มาตรา ๒  เมื่อเวลามีเหตุอันจำเป็นเพื่อรักษาความเรียบร้อยปราศจากภัย ซึ่งจะมาจากภายนอกหรือภายในราชอาณาจักรแล้ว จะได้มีประกาศพระบรมราชโองการให้ใช้กฎอัยการศึกทุกมาตราหรือแต่บางมาตรา หรือข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งของมาตรา ตลอดจนการกำหนดเงื่อนไขแห่งการใช้บทบัญญัตินั้นบังคับในส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรหรือตลอดทั่วราชอาณาจักร และถ้าได้ประกาศใช้เมื่อใด หรือ ณ ที่ใดแล้ว บรรดาข้อความในพระราชบัญญัติหรือบทกฎหมายใดๆ ซึ่งขัดกับความของกฎอัยการศึกที่ให้ใช้บังคับต้องระงับและใช้บทบัญญัติของกฎอัยการศึกที่ให้ใช้บังคับนั้นแทน

ลองดู กฏหมายกฏอัยการศึก ถ้าตามมาตรา 2 กฏอัยการศึกต้องประกาศเป็นพระบรมราชโองการ แต่ประกาศ ประยุทธ นั้นมีการประกาศเป็นพระบรมราชโองการหรือเปล่า ?

แต่ใน กฏหมายกฏอัยการศึก นั้นตามมาตรา 2 ก็ได้ให้อำนาจของทหาร นั้นสามารถประกาศข้อบังคับใดๆก็ได้ ที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ


มาตรา ๔  เมื่อมีสงครามหรือจลาจลขึ้น ณ แห่งใดให้ผู้บังคับบัญชาทหาร ณ ที่นั้น ซึ่งมีกำลังอยู่ใต้บังคับไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน หรือเป็นผู้บังคับบัญชาในป้อมหรือที่มั่นอย่างใดๆ ของทหารมีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึก เฉพาะในเขตอำนาจหน้าที่ของกองทหารนั้นได้ แต่จะต้องรีบรายงานให้รัฐบาลทราบโดยเร็วที่สุด

มาตรา ๖ ในเขตที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนในส่วนที่เกี่ยวกับการยุทธ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อยและเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร

หากดูกฏหมาย ตามมาตรา 4 และมาตรา 6 กองทัพจะต้องแจ้ง ให้รัฐบาลทราบโดยเร็วที่สุด นั่นหมายความว่า กฏหมายกฏอัยการศึก นั้นยังให้ความสำคัญกับรัฐบาล และยังให้อำนาจเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับ การยุทธ ไม่ได้ให้อำนาจ ฝ่ายทหารเข้าไปมีอำนาจเหนือฝ่ายพลเรือน ด้านการบริหาร

นั่นหมายความว่า กฏอัยการศึกเองไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือ ตั้งนายกคนกลางได้ แต่..................

หากฝ่ายทหาร ใช้อำนาจกฏอัยการศึก เพื่อปูทางใหักับ วุฒิสภา ไปสู่การตั้งนายกคนกลาง โดยป้องกันการต่อต้าน จากภาคประชาชน ก็ไม่ต่างจากการสมคบคิด เพื่อปล้นอำนาจประชาชน ดังนั้นต้องจับตาดูท่าทีของ วุฒิสภา ให้ดีถ้า วุฒิสภาดึงดันจะตั้งนายกคนกลางให้ได้ ก็แสดงว่าได้ไฟเขียวจากกองทัพแล้ว และหมายความว่า กองทัพเลือกข้างแล้ว