พ่อคะ ใครเผาอยุธยา ?

วันหยุดยาวที่ผ่านมา ครอบครัวผมไปเที่ยวทำบุญไหว้พระที่อยุธยาครับ ทริปนี้เราไม่ได้วางแผนกันล่วงหน้าเท่าไร พอดีวันอาทิตย์นี้ว่าง ภรรยาผมบอกอยากไปไหว้พระทำบุญที่อยุธยา "ไปกันไหม" มันเป็นประโยคสั่งการในกลางดึกคืนวันเสาร์ ผมก็ตอบว่า "ไปสิ" ยอมได้ที่ไหน เลยตำหนิเธอไปด้วยการคิดโปรแกรมคร่าวๆ เสนอไปว่า "ไหว้พระสักสามวัดก็พอนะ แวะตลาดโบราณสักหน่อย แล้วหากุ้งกิน โอเคไหม ผมสรุปสั้นเสียงสูง แล้วนอนหลับปุ๋ยเหมือนถือไพ่เหนือกว่า

6.45 น.เจ้าตัวเล็กวัย  8 ขวบ อิดออดไม่อยากไป ผมก็เลยต้องตามใจในข้อเสนอที่เธออยากได้ก็คือ 1.ต้องไปให้อาหารปลาที่ท่าน้ำ 2.ได้ปล่อยปลา 3.ให้เธอซื้อของที่อยากได้ 1 ชิ้น  4. สุดท้ายให้เธอดูการ์ตูนจบก่อน น่าน ลูกฉัน ไม่มีปัญหาแค่ออกเดินทางกันสายหน่อย สิบโมงออกจากบ้าน เป้าหมายแรกของเราคือวัดพนัญเชิง จากบ้านชลบุรีไปถึงอยุธยาเกือบเที่ยงแล้ว ผมแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจาก กินข้าวเที่ยงที่ร้านข้าวแกงแม่เสียน สุพรรณ ในปั๊มนั่นเอง ผิดหวังในรสชาติและชื่อเสียงมากครับ แกงมีน้อยอย่างและไม่อร่อย เสียดายที่ไม่ขับไปอีก 6 กม.หาของอร่อยกินแถวๆ หน้าวัดพนัญเชิง

วัดพนัญเชิง วันนี้คนเยอะเป็นปกติ เราได้ที่จอดรถไม่ไกล เดินตัดแดดเปรี้ยง ๆ เข้าไปไหว้พระปิดทอง หลวงพ่อโต ทำบุญผ้าป่า ทำบุญแผ่นกะเบื้องเขียนโดยลายมือเจ้าตัวเล็ก ผมซื้อที่ดินถวายวัดด้วย เจ้าหน้าที่ของวัดบอกราคาตารางวาละ 1 บาท ผมเลยซื้อถวาย 1 ไร่เลย 400 ตารางวา ลูกสาวบอกว่า พ่อ ป๋ามากๆ แม้ว่าจริงๆ เมื่อจากโลกนี้ไปในวันหนึ่ง หากป๋าคนนี้ของลูกฝังร่างลงหลุมดินจะใช้พื้นที่เพียง 2 ตารางวาก็ตาม



ปิดทองด้านหน้าและด้านหลังองค์พระ ภรรยาอยากเข้าไปในวิหารแต่คนเบียดเสียดกันมากมาย เราเลยได้แต่ยกมือกราบไหว้ท่านที่หน้าประตู ขอพระท่าน เราสามคน พ่อแม่ลูก ก็พากันไปท่าน้ำ เดินผ่านศาลเจ้าจีน ลงบันไดปูนไปเป็นแพมีหลังคา ราวเหล็กคั่นไม่ใหญ่มากนัก ปลาว่ายวนเบียดแยงชิงอาหารจากคนใจบุญกันมากมาย ส่วนใหญ่เป็นปลาสวาย กระโดดตูมตาม น้ำกระเซ็น ภรรยาผมเจอแดดก็อ่อนแรง ขอตัวนั่งรอยิงภาพเราพ่อลูกจากด้านบนแทน เราซื้ออาหารเม็ดและขนมปังทำทาน เสร็จภารกิจของลูกสาวไป 1 อย่าง



อากาศภายนอกร้อนมาก เราออกจากวัดมุ่งตรงไปที่ตลาดโก้งโค้ง ชื่อโก้งโค้งเพราะแม่ค้านั่งระนาบพื้นเป็นส่วนมากครับ ผมและภรรยาหวังไปหากาแฟเย็นๆ ดื่มให้คลายร้อน เส้นที่ขับไปต้องไปยูเทิร์นรถไปไกลพอควร เราเข้าไปจอดด้านในเลยมีที่ว่างพอดี เจอร้านกาแฟด่านแรก ก็สั่งกาแฟ นั่งพักเอาแรงกันก่อน

ตลาดโก้งโค้งเป็นตลาดใหม่ทำย้อนยุค มีของใช้ ของกินมากมาย วันนั้นตลาดเปิดเพลงชุดร้องคู่ของนพเกล้า อาร์เอสโปรโมชั่น เพลงเก่าครึ้มใจผมจังเลยทำเอาอากาศเย็นลงไปอีก 2 องศาอันนี้ผมคิดเอาเองอย่าเผลอเชื่อล่ะ

ตลาดจัดให้แม่ค้าแต่งตัวย้อนยุคแบบโบราณแปลกตาดี เราเดินดิ่งไปโซนอาหาร ก็นั่งทอดหุ่ยกินหอยทอดกับหมูสะเต๊ะไปเพลินๆ เดินซื้อของ ลูกสาวได้ที่ใส่กระถางต้นไม้กับนกปูนสีสดใสเป็นของช๊อบตามใจเธอไป เสร็จภาระกิจผมไปอีก 1 อย่าง ผมอุดหนุนขนมโบราณอย่างจ่ามงกุฎ ปั้นสิบ และผักสดอย่างดอกโสนและสายบัวมาด้วย ที่นี่ ราคาของไม่แพงนักครับ เหมาะที่จะมาอุดหนุนกันพอได้อยู่ถ้าเทียบกับตลาดน้ำหรือตลาดบกย้อนยุคในละแวกดียวกัน อ้อ ตลาดเปิดสัปดาห์ละ 4 วันทุกวันพฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09.00-16.00 น.แวะมาเที่ยวกันได้



วัดเกาะแก้ว ผมตั้งใจไปไหว้สักการระสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยขับรถวนกลับไปทางเดิม  ก่อนเข้าวัดเราแวะซื้อโรตีสายไหม และซื้อปลาไปปล่อยตามที่ลูกสาวต้องการ ภรรยาผมลงไปซื้อปลามา 3 ถุง มีปลาสลิด เพื่อ สลัดทุกข์ ปลาไหล ให้ การงานรื่นไหล ไม่ติดขัด และ ปลาหมอ เพื่อสุขภาพ ไม่เจ็บไม่ป่วย อันนี้เป็นอุบายทางไหนว่ามาก็ตามทีผมว่าการปล่อยปลาดีต่อจิดใจของลูกสาวผมแน่ ๆ

เราไปปล่อยปลากันที่ท่าน้ำของวัดก่อน ถุงแรกปลาไหล ว่ายหลบการโถมเข้ามาของปลาสวายไปได้ ลูกสาวตกใจใหญ่เราเลยต้องไปล่อยสองถุงที่เหลืออีกด้านหนึ่งของแพ ที่มีผักตบขึ้นหนาตาและน้ำตื้นกว่า หวังว่าปลาหมอและปลาสลิดจะปลอดภัยดีนะ สาธุ สาธุ

จากนั้นขึ้นไปที่ศาลาสมเด็จพระเจ้าตากสิน ก็เข้าไปถวายเครื่องสักการระ ขอพรท่านแล้วก็ไปปิดทองไหว้พระคณาจารย์เกจิของวัดเกาะแก้ว ไหว้พระปิดทองเสร็จสรรพเป็นวัดที่สองสมความตั้งใจ

วัดเกาะแก้วขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่องสร้างปรับปรุงหลายส่วน แม้วัดจะดูจะไม่ใหญ่โตมาก แต่ก็ร่มรื่นสวยงามไม่น้อยเลย ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ในเฟสบุ๊ค พิมพ์ว่า วัดเกาะแก้ว-พระเจ้าตาก-จ.อยุธยา ครับ



หน้าปัดนาฬิกาบอก เวลา 15.30 น. เราไปวัดใหญ่ชัยมงคลที่เราขับผ่านมาแต่แรก ไปไหว้พระนอนแล้ว ไปขึ้นเจดีย์ใหญ่กัน ภรรยาผมคอยถ่ายรูปให้ด้านล่าง พ่อลูกจับมือขึ้นบันไดพอเหงื่อซึม ๆ ไปปิดทองพระในโถงสูงของเจดีย์เรียบร้อย ก็ เดินชมรอบระเบียงเจดีย์ ในมุมสูงเห็นรอบบริเวณวัด มุมสูงเปิดสายตาเด็กน้อย ให้ซักถามไม่ขาดปาก ดูเธอไม่เหน็ดเหนื่อยเลย โชคดีจังที่ผมยังมีกำลังขาพอที่จะไปไหนต่อไหนกับลูกได้ "ไปไหนไปกัน" ผมบอกเธออย่างงั้น ทั้งที่หอบแฮ่ก ๆ



เราข้ามสะพานปูนสวยงาม มานั่งพักคลายร้อนที่สนามหญ้า ดื่นน้ำเย็นคลายร้อน (อีกแล้ว) ก็ตรงไปที่ศาลาสมเด็จพระเนศวรมหาราช ผมและลูกเข้าไปสักการะท่าน ตื้นตันบอกไม่ถูก ดีใจจังวันนี้ได้มาสักการะพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ถึงสองพระองค์ ลูกสาวก็ตื่นตาตื่นใจไปกับ รูปปั้นไก่ชนหลายพันตัวที่อยู่บริเวณศาลาและทางเดินยาวของสวนแห่งนี้ สอบถามอยู่ไม่ขาดปากว่า "สมเด็จพระนเรศวร ท่านชอบไก่ชนเหรอคะพ่อ" ทางเดินยาวร่วม 100 เมตร เธอเดินดูไก่ไปจนสุด ไก่เล็ก ไก่ใหญ่ ไก่ใหญ่ยักษ์ ไก่เงิน ไก่ทอง จนท้องฟ้าเริ่มทาบแสงยวนเย็นตา



ลูกสาวมองซากปรักหักกร่อนของรั๊วกำแพง และเจดีย์ช้า ๆ  แล้วเธอก็ถามผมว่า "พ่อคะ ใครเผาอยุธยา" ด้วยความเป็นพ่อที่อยากให้รู้เรื่องราวรากเหง้าของเราขาวสยาม วางท่านักวิชาการอย่างองอาจ แล้วยิ้มมุมปากตอบไปทันทีว่า "พม่า ไงลูก" เธอกับแม่เธอหัวเราะเสียงใสแบบประสานเสียงแล้วบอกว่า "ผิดค่ะพ่อ กุ้ง ต่างหาก เพราะ กุ้งเผาอยุธยา" เอ่อๆๆๆ พ่ออย่างผมก็เงิบไป จะแก้ตัวว่าไม่ถนัดปัญหาเชาวน์คงไม่ทัน แก้ตัวด้วยการพาไปกินกุ้งเผาเลยก็แล้วกัน

17.15 น. ผมขับรถไปวนออกสายเอเซียที่จะไปภาคเหนือครับ แล้วตรงไปตลาดกลางเพื่อการเกษตร ที่ใครต่อใครชอบพูดกันว่ากินกุ้งเผาต้องมาที่นี่ เราเลือกไปนั่งร้านริมน้ำ คนเยอะมาก จริงๆ วันหยุดวันนี้คนเยอะทุกร้าน โชคดีได้โต๊ะนั่งในห้องแอร์ สั่งต้มยำไก่บ้าน ปลาทอด กุ้งเผาแบบเลี้ยง 1/2 กก. และกุ้งแม่น้ำเผา 1/2 กก.ให้ภรรยาและลูกลองกินเปรียบเทียบรสชาติเอา เงียบมาก ไม่มีใครให้ความเห็นอะไร ทั้งสองทานอย่างเดียว ไม่บ่น ไม่งอแง ไม่จ่าย ค่าเสียหายหนึ่งพันสามร้อยบาทเศษ



วันนี้ไม่มีของหวาน เพราะดูจากสายตาและริมฝีปากทั้งสองแล้ว  คงไม่ต้องถามถึงเรื่องรสชาติอาหารอีกต่อไปแล้ว ผมรำพึงขณะถอยรถออกจากร้าน เหมือนกลิ่นกุ้งจะยังติดมืออยู่จางๆ

18.50 น.ความมืดโรยตัวลงตามธรรมชาติ ผมขับเรื่อยๆ ไม่เร็วมากนัก แวะพักให้ตัวเล็กเข้าห้องน้ำ 1 รอบ ที่ปั๊มบนถนนบางนา-ตราด เราก็ถึงบ้านในเวลา 21.00 น.พอดิบพอดี จบทริปไปแบบอิ่มท้อง อิ่มบุญ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่