ตอนที่ ๑๓ One and Only
อย่าลืมฉัน ... อย่าลืมวันเชยชิดพิสมัย
อย่าลืมวันอำลาด้วยอาลัย
อย่าลืมใจกระซิบว่า ... อย่าลืมกัน
ในยามรักคงไม่มีใครอยากจากพรากคนที่รัก และ คงไม่มีใครอยากให้เกิดการ "ลืม" ไม่ว่าจะเป็นการ "ถูกบังคับให้ลืม" หรือ "บังคับให้อีกฝ่ายลืม" ก็ตามที เมื่อหัวใจที่ยังมีความเสน่หาอาวรณ์ต่อกันแต่ต้องประสบเจอกับเหตุการณ์ทั้งสองประการพร้อม ๆ กันก็คงไม่ต้องบอกว่าระดับความเจ็บปวดมันจะมากมายเพียงไหน ทั้งตัวผู้กระทำ และ ผู้ถูกกระทำ หากเมื่อกงล้อแห่งชีวิตหมุนวนสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วไม่อาจย้อนคืนได้ มีแต่จะต้องเดินหน้าต่อไป อยู่ที่เหตุปัจจัยว่าจะหล่อหลอมให้รับมือกับความเจ็บปวดที่ว่านั้นอย่างไร
รายของเขมชาติความเจ็บปวดในฐานะคนที่ถูกลืมก่อตัวเป็นความแค้นเป็นแรงทะเยอะทะยานที่อยู่บนความสิ้นหวัง เมื่อใครคนนั้นเดินจากไปแสงสว่างในชีวิตดับสิ้นลง สิ้นลงไปโดยไม่รู้ว่าเหตุมันคืออะไร ทำไม ? เมื่อในการให้ของเขมชาติคือการให้ที่หมดสิ้นทั้งตัวและหัวใจ คือการให้ที่ไม่เหลืออะไรไว้ให้ตัวเองและใครอื่นอีก เขมจึงมีสภาพตายซากเมื่อสุริยาวดีจากไป เมื่อมองดูแล้วหากนิสัยของเขมไม่ดื้อไม่ทิฐิไม่แกร่งขนาดนี้ก็อาจไม่เป็นผู้เป็นคนแล้วก็ได้ ถือเป็นโชคดีและโชคร้ายที่เขมมีเลือดนักสู้และพฤติกรรมจิกติดอยู่ในตัว
ด้านหนึ่งนิสัยเหล่านี้ทำให้เขมชาติเป็นผู้อำนวยการเป็นคุณเขมชาติที่ประสบความสำเร็จ หากอีกด้านหนึ่งมันก็ทำให้เขมเชื่อมันในความคิดของตัวเองสุดขีดจนไม่มองหาข้อเท็จจริงอื่นใดเพื่อหักล้างสิ่งที่เชื่อ การเดินทางอันยาวไกลด้วยสองมือสองขาของตัวเองนั้น สร้างรอยกร้านเกรียมในชีวิตให้กับเขมชาติ ... จนเกือบเป็นกระด้าง เบื้องหลังวัตถุที่สร้างมาต่าง ๆ นานาก็มีที่มาจากการจากไปของผู้หญิงคนนี้ ซักวันหนึ่งถ้าเธอกลับมา ... อยากให้เธอเห็น อยากให้เธอเสียดาย แต่อีกทางหนึ่งก็คือการร่ำร้องอย่างสิ้นหวังบอกว่า .... กลับมา ...กลับมาหาฉันเถอะนะ ... สุริยาวดี วันนี้ฉันมีสิ่งที่เธอต้องการจะมีความเกลียดความแค้นเกาะกินแต่ไหนก็ยังคงรอรอให้เธอกลับคืนมา ....
เขมชาติยึดสิ่งเหล่านี้เป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจตัวเองเสมอมา ... ต่อไปเราจะเข้มแข็ง จะจำความช้ำนี้เอาไว้ เราจะต้องไม่ใช่คนที่ถูกลืม และ เรานี่แหละที่จะลืมเขาให้ได้
ส่วนสุริยาวดีเธอมีความเจ็บปวดในฐานะผู้บังคับให้คนอื่นลืม วันนี้เธอมีปัญหา...ปัญหาใหญ่ด้วย เกินว่าที่เธอเองจะมีสติปัญญาแก้ไข เธอไม่รู้ว่าบอกเขาแล้วจะเกิดอะไร กังวลไปสารพัดอย่าง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้ก็คือ "ความไม่รู้" ถ้าเธอบอกในวันนี้เธอจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะเป็นอย่างไร เธอคาดการหรือจัดการอะไรตรงนี้ไม่ได้ เธอได้แต่คิดว่าหากเธอ "สั่ง" ให้เขาจำเป็นอย่างอื่น เขาคงเกลียดเธอ ... ซึ่งเธอยอมรับได้เพราะคะเนได้ว่าอะไรจะต้องเกิดขึ้น ไม่จำเสียก็ไม่เจ็บ ปล่อยให้เขาเกลียดดีกว่าเขาเจ็บหรือร้อนรนเพราะช่วยอะไรเธอไม่ได้ เขมที่เธอรู้จักคงเป็นแบบนั้น เธอจึงเลือกรับความเจ็บอันนี้เอาไว้เอง หัวใจอันไหวอ่อนเก็บงำความรักไว้อย่างมิดเม้นไม่ให้ใครต้องมาเห็นและเป็นกังวลกับเธอ สถานะและประสบการณ์ต่าง ๆ สอนให้เธอนิ่ง เงียบ อดทนกับปัญหาที่ถาโถม โดยมีข้าวของในกล่องน้อยช่วยหล่อเลี้ยงใจ เธอบังคับให้เขาลืมทั้งที่ไม่อยากทำ ดังนั้นก็เป็นหน้าที่เธอสิที่ต้องจำทุกอย่างไว้
ถึงแม้ว่ามันจะจบไปแล้วความรักครั้งนั้น แต่ฉันก็จะไม่ลืมเธอ หากเราเจอกันอีกครั้ง หากมีหนี้ที่ต้องชำระต่อกัน ก็ขอให้หมดสิ้นไป
สิ่งที่ยากยิ่งต่อการควรคุมมันก็คือ "ใจ" เมื่อโชคชะตาพาเขมชาติ และ สุริยาวดีในนามใหม่ "สุริยง" อีกครั้ง สำหรับเขมมันคือแวบของชังและเสียใจพร้อมกับความตกใจว่าจริง ๆ แล้วเรา "ไม่พร้อม" เวลาเพียงเสี้ยววินาทีแต่ทุกสิ่งอย่างเมื่อเกือบสิบปีก่อนมาหมุนจี๋กลับมาอยู่ตรงหน้า สิ่งที่จดจำหาใช่เพียงความรวดร้าวของการถูกทอดทิ้งแต่รวมถึงความทรงจำดี ๆ ที่มีต่อกัน สำหรับสุริยงแม้เบื้องหน้าจะเรียบเฉยจิตใจก็สั่นคลอนด้วยอดีตอยู่ เพราะ ไม่เลยไม่เคยลืม
ฉากหน้าของทั้งสองแม้จะฉาบด้วยความฉุนเฉียวไม่ลงรอยของฝ่ายชาย และ ความนิ่งเฉยเกือบเย็นชาของฝ่ายหญิง ลึก ๆ แล้วคือความหวั่นกลัว ลึก ๆ แล้วคือความหวั่นไหว ที่ในห้วงคิดคำนึงก็ยังมีหน้าของแต่ละฝ่ายลอยมาอยู่ในความคิด ทั้ง ๆ ที่ปัจจัยต่าง ๆ นั้นเปลี่ยนไปหมดแล้ว ชีวิตของเขมมีเกนหลงที่ก้าวเข้ามา ส่วนชีวิตของสุริยงก็อุทิศให้ไก่และไข่ไปจนเกือบสิ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราจะทำฉันใด
เมื่อยิ่งพบกันยิ่งใกล้กัน ต่างคนต่างรู้สึก ... ว่าเขมชาติ และ สุริยาวดี ในสมัยมหาวิทยาลัยไม่ได้หายไปไหน คลื่นลมแห่งชีวิตและร่องรอยแห่งอดีตอาจกลบฝังมันไว้ แต่หลายอย่างซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่มอบหัวใจให้แก่กันเมื่อครั้งอดีตยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง ยังคงรู้สึกว่าต่างฝ่ายต่างเป็นรักแรก รักเดียว และ ยังรักอยู่คนเดียว ... แต่เราเคยยืนอยู่ตรงนี้มาก่อนมิใช่หรือ สถานการณ์แบบนี้ วันที่อะไรไม่เป็นใจ เจ็บปวดแค่ไหนยังจำได้ แล้วจะปล่อยเหตุการณ์มันจะซ้ำรอยเก่าอีกหรือ ? ต่างฝ่ายจึงตั้งกำแพงที่ทั้งสูงทั้งหนาเอาไว้เพราะความกลัวและความหวาดหวั่น เขมชาติย้ำในใจว่าตัวเองมีคนอื่นที่ดีกว่า สุริยงตั้งใจว่าจะต้องตีตัวออกห่าง ให้เรื่องมันจบลงไป
แต่มันกลายเป็นว่าอยู่ไปก็เจ็บแต่ขาดเสียก็อยู่ไม่ได้
เหตุการณ์จึงเป็นไปอย่างซับซ้อนสับสน นาทีหนึ่งก็เหมือนไล่ให้ไปไกล ๆ แต่อีกนาทีหนึ่งก็อยากให้มาอยู่ใกล้ ๆ ตัว นาทีหนึ่งก็อยากจะตีจาก แต่อีกนาทีหนึ่งก็เป็นห่วงจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นกันอยู่อย่างนี้จนเหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นจนปะทุ เพราะหลอกตัวเองปิดบังตัวเองมาตลอด ด้วยความกลัวเงาจากอดีต กลัวว่าถ้าเรายื่นมือออกไปหา เราจะจากกันเหมือนเดิม เราจะเจ็บเหมือนเดิม สู้ปิดเกมส์กันตั้งแต่วันนี้เลยดีกว่า เกมส์ปิดได้จริง แต่ไม่ได้เกิดความสุขใจสำหรับผู้กระทำ ไม่ได้ทำให้ใครเรียกร้องอะไรกลับคืนมาได้ทั้งสิ้น
แล้วจะทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร ?
เมื่อสุดท้ายที่เป็นมาทั้งหมดคือทำร้ายกันและกัน
เธอบอกว่าเลือกเพื่อเขา ... แล้วเขาเป็นสุขไหม ก็ไม่ใช่
เขาบอกว่าเขาแค้นเธอ ... แต่แล้วคืออยากให้กลับ
เป็นเหมือนเดิม หรือว่าไม่จริง ?
หัวใจที่พรากกันมาแล้วในครั้งหนึ่ง ได้กลับคืนมาพบกันใหม่ รู้ทั้งรู้ว่าหัวใจไม่เคยลืมกัน รู้ทั้งรู้ว่าใจจริงไม่อยากให้เขา หรือ เธอนั้นมีใครอื่นอีก หัวใจที่เคยประสบความอ่อนหวานและมีชีวิตชีวาในวัยนักศึกษา ก็ติดตรึงแน่นหนาไม่จาง หัวใจที่เผชิญความรวดร้าวถูกกระทำให้เสียหายแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ลืมกัน ถ้าหากมันเป็นอย่างนั้น ... จะจมอยู่กับอดีตที่ผ่านมาด้วยสาเหตุอะไร เมื่ออดีตที่ผ่านมาเธอจะมีใครไม่สำคัญ เธอจะจำหรือว่าไม่จำอะไร ก็ไม่เป็นสาระสำคัญอีกต่อไป เมื่ออดีตที่ผ่านมาเขาจะร้ายกับเธอแค่ไหน เขาก็คงอยู่ในความทรงจำทั้งยามหลับตื่น ...
"อย่าลืมฉัน" คงเป็นคำอ้อนวอนจากจิตใจลึก ๆ ของคนสองคนที่ต่างฝ่ายเฝ้าฝากเสียงกระซิบผ่านสายลมไปว่า "ได้โปรด" อย่าลืมกัน ทั้ง ๆ ที่ "การลืม" นั้นไม่เคยเกิดขึ้นแม้เวลาจะผันผ่านไปนานแค่ไหน การให้อภัยคงไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อในชีวิตที่ผ่านความงดงามแห่งอดีต และ ความทุกข์ตรมในปัจจุบัน ล้วนเป็นสิ่งที่ตอกย้ำชัดเจนและหนักแน่นว่า สุริยาวดี และ เขมชาติ ต่างเป็น One and Only ของกันและกัน ไม่ต้องค้นหาไม่ต้องเอื้อมมือคว้า เพราะเขาและเธอตกลงปลงใจว่า "เรา" เป็นเช่นนั้นเสมอมาและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
Promise I'm worthy to hold in your arms
So come on and give me the chance
To prove I am the one who can walk that mile
Until the end starts ... now.
ขอสัญญาว่ามันคุ้มค่าพอ
จะพะนอเธอในอ้อมกอดฉัน
เพราะเราเป็นหนึ่งเดียวของกันและกัน
ตราบนิรันดร์เริ่มต้น ... ณ ที่นี้
อย่าลืมฉัน(รวมรีวิว) : ตอนที่ ๑-๑๓
อย่าลืมวันอำลาด้วยอาลัย
อย่าลืมใจกระซิบว่า ... อย่าลืมกัน
ในยามรักคงไม่มีใครอยากจากพรากคนที่รัก และ คงไม่มีใครอยากให้เกิดการ "ลืม" ไม่ว่าจะเป็นการ "ถูกบังคับให้ลืม" หรือ "บังคับให้อีกฝ่ายลืม" ก็ตามที เมื่อหัวใจที่ยังมีความเสน่หาอาวรณ์ต่อกันแต่ต้องประสบเจอกับเหตุการณ์ทั้งสองประการพร้อม ๆ กันก็คงไม่ต้องบอกว่าระดับความเจ็บปวดมันจะมากมายเพียงไหน ทั้งตัวผู้กระทำ และ ผู้ถูกกระทำ หากเมื่อกงล้อแห่งชีวิตหมุนวนสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วไม่อาจย้อนคืนได้ มีแต่จะต้องเดินหน้าต่อไป อยู่ที่เหตุปัจจัยว่าจะหล่อหลอมให้รับมือกับความเจ็บปวดที่ว่านั้นอย่างไร
รายของเขมชาติความเจ็บปวดในฐานะคนที่ถูกลืมก่อตัวเป็นความแค้นเป็นแรงทะเยอะทะยานที่อยู่บนความสิ้นหวัง เมื่อใครคนนั้นเดินจากไปแสงสว่างในชีวิตดับสิ้นลง สิ้นลงไปโดยไม่รู้ว่าเหตุมันคืออะไร ทำไม ? เมื่อในการให้ของเขมชาติคือการให้ที่หมดสิ้นทั้งตัวและหัวใจ คือการให้ที่ไม่เหลืออะไรไว้ให้ตัวเองและใครอื่นอีก เขมจึงมีสภาพตายซากเมื่อสุริยาวดีจากไป เมื่อมองดูแล้วหากนิสัยของเขมไม่ดื้อไม่ทิฐิไม่แกร่งขนาดนี้ก็อาจไม่เป็นผู้เป็นคนแล้วก็ได้ ถือเป็นโชคดีและโชคร้ายที่เขมมีเลือดนักสู้และพฤติกรรมจิกติดอยู่ในตัว
ด้านหนึ่งนิสัยเหล่านี้ทำให้เขมชาติเป็นผู้อำนวยการเป็นคุณเขมชาติที่ประสบความสำเร็จ หากอีกด้านหนึ่งมันก็ทำให้เขมเชื่อมันในความคิดของตัวเองสุดขีดจนไม่มองหาข้อเท็จจริงอื่นใดเพื่อหักล้างสิ่งที่เชื่อ การเดินทางอันยาวไกลด้วยสองมือสองขาของตัวเองนั้น สร้างรอยกร้านเกรียมในชีวิตให้กับเขมชาติ ... จนเกือบเป็นกระด้าง เบื้องหลังวัตถุที่สร้างมาต่าง ๆ นานาก็มีที่มาจากการจากไปของผู้หญิงคนนี้ ซักวันหนึ่งถ้าเธอกลับมา ... อยากให้เธอเห็น อยากให้เธอเสียดาย แต่อีกทางหนึ่งก็คือการร่ำร้องอย่างสิ้นหวังบอกว่า .... กลับมา ...กลับมาหาฉันเถอะนะ ... สุริยาวดี วันนี้ฉันมีสิ่งที่เธอต้องการจะมีความเกลียดความแค้นเกาะกินแต่ไหนก็ยังคงรอรอให้เธอกลับคืนมา ....
ส่วนสุริยาวดีเธอมีความเจ็บปวดในฐานะผู้บังคับให้คนอื่นลืม วันนี้เธอมีปัญหา...ปัญหาใหญ่ด้วย เกินว่าที่เธอเองจะมีสติปัญญาแก้ไข เธอไม่รู้ว่าบอกเขาแล้วจะเกิดอะไร กังวลไปสารพัดอย่าง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้ก็คือ "ความไม่รู้" ถ้าเธอบอกในวันนี้เธอจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะเป็นอย่างไร เธอคาดการหรือจัดการอะไรตรงนี้ไม่ได้ เธอได้แต่คิดว่าหากเธอ "สั่ง" ให้เขาจำเป็นอย่างอื่น เขาคงเกลียดเธอ ... ซึ่งเธอยอมรับได้เพราะคะเนได้ว่าอะไรจะต้องเกิดขึ้น ไม่จำเสียก็ไม่เจ็บ ปล่อยให้เขาเกลียดดีกว่าเขาเจ็บหรือร้อนรนเพราะช่วยอะไรเธอไม่ได้ เขมที่เธอรู้จักคงเป็นแบบนั้น เธอจึงเลือกรับความเจ็บอันนี้เอาไว้เอง หัวใจอันไหวอ่อนเก็บงำความรักไว้อย่างมิดเม้นไม่ให้ใครต้องมาเห็นและเป็นกังวลกับเธอ สถานะและประสบการณ์ต่าง ๆ สอนให้เธอนิ่ง เงียบ อดทนกับปัญหาที่ถาโถม โดยมีข้าวของในกล่องน้อยช่วยหล่อเลี้ยงใจ เธอบังคับให้เขาลืมทั้งที่ไม่อยากทำ ดังนั้นก็เป็นหน้าที่เธอสิที่ต้องจำทุกอย่างไว้
สิ่งที่ยากยิ่งต่อการควรคุมมันก็คือ "ใจ" เมื่อโชคชะตาพาเขมชาติ และ สุริยาวดีในนามใหม่ "สุริยง" อีกครั้ง สำหรับเขมมันคือแวบของชังและเสียใจพร้อมกับความตกใจว่าจริง ๆ แล้วเรา "ไม่พร้อม" เวลาเพียงเสี้ยววินาทีแต่ทุกสิ่งอย่างเมื่อเกือบสิบปีก่อนมาหมุนจี๋กลับมาอยู่ตรงหน้า สิ่งที่จดจำหาใช่เพียงความรวดร้าวของการถูกทอดทิ้งแต่รวมถึงความทรงจำดี ๆ ที่มีต่อกัน สำหรับสุริยงแม้เบื้องหน้าจะเรียบเฉยจิตใจก็สั่นคลอนด้วยอดีตอยู่ เพราะ ไม่เลยไม่เคยลืม
ฉากหน้าของทั้งสองแม้จะฉาบด้วยความฉุนเฉียวไม่ลงรอยของฝ่ายชาย และ ความนิ่งเฉยเกือบเย็นชาของฝ่ายหญิง ลึก ๆ แล้วคือความหวั่นกลัว ลึก ๆ แล้วคือความหวั่นไหว ที่ในห้วงคิดคำนึงก็ยังมีหน้าของแต่ละฝ่ายลอยมาอยู่ในความคิด ทั้ง ๆ ที่ปัจจัยต่าง ๆ นั้นเปลี่ยนไปหมดแล้ว ชีวิตของเขมมีเกนหลงที่ก้าวเข้ามา ส่วนชีวิตของสุริยงก็อุทิศให้ไก่และไข่ไปจนเกือบสิ้น
เมื่อยิ่งพบกันยิ่งใกล้กัน ต่างคนต่างรู้สึก ... ว่าเขมชาติ และ สุริยาวดี ในสมัยมหาวิทยาลัยไม่ได้หายไปไหน คลื่นลมแห่งชีวิตและร่องรอยแห่งอดีตอาจกลบฝังมันไว้ แต่หลายอย่างซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่มอบหัวใจให้แก่กันเมื่อครั้งอดีตยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง ยังคงรู้สึกว่าต่างฝ่ายต่างเป็นรักแรก รักเดียว และ ยังรักอยู่คนเดียว ... แต่เราเคยยืนอยู่ตรงนี้มาก่อนมิใช่หรือ สถานการณ์แบบนี้ วันที่อะไรไม่เป็นใจ เจ็บปวดแค่ไหนยังจำได้ แล้วจะปล่อยเหตุการณ์มันจะซ้ำรอยเก่าอีกหรือ ? ต่างฝ่ายจึงตั้งกำแพงที่ทั้งสูงทั้งหนาเอาไว้เพราะความกลัวและความหวาดหวั่น เขมชาติย้ำในใจว่าตัวเองมีคนอื่นที่ดีกว่า สุริยงตั้งใจว่าจะต้องตีตัวออกห่าง ให้เรื่องมันจบลงไป
เหตุการณ์จึงเป็นไปอย่างซับซ้อนสับสน นาทีหนึ่งก็เหมือนไล่ให้ไปไกล ๆ แต่อีกนาทีหนึ่งก็อยากให้มาอยู่ใกล้ ๆ ตัว นาทีหนึ่งก็อยากจะตีจาก แต่อีกนาทีหนึ่งก็เป็นห่วงจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นกันอยู่อย่างนี้จนเหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นจนปะทุ เพราะหลอกตัวเองปิดบังตัวเองมาตลอด ด้วยความกลัวเงาจากอดีต กลัวว่าถ้าเรายื่นมือออกไปหา เราจะจากกันเหมือนเดิม เราจะเจ็บเหมือนเดิม สู้ปิดเกมส์กันตั้งแต่วันนี้เลยดีกว่า เกมส์ปิดได้จริง แต่ไม่ได้เกิดความสุขใจสำหรับผู้กระทำ ไม่ได้ทำให้ใครเรียกร้องอะไรกลับคืนมาได้ทั้งสิ้น
เมื่อสุดท้ายที่เป็นมาทั้งหมดคือทำร้ายกันและกัน
เธอบอกว่าเลือกเพื่อเขา ... แล้วเขาเป็นสุขไหม ก็ไม่ใช่
เขาบอกว่าเขาแค้นเธอ ... แต่แล้วคืออยากให้กลับ
เป็นเหมือนเดิม หรือว่าไม่จริง ?
หัวใจที่พรากกันมาแล้วในครั้งหนึ่ง ได้กลับคืนมาพบกันใหม่ รู้ทั้งรู้ว่าหัวใจไม่เคยลืมกัน รู้ทั้งรู้ว่าใจจริงไม่อยากให้เขา หรือ เธอนั้นมีใครอื่นอีก หัวใจที่เคยประสบความอ่อนหวานและมีชีวิตชีวาในวัยนักศึกษา ก็ติดตรึงแน่นหนาไม่จาง หัวใจที่เผชิญความรวดร้าวถูกกระทำให้เสียหายแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ลืมกัน ถ้าหากมันเป็นอย่างนั้น ... จะจมอยู่กับอดีตที่ผ่านมาด้วยสาเหตุอะไร เมื่ออดีตที่ผ่านมาเธอจะมีใครไม่สำคัญ เธอจะจำหรือว่าไม่จำอะไร ก็ไม่เป็นสาระสำคัญอีกต่อไป เมื่ออดีตที่ผ่านมาเขาจะร้ายกับเธอแค่ไหน เขาก็คงอยู่ในความทรงจำทั้งยามหลับตื่น ...
"อย่าลืมฉัน" คงเป็นคำอ้อนวอนจากจิตใจลึก ๆ ของคนสองคนที่ต่างฝ่ายเฝ้าฝากเสียงกระซิบผ่านสายลมไปว่า "ได้โปรด" อย่าลืมกัน ทั้ง ๆ ที่ "การลืม" นั้นไม่เคยเกิดขึ้นแม้เวลาจะผันผ่านไปนานแค่ไหน การให้อภัยคงไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อในชีวิตที่ผ่านความงดงามแห่งอดีต และ ความทุกข์ตรมในปัจจุบัน ล้วนเป็นสิ่งที่ตอกย้ำชัดเจนและหนักแน่นว่า สุริยาวดี และ เขมชาติ ต่างเป็น One and Only ของกันและกัน ไม่ต้องค้นหาไม่ต้องเอื้อมมือคว้า เพราะเขาและเธอตกลงปลงใจว่า "เรา" เป็นเช่นนั้นเสมอมาและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
So come on and give me the chance
To prove I am the one who can walk that mile
Until the end starts ... now.
ขอสัญญาว่ามันคุ้มค่าพอ
จะพะนอเธอในอ้อมกอดฉัน
เพราะเราเป็นหนึ่งเดียวของกันและกัน
ตราบนิรันดร์เริ่มต้น ... ณ ที่นี้