นักวิชาการมองว่า การคุมคามสื่อไทยกลายเป็นเรื่องปกติ เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้แสดงท่าทีคุ้มครองสื่ออย่างจริงจัง  ส่วนที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์ วอทช์ ประจำประเทศไทย เรียกร้องให้ประชาชนออกมาประณามการคุกคามสื่อ เพราะเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

รองศาสตราจารย์ปวิน ชัชวาลพงษ์พันธ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ชี้ว่า สื่อมวลชนในประเทศไทยทุกวันนี้มีปัญหามาก เพราะสื่อบางสำนักเลือกข้างอย่างชัดเจน  ขณะที่บางสื่อไม่สามารถรายงานข่าวได้ ตามความเป็นจริง จึงเซ็นเซอร์ตนเอง  เพื่อป้องกันการข่มขู่คุกคาม

แต่สิ่งที่น่าเศร้ามากไปกว่านั้นคือ กรณีที่นายนิก นอสติทซ์ ผู้สื่อข่าวชาวเยอรมัน ถูกการ์ด กปปส. พยายามลากตัวเข้าไปพบพระพุทธอิสระ แกนนำ กปปส. ที่เวทีแจ้งวัฒนะ ระหว่างเดินทางไปทำข่าวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แต่สุดท้ายสามารถช่วยเหลือไว้ทัน

จากการรายงานข่าวที่ผ่านมา รองศาสตร์จารย์ปวิน พบว่า นายนิก ไม่ใช่สื่อเลือกข้าง ส่วนการกระทำของ กปปส. เป็นการคุกคามสื่ออย่างร้ายแรง แต่องค์กรด้านสื่อสารมวลชนในประเทศไทย และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ไม่มีการออกแถลงการณ์ ประณามการกระทำนี้  ทำให้การคุกคามถือเป็นเรื่องปกติในสังคมไทย

ด้านที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์ วอทช์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า การปิดล้อมสถานีโทรทัศน์ของ กปปส. ในวันนี้ เป็นการคุกคามและแทรกแซงสื่ออย่างชัดเจน เพราะกดดันให้สื่อเลือกข้าง และนำเสนอข้อมูลของ กปปส. ฝ่ายเดียว ซึ่งการคุกคามสื่อมวลชน เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะจะทำให้ประชาชนไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารรอบด้าน ถือเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน

นายสุณัย ระบุว่า เห็นใจผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง เพราะบางส่วนต้องยอมละเลยจรรยาบรรณ เพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินของบุคลากร ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้  ควรประณามกลุ่มมวลชนที่มากดดันสื่อมากกว่า

ส่วนแถลงการณ์ขององค์กรสื่อทั้ง 2 แห่ง ที่ออกมาช่วงเย็นวันนี้ ถือว่ามีความชัดเจน และตรงประเด็นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา พร้อมวิงวอนให้สังคมสร้างบรรทัดฐานใหม่ว่า สื่อมวลชนไม่สมควรถูกคุกคาม แทรกแซง หรือทำร้าย เพราะเสรีภาพสื่อ คือดัชนีชี้วัดความเป็นประชาธิปไตยในประเทศนั้นๆ

ที่มา : http://news.voicetv.co.th/democracycrisis/105246.html