พระไตรปิฏก
อรรถกถา ปุฏภัตตชาดก
ว่าด้วย การคบ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภกุฎุมพีคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า นเม นมนฺตสฺส ดังนี้.
ได้ยินว่า กุฎุมพีชาวกรุงสาวัตถีผู้หนึ่งได้ทำการค้าขาย กับกุฎุมพีชาวชนบทผู้หนึ่ง. กุฎุมพีชาวกรุงได้พาภรรยาของตนไปหาผู้เก็บเงินของกุฎุมพีชาวชนบทนั้น ผู้เก็บเงินบอกว่า เราไม่สามารถจะให้ได้ จึงไม่ให้อะไรไป. กุฎุมพีชาวกรุงโกรธไม่ยอมทานอาหารออกไปเลย.
ครั้งนั้น คนเดินทางทั้งหลายเห็นกุฎุมพีชาวกรุงผู้นั้นหิวโหยในระหว่างทาง จึงให้ห่อข้าวด้วยบอกว่า ท่านจงแบ่งให้ภรรยาด้วย แล้วบริโภคเถิด. กุฎุมพีชาวกรุงรับห่อข้าวแล้ว ไม่อยากให้ภรรยา จึงกล่าวว่า แน่ะน้อง ตรงนี้เป็นถิ่นโจร น้องจงล่วงหน้าไปก่อน เขาส่งภรรยาไปแล้ว จึงบริโภคอาหารจนหมด แล้วเอาห่อเปล่าๆ มาพูดว่า น้อง พวกบุรุษเดินทางให้ห่อเปล่าๆ ไม่มีข้าวเลย. ภรรยารู้ว่าสามีบริโภคแต่ผู้เดียว ก็มีความน้อยใจ.
ทั้งสองสามีภรรยาผ่านไปทางหลังพระเชตวันมหาวิหาร จึงแวะเข้าไปเชตวันมหาวิหาร ด้วยคิดว่าจะดื่มน้ำ.
แม้พระศาสดาก็ประทับนั่ง คอยดูการมาของสามีภรรยานั้น ใต้ร่มเงาพระคันธกุฏี ดุจพรานซุ่มดักเนื้อฉะนั้น สามีภรรยาพบพระศาสดาแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมนั่งแล้ว. พระศาสดาทรงกระทำการปฏิสันถารกับสามีภรรยานั้น ตรัสถามว่า
"อุบาสิกา สามีท่านเอาใจใส่ห่วงใยท่านดีอยู่หรือ"
ภรรยากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ข้าพระองค์มีความห่วงใยต่อเขา แต่เขาไม่มีความห่วงใยต่อข้าพระองค์เลย วันอื่นยกไว้เถิด วันนี้เองสามีของข้าพระองค์นี้ได้ข้าวห่อมาห่อหนึ่งในระหว่างทาง ไม่แบ่งให้ข้าพระองค์ บริโภคเฉพาะตน
พระศาสดาตรัสว่า อุบาสิกา ท่านเป็นผู้เอาใจใส่ห่วงใยสามีเสมอมา สามีของท่านนั้นไม่ห่วงใยท่านเลย แต่พอรู้คุณของท่าน เพราะอาศัยบัณฑิต ครั้งนั้น จึงได้มอบความเป็นใหญ่ทั้งปวงให้.
นางทูลอาราธนาขอให้เล่า จึงทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า...
อย่าคบคนที่เขาไม่เห็นค่าเราเลย เพราะโลกนี้กว้างใหญ่พอ
อรรถกถา ปุฏภัตตชาดก
ว่าด้วย การคบ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภกุฎุมพีคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า นเม นมนฺตสฺส ดังนี้.
ได้ยินว่า กุฎุมพีชาวกรุงสาวัตถีผู้หนึ่งได้ทำการค้าขาย กับกุฎุมพีชาวชนบทผู้หนึ่ง. กุฎุมพีชาวกรุงได้พาภรรยาของตนไปหาผู้เก็บเงินของกุฎุมพีชาวชนบทนั้น ผู้เก็บเงินบอกว่า เราไม่สามารถจะให้ได้ จึงไม่ให้อะไรไป. กุฎุมพีชาวกรุงโกรธไม่ยอมทานอาหารออกไปเลย.
ครั้งนั้น คนเดินทางทั้งหลายเห็นกุฎุมพีชาวกรุงผู้นั้นหิวโหยในระหว่างทาง จึงให้ห่อข้าวด้วยบอกว่า ท่านจงแบ่งให้ภรรยาด้วย แล้วบริโภคเถิด. กุฎุมพีชาวกรุงรับห่อข้าวแล้ว ไม่อยากให้ภรรยา จึงกล่าวว่า แน่ะน้อง ตรงนี้เป็นถิ่นโจร น้องจงล่วงหน้าไปก่อน เขาส่งภรรยาไปแล้ว จึงบริโภคอาหารจนหมด แล้วเอาห่อเปล่าๆ มาพูดว่า น้อง พวกบุรุษเดินทางให้ห่อเปล่าๆ ไม่มีข้าวเลย. ภรรยารู้ว่าสามีบริโภคแต่ผู้เดียว ก็มีความน้อยใจ.
ทั้งสองสามีภรรยาผ่านไปทางหลังพระเชตวันมหาวิหาร จึงแวะเข้าไปเชตวันมหาวิหาร ด้วยคิดว่าจะดื่มน้ำ.
แม้พระศาสดาก็ประทับนั่ง คอยดูการมาของสามีภรรยานั้น ใต้ร่มเงาพระคันธกุฏี ดุจพรานซุ่มดักเนื้อฉะนั้น สามีภรรยาพบพระศาสดาแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมนั่งแล้ว. พระศาสดาทรงกระทำการปฏิสันถารกับสามีภรรยานั้น ตรัสถามว่า
"อุบาสิกา สามีท่านเอาใจใส่ห่วงใยท่านดีอยู่หรือ"
ภรรยากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ข้าพระองค์มีความห่วงใยต่อเขา แต่เขาไม่มีความห่วงใยต่อข้าพระองค์เลย วันอื่นยกไว้เถิด วันนี้เองสามีของข้าพระองค์นี้ได้ข้าวห่อมาห่อหนึ่งในระหว่างทาง ไม่แบ่งให้ข้าพระองค์ บริโภคเฉพาะตน
พระศาสดาตรัสว่า อุบาสิกา ท่านเป็นผู้เอาใจใส่ห่วงใยสามีเสมอมา สามีของท่านนั้นไม่ห่วงใยท่านเลย แต่พอรู้คุณของท่าน เพราะอาศัยบัณฑิต ครั้งนั้น จึงได้มอบความเป็นใหญ่ทั้งปวงให้.
นางทูลอาราธนาขอให้เล่า จึงทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า...