมกันทรมานนายกฤษณะ จึงเจริญ ทั้ง ๆ ที่ตามกฎระเบียบข้อบังคับของกรมราชทัณฑ์ จะต้องเข้าไประงับเหตุทันที และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว ผู้ต้องขังได้รับบาดเจ็บสาหัส จะต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที แต่ในคดีนี้พัศดีและเจ้าหน้าที่ผู้คุมบางคน กลับเพิกเฉย เล็งเห็นผลในการกระทำของตัวเองว่า ถ้าทำแบบนี้ จะทำให้นายกฤษณะ จึงเจริญเสียชีวิตอย่างแน่นอน แต่ก็ยังทำ ด้วยการไม่ส่งตัวไปโรงพยาบาลใหญ่ตามคำแนะนำของแพทย์ที่ทำการรักษาเบื้องต้น แล้วยังนำกลับมาทรมานด้วยการงดให้อาหารและน้ำ การกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ถือว่าเจตนาร่วมกันฆ่าโดยเล็งเห็นผลจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ จำนวน 4 คน โดยมีพัศดีเป็นแกนนำ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่อีก 3 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 ก่อนหน้านี้เมื่อ พ.ศ.2552 เจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าว ได้ร่วมกันทำลักษณะเช่นเดียวกันนี้กับนายสมภพ เนตรนัยและนายอาภัย บุญตา แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยช่วยเหลือทางด้านสำนวนคดี โดยมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ระดับสูงที่คอยรับผลประโยชน์ ปกป้องดูแลเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถเอาผิดได้ ประวัติของเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวนี้ เคยถูกตั้งกรรมการสอบวินัยมาแล้วอย่างร้ายแรง แต่อาศัยมีเส้นสายดี นอกจากไม่โดนลงโทษ ยังสามารถเอาเมียมาทำงานที่เดียวกันได้อีกด้วย ลองคิดดูครับว่าเส้นใหญ่ขนาดไหน เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้มีคนหนึ่งเป็นโรคจิต ชอบให้มีการซ้อมทรมาน ยิ่งเลือดออกยิ่งชอบ ถ้าไม่ให้ผู้ต้องขังซ้อมให้ดู ตัวเองก็จะลงมือซ้อมเอง ในคืนที่มีการให้ผู้ต้องขังซ้อมนายกฤษณะ จึงเจริญ คืนนั้นก็มีผู้ต้องขังในข้อหาเมาแล้วขับอีกรายหนึ่งถูกซ้อมโดยผู้คุมเช่นเดียวกัน แต่ไม่ถึงกับบาดเจ็บสาหัส
พรุ่งนี้ จะนำเรื่องของผลประโยชน์ในสถานกักขังกลางปทุมธานี ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาลงให้อ่านกันครับ