ภิกษุนั้นเห็นเพ่งพิจารณาอยู่โดยแยบคาย สังขารนั้นย่อมปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาสาระมิได้

(บางส่วน)

[๒๔๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เมื่อเดือนสุดท้ายแห่งฤดูร้อนยังอยู่ พยับแดดย่อมเต้นระยิบระยับในเวลาเที่ยง
บุรุษผู้มีจักษุพึงเห็น เพ่ง พิจารณาพยับแดดนั้นโดยแยบคาย
เมื่อบุรุษนั้นเห็น เพ่ง พิจารณาอยู่ โดยแยบคาย พยับแดดนั้นพึงปรากฏเป็นของว่างเปล่า ฯลฯ
สาระในพยับแดดพึงมีได้อย่างไร แม้ฉันใด. สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฯลฯ ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล.

[๒๔๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุรุษผู้มีความต้องการด้วยไม้แก่น เสาะหาไม้แก่น เที่ยวแสวงหาไม้แก่นอยู่
ถือเอาจอบอันคม พึงเข้าไปสู่ป่า บุรุษนั้นพึงเห็นต้นกล้วยใหญ่ ตรง ใหม่ยังไม่เกิดแก่นในป่านั้น
พึงตัดโคนต้นกล้วยนั้นแล้วจึงตัดปลาย แล้วจึงปอกกาบใบออก
บุรุษนั้นปอกกาบใบออก ไม่พึงได้แม้กระพี้ในต้นกล้วยใหญ่นั้น จะพึงได้แก่นแต่ที่ไหน
บุรุษผู้มีจักษุพึงเห็น เพ่ง พิจารณาอยู่โดยแยบคาย ซึ่งต้นกล้วยใหญ่นั้น
เมื่อบุรุษนั้นเห็น เพ่ง พิจารณาอยู่โดยแยบคาย ต้นกล้วยใหญ่นั้น พึงปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาแก่นมิได้
แก่นในต้นกล้วยพึงมีได้อย่างไร แม้ฉันใด.

สังขารเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ฯลฯ อยู่ในที่ไกลหรือในที่ใกล้
ภิกษุย่อมเห็น เพ่ง พิจารณาสังขารนั้นโดยแยบคาย

เมื่อภิกษุนั้นเห็นเพ่ง พิจารณาอยู่โดยแยบคาย สังขารนั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาสาระมิได้
สาระในสังขารทั้งหลายพึงมีได้อย่างไร ฉันนั้นเหมือนกันแล.


---------------------------

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อริยสาวกผู้สดับแล้วเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในรูป ทั้งในเวทนา ทั้งในสัญญา ทั้งในสังขาร ทั้งในวิญญาณ
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า ฯลฯ
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้.

-------------------------



เผณปิณฑสูตร
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗  บรรทัดที่ ๓๑๓๒ - ๓๑๙๑.  หน้าที่  ๑๓๔ - ๑๓๖.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=17&A=3132&Z=3191&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=17&i=242
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่