ข่าวเย็นนี้ที่ว่อนไปทั่วเน็ตนอกเหนือจากศาลอนุมัติหมายจับแกนนำกปปส ก็คือ ข่าวยืนยันว่ารองนิวัฒน์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี สามารถลงนามในพระราชกฤษฏีกาเลือกตั้งได้ เพราะเคยมีตัวอย่างมาแล้ว ในช่วงปลายปี 2551 ซึ่งเกิดวิกฤตการเมืองจากการที่ "กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง จากนั้น "ศาลรัฐธรรมนูญ" ก็เร่งวินิจฉัยให้ "ยุบพรรคพลังประชาชน  พร้อมกับสั่งให้ "ตัดสิทธิเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี" อันเป็นการทำให้ "รัฐบาลพรรคพลังประชาชน" ขณะนั้นพ้นสภาพไป

"นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์" นายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็น "คณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน" พรรคการเมืองที่ถูกสั่งยุบพรรค จนทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เหลืออยู่ตามรธน มาตรา 181  ต้องหาผู้ที่จะมา "รักษาการ" และ "ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี"  จึงมีมติในเวลาต่อมามอบหมายให้ "นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล" รองนายกรัฐมนตรี ขณะนั้น เป็นผู้รักษาการในตำแหน่ง "ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี.

ดูมติ ครม 3 ธค 2551



และในวันที่ 19 ธค 2551 "นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล" ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ไดรับสนองพระบรมราชโองการในพระราชกฤษฎีกา ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎร" ในเขตที่ว่างลง  ดังนี้





ในเมื่อ "นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล" ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี สามารถรับสนองพระราชกฎษีกา กำหนดการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร ได้ รองนิวัฒน์ ซึ่งอยู่ในสถานะเดียวกัน ก็ย่อมรับสนองพระบรมราชโองการในพระราชกฤษฎีกา ที่จะกำหนดวันเลือกตั้งได้เช่นกัน เพราะไม่มีกฎหมายอื่นใดกำหนดห้าม หรือกำหนดว่าเฉพาะแต่นายกรัฐมนตรีตัวจริงเท่านั้น จึงจะทำเช่นนั้นได้ มีแต่การปล่อยข่าวมั่ว สร้างกระแสไปทั่ว เพื่อหวังเตะถ่วงการเลือกตั้งออกไปเท่านั้น

ไอ้กรรมการอยากเลื่อนการเลือกตั้งดูไว้เสีย ให้เต็มตา