กระจกส่องเงาฝรั่งขี้นก

ฝรั่งขี้นก

สวัสดีค่ะ ดิฉันตั้งใจอยากจะมาเล่าเรื่องชีวิตจริงของดิฉันให้ฟังเป็นอุทาหรสอนใจนะค่ะ เพราะเรื่องนี้เป็นเหมือนกระจกส่องเงาให้ตัวดิฉันเอง และหวังว่าหากท่านใดที่กำลังท้อแท้ได้อ่านแล้วอาจจะช่วยเปลี่ยนความคิดของท่านได้ค่ะ.  ขต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าหากท่านอ่านแล้วเหมือนเรื่องนำ้เน่าหรือเรียบเรียงเรื่องไม่ค่อยดีเพราะเขียนไม่ค่อยเก่งค่ะ. อีกอย่างดิฉันเองทราบดีว่าบนโลกนี้มีผู้ที่ประสบกับปัญหาชีวิตที่แย่มากดิฉันแน่ๆแต่ นี่คือชีวิตจริงของดิฉันและเป็นอีมุมหนึงซึ่งคนไทยเราอาจจะยังไม่เคยทราบหรืออาจมองไปอีกแง่มุมนึงซึ่งมีแต่ความสวยงามเพรียบพร้อมไปหมดแต่อันที่จริงแล้วดิฉันตั้งใจจะมาเล่าความจริงที่คนไทยด้วยกันไม่ค่อยเปิดปากพูดเรื่องนี้สักเท่าไรนักค่ะ ดิฉันเป็นลูกครึ่งที่โตในเมืองไทยพูดง่ายๆว่าโตที่บ้านนอกเลยค่ะหลังบ้านดิฉันนั้นมีแต่ทุ่งนาและวัวกับควายแบบนั้นเลยนะค่ะ สมัยตอนที่ที่ดิฉันเด็กๆยังมีทีวีขาวดำอยู่เลยค่ะโทรศัพท์ยังเข้ามาไม่ถึงเลยนะค่ะ. ดิฉันเกิดในครอบครัวที่ทั้งพ่อและแม่เป็นเด็กกำพร้าด้วยกันทั้งคู่ค่ะ(ตายายดิฉันท่านจนมากญาติของยายจึงขอแม่ไปเลี้ยงค่ะ)(ย่าดิฉันท้องพ่อดิฉันตั้งแต่ยังสาวๆในสมัยนั้นพวกฝรั่งเค้าก็มีกฎเหมือนกันค่ะห้ามหญิงที่ไม่มีสามีมีบุตรค่ะ)หลังจากที่พ่อและแม่ดิฉันแต่งงานกันแล้วแม่มาปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆบ้านตายายแท้ๆ ของดิฉันค่ะ ตั้งแต่ดิฉันเกิดมาเท่าที่จำความได้นะค่ะก็มีตาแก่ๆประมาณ50กว่า แกชอบมาร้องเพลงล้อดิฉันว่า "แม่เป็นบ้า"ลุงแกมีลูกชายรุ่นแม่ค่ะแต่เป็นใบ้)เราเป็นเด็กพอได้ยินบ่อยๆเข้าก็จำเอาไว้ว่าแม่เราเป็นบ้าค่ะ พอยิ่งโตก็ยิ่งทำให้ดิฉันยิ่งเข้าใจได้มากขึ้นว่าแม่เราเป็นโรคประสาทจริงๆ พ่อไม่รู้เรื่องนี้เพราะปีนึงจะบินมาหนนึงค่ะ. ดิฉันโชคดีมากค่ะที่มีตากับยายเหมือนล่มโพธิ์ล่มไทรให้เด็กอย่างดิฉันโตมาเป็นคนได้ค่ะ คือตอนเด็กๆดิฉันอึดอัดใจมากค่ะที่ต้องอยู่กับแม่ที่เป็นโรคประสาทเพราะเดี๋ยวอารมณ์ดีท่านก็หัวเราะแบบไม่มีสาเหตุ พอเอาสักพักท่านก็ด่าไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ตัวเองคำหยาบๆยกขึ้นมาหมดค่ะ ดิฉันจำได้ว่าแม่ห้ามไปเล่นบ้านยายเพราะแกกลัวยายจะวางยาพิษดิฉัน 5555 แต่ดิฉันก็หนีไปหายายทุกวันและกลับมาบ้านก็โดนตีทุกวันค่ะ อย่างไรก็ต้องไปเพราะอยู่กับยายแล้วอบอุ่นค่ะ แถมถ้าวันไหนกินข้าวบ้านยายนะอร่อยจังเลยค่ะมันรู้สึกแบบนี้จริงๆนะค่ะ. ไม่ใช่ว่าแม่ทำกับข้าวไม่ถูกปากนะค่ะ แต่มันเหงาใจเว้งว้างอย่างไรบอกไม่ถูกค่ะ ถ้ายิ่งตอนเย็นๆฟ้าครึ้มๆแม่จะปิดประตูนะค่ะ โอโหเป็นเวลาที่ดิฉันเหงาๆเศร้าๆอยู่ในใจอย่างไรบอกไม่ถูกค่ะ. ทั้งๆที่ดิฉันมีของเล่นเต็มตู้ไปหมดมีครบทุกอย่างมากกว่าเด็กชาวบ้านคนอื่นๆมีชุดกระโปรงสวยๆใส่แต่ดิฉันไม่เคยสนหรือมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้นเลย. อีกอย่างดิฉันไม่มีเพื่อนเล่นด้วยแหละค่ะ แม่ไม่ปล่อยดิฉันไปเล่นกับเด็กคนอื่นอยู่แล้วและเด็กคนอื่นๆที่ไหนใครเค้าจะมาอยากเล่นกับดิฉันล่ะค่ะ ส่วนมากจากตอนเช้าเวลาขึ้นรถไป ร.ร. เด็กทุกคนในหมู่บ้านนั้นเค้าก็รังเกียจดิฉันอยู่แล้วเพราะมีวันนึงมีพี่คนนึงเธอบอกดิฉันว่าแกเคยคิดและเคยได้ยินเค้าว่ากันว่าดิฉันลูกคนรวยต้องหยิ่งนิสัยไม่ดีค่ะ ดิฉันนึกขำตอนนั้นในใจเอาทำไมเรากลายเป็นตัวละครเรื่องไหนที่ชาวบ้านเค้าดูกันเนี่ย อ๋อทำให้ตาดิฉันสว่างขึ้นมาตอนนั้นเลยว่าชีวิตจริงของมนุษย์ไม่ใช่เหมือนในนิยายนะ เราจะไปตัดสินแต่ภายนอกไม่ได้ถ้าเราไม่รู้จักเค้าจริง  ถ้ามาเล่นเค้าก็ขโมยของในบ้านนี่เป็นเหตุนึงที่ไม่ค่อยอยากให้ใครเข้าบ้านนะค่ะ. ไม่ใช่ใส่ร้ายชาวบ้านนะค่ะ เพราะตอนดิฉันเริ่มโตขึ้นมาหน่อยไปเล่นบ้านคนโน้นที่คนนี้ที ทั้งจานชามช้อนเอยไปอยู่บ้านของชาวบ้านแถวนั้นหมดค่ะแต่ก็พูดไม่ออกจริงๆค่ะ ขอย้อนกลับไปช่วงชีวิตตอนเด็กนะค่ะ พอดิฉันเริ่มเข้าโรงเรียนโอโหเดียวดายมากค่ะ เพราะอะไรค่ะ ไม่มีใครอยากเล่นด้วยค่ะ ทำไมไม่ให้เราเล่นด้วยล่ะดิฉันถาม?  เพื่อนเธอตอบเราว่าไม่ให้เล่นด้วยหลอกเธอเป็น"ฝรั่ง"!! ตั้งแต่นั้นมาดิฉันมีไหวพริบพอค่ะ เป็นพวกประจบยอมเป็นทาสเค้าเพื่อที่จะให้เค้ายอมรับเราค่ะ คืออยากมีเพื่อนจะได้ไม่อยู่คนเดียวไม่งั้นเจอพวกเด็กผู้ชายล้อแน่ค่ะ นี่คือชีวิตสมัยอนุบาลและประถมของดิฉันนะค่ะ ดิฉันเรียนแย่มากค่ะไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยว่าเค้าเรียนอะไรทำอะไรในสมองมันมืดมิดไปหมด ไม่อยากไปโรงเรียนสักเท่าไรนะค่ะเพราะหัวใจดิฉันมันหวิวๆคิดถึงแม่กลัวสภาพแวดล้อมในโรงเรียนค่ะ ต่อมาไม่นานแม่ได้คลอดน้องชายอันประเสริฐและผู้น่าสงสารมากของดิฉัน ดิฉันดีใจมากค่ะมีน้องแล้วเราไม่ต้องอยู่คนเดียวแล้วค่ะ แต่น้องชายของดิฉันถ้าพูดประสาชาวบ้านคือเด็กปัญญอ่อนค่ะ เหตุผลที่ดิฉันบอกว่าน้องชายน่าสงสารไม่ใช่เรื่องที่เค้าปัญญาอ่อนนะค่ะ แต่เป็นเพราะว่าเด็กชาวบ้านทำร้ายร่ายกายน้องดิฉันอย่างรุ่นแรงค่ะ(สำหรับดิฉันน่ะค่ะ) สังให้น้องดิฉันเล่นตรงนั้นของตัวเองต้องแต่อนุบาลค่ะ จับน้องดิฉันมัดแล้วเอาปืนอัดลมยิงอวัยวะเพศของน้องชายดิฉันค่ะ ข่มเหงทำร้ายทุกวันค่ะตอนน้องอยู่อนุบาลค่ะ ดิฉันเรียนคนล่ะร.ร. กับน้องค่ะ ดิฉันไม่กล้าสู้คนค่ะเพราะโตมาในสถานะแบบนี้ไม่มีความมั่นใจในตัวเองอยู่แล้วค่ะ ถ้าย้อนกลับไปได้จะขอยอมให้พวกเค้ารังแกดิฉันดีกว่าไปทำร้ายเด็กน้อยอย่างน้องที่ไม่มีทางสู้ใครค่ะ แม่ก็ชอบพาดิฉันและไปเที่ยวกรุงเทพค่ะ คือแม่แกเป็นคนที่ใช้เงินเก่งมากค่ะมีเท่าไรก็หมดแต่ก่อนหมดแม่ดิฉันไม่เคยบอกเราเลย ตอนนั้นดิฉันไม่เข้าใจเหมือนกันแม่ให้ไปไหนเราก็ไป แล้วทุกครั้งเงินก็หมดในกรุงเทพเชื่อไหมค่ะในที่สุดทุกครั้งดิฉันต้องเดินรอบกรุงเทพแบบเด็กข้างถนนพาแม่และน้องเล็กๆไป หาน้าน้องสาวของแม่ท่านทำงานในกรุงเทพไปรบกวนท่านทุกครั้ง ท่านก็ต้องถึงไปกราบคนที่ท่านทะเลาะด้วยเพื่อขอยืมเงินเค้ามาเป็นค่ารถพาหลานๆกลับบ้านนอก แม่ท่านก็ทำอย่างนี้บ่อยครั้งอยู่ก็โผ่ไปที่ร.ร.  ดิฉันแล้วไปลาคุณครูขออนุญาติพาลูกไปรับท่านฑูตอะไรท่านก็พูดไป ครูก็ปล่อยอนุญาติให้ไปได้ค่ะ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งแม่ดิฉันท่านนึกอะไรก็ไม่ทราบพาดิฉันกับน้องไปถึงภาคใต้ไปอยู่บังกะโลขาดเรียนเป็นครึ่งปีค่ะ  เป็นหนี้เค้าอีกแถมกว่าจะกลับบ้านได้ทรมานแสนยากค่ะ  พ่อส่งเงินมาให้เท่าไรไม่ถึงเดือนแม่เอาไปใช้หมดค่ะ อยากทราบไหมล่ะค่ะว่าท่านเอาไปใช้จ่ายอะไรบ้าง?  ดิฉันคิดว่าทุกท่านอาจกำลังจินตนาการกันไปต่างๆนาๆนะค่ะ แต่จริงแล้วคุณแม่ดิฉันไม่ได้ติดการพนันนะค่ะ ท่านเล่นหวยอย่างเดียวค่ะ แต่เงินท่านไม่ได้หมดไปกับหวยนะค่ะ. โรงพยาบาลค่ะท่านไปเป็นประทานร่วมสร้างโรงพยาบาลค่ะ  งานกาชาดเอย ทำบุญตามวัดต่างๆค่ะ แม้แต่เวลาท่านนั่งรถทัวร์เข้ากรุงเทพนะค่ะ มีคนมาคุยด้วยแล้วเล่าให้ท่านฟังระหว่างทางว่ามีหนี้สินทุกข์ทรมานท่านจ่ายให้หมดเลยคือแบบเราสามคนแม่ลูกไม่เหลือติดตัวเลยค่ะ   แกอยู่บ้านแกก็ทำธุรกิจเล็กๆเหมือนกันนะค่ะ  ท่านขายของชำทั่วไปเหมือนร้านค้าตามบ้านนอกนะค่ะ ชาวบ้านทุกท่านที่มาซื้อกับแม่ของดิฉันเค้าไม่มีเงินอยู่แล้วค่ะ คือมาบอกว่าหนูไม่มีเงินนะพี่แม่ดิฉันก็อย่างที่รู้ๆกันนะค่ะ ท่านก็บอกไปถ้าไม่มีพี่ให้เอาไปเหอะ  แต่การให้ของท่านไม่มีใครพอและท่านไม่ใช่คนดีในสายตาของใครแถวนั้นอยู่แล้ว เพราะดิฉันไม่เคยเห็นใครมาขอบคุณหรือให้เกีรยติแม่ของดิฉันเลยสักครั้ง  แม้แต่คุณน้าหญิงชาวบ้านท่านนั้นที่แม่ดิฉันให้ข้าวอาหารฟรีบ่อยๆเธอก็ขอแม่มาทำงานบ้านได้ทั้งเงินเดือนได้ทั้งอาหารวันหนึ่งดิฉันได้ยินแม่พูดขึ้นว่าอ้าวน้ากขค. ทำอะไรทำแบบนี้ไม่ได้นะ แม่บอกเค้าอีกว่าถ้าไม่มีเงินให้ขอพี่อย่าหยิบเองมันไม่ดีรู้ไหม?  555 ท่านสอนแบบเสียงนิ่งๆเรียบๆ ฟังดูไม่เหมือนว่าท่านเป็นโรคทางจิตเลยใช่ไหมค่ะ?  ขนาดดิฉันเป็นคนเล่าชีวิตจริงของดิฉันเองยังเหมือนว่านิยายเลยค่ะ ครั้งสุดท้ายแม่เอาบ้านไปจำนองแล้วพาดิฉันไปกรุงเทพอีกคราวนี้ไปเจอบ้านคนที่เคยรู้จักค่ะ ครอบครัวนี้ท่านมีพระคุณค่ะตัดสินใจส่งจดหมายไปถึงสถานฑูตเพื่อให้สถานฑูตติดต่อพ่อเพื่อจะได้บอกพ่อถึงปัญหาทุกอย่างค่ะ 1.คือ บ้านใกล้โดนยึดแล้วค่ะ. 2. ภรรยาของคุณป่วยทางจิตค่ะ พ่อของดิฉันกลับมาแก้ปัญหาทุกอย่างไปค่ะ แต่หลังจากนั้นไปดิฉันก็สูนเสียครอบครัวอันเป็นที่รักของดิฉันไปค่ะ คือพ่อพาแม่ไปอยู่ต่างประเทศด้วยค่ะ ส่วนดิฉันกับน้องก็อยู่กับตายายไป เหตุที่ดิฉันเล่าว่าดิฉันสูนเสียครอบครัวอันเป็นที่รักไปเพราะด้วยสาเหตุหลายประการค่ะ ช่วงแรกๆที่ผ่านมาดิฉันไม่ค่อยเขียนเล่าเรื่องพ่อของดิฉันเพราะไม่มีอะไรที่ต้องเล่ามากจริงค่ะเจอท่านปีนึงหนึ่งหนพ่อคือพ่อที่หนูรักและคิดถึงรอพ่อมาตลอดทั้งปีวันที่พ่อมาหาหนูเป็นวันที่หนูมีความสุขยิ่งนัก มีพ่อแม่ลูกๆอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเป็นสิ่งเดียวที่ดิฉันต้องการและโหยหาค่ะ ดิฉันอยากมีครอบครัวเหมือนเด็กคนอื่นๆค่ะในตอนนั้น พ่อดิฉันท่านพูดไทยได้ค่ะ ลืมบอกไปตั้งแต่แรกว่าดิฉันพูดเป็นภาษาเดียวค่ะ คือภาษาไทยค่ะ ดิฉันคุยกับพ่อเป็นภาษาไทยค่ะ พ่อดิฉันกลับมาเมืองไทยคลาวนี้เปลี่ยนไปค่ะ เมื่อก่อนท่านไม่เคยตีหรือดุอะไรดีฉันเลย แต่คลาวนี้ท่านทุบตีกระชากหัวดิฉันแม่และน้องอย่างน่าอนาดใจเลยทีเดียวค่ะ เราทุกคนกลัวท่านจนตัวสันไปหมดเรื่องทุบตีเราจะโดนกันทุกวันค่ะ ห้ามทำอะไรผิดแม้แต่นิดเดียวเช่น ท่านบอกให้เก็บขี้บุหรี่แล้วเรามองไม่เห็นเร็วเดี๋ยวนั้นดิฉันก็โดนเข้าซี่โครงจุกเลยค่ะ พ่อดิฉันท่านเข้าใจผิดกลายเป็นว่าท่านไม่ชอบญาติฝ่ายแม่เพราะคิดว่าทำไมไม่ดูแล สรุปง่ายๆว่าเป็นการไม่เข้าใจกันและคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะต่างภาษาวัฒนธรรมความรู้สึกนึกคิดไปต่างๆนาๆค่ะ ฝ่ายญาติทางแม่ก็ไม่ชอบพ่อแล้วมาตบตีลูกหลานอยากกับทาสคนไทยเราไม่เคยเห็นค่ะ ก่อนขึ้นมัธยมพ่อพาแม่กลับมาอยู่เมืองไทยค่ะ คือต้องบอกก่อนเลยว่าหลังจากนั้นดิฉันไปร.ร.แล้วไม่อยากกลับบ้านเลยค่ะ  ต่อมาดิฉันเข้ามัธยมค่ะพ่อสั่งให้ไปเอาเงินกับยายคือพูดหมายถึงดอกเบี้ยว่าเงินนั้นเป็นของพ่อทุกเดือนท่านส่งมาเป็นค่าเลี้ยงดูดิฉันกับน้องแต่เราเด็กไทยคือไม่เข้าใจพ่อคิดอย่างนี้มีด้วยเหรอ ระหว่างที่จะเดินไปหายายเลยต้องคิดหาวิธีที่ชั่วร้ายของดิฉันเพื่อเอาตัวรอดไว้ก่อนเพราะ 1.ถ้าไม่ได้เงินคืออาจไม่ได้เรียน 2.ถ้าพูดแบบนี้ยายคงไม่ให้แน่(คิดเอาเอง)3.กลัวพ่อดุอารมณ์เสียแล้วโดนทุบตีแน่4.กลัวเค้าทะเลาะกันจิตใจมันสันมันกลัวไปหมด ไปบอกยายว่าพ่อขอยืมเงินไปจ่ายค่าเทอมหน่อย ผ่านไปไม่นานเค้าก็ทะเลาะกันจริงๆเพราะดิฉันคนเลวเองค่ะ แบบว่าตัดญาติขาดมิตรกันเลยค่ะ ขอเล่าเรื่องชีวิตในมัธยมนิดนึงค่ะว่า จากนางทาสสมัยประถมกลายเป็นดาวเด่นในมัธยมค่ะ แต่ก็เด่นอยู่ไม่นานหลอกค่ะเพราะเพื่อนประถมร.ร.เก่าเค้าก็รู้ว่าไม่ใช่ดาวเด่นผู้ดีมาจากไหนที่ไหนได้ก็อีเด็กฝรั่งขี้นกนั้นเองค่ะ แถมโง่เรียนไม่เก่งทำตัวไม่เรียบร้อยอีกสุดที่แล้วธาตุแท้ของฝรั่งขี้นกอย่างดิฉันก็ออกมาค่ะ เรียนมัธยมไม่เข้าใจเหมือนเดิมแต่ชอบวิชาภาษาอังกฤษค่ะ (คิดเอาเองว่าเราเก่งค่ะ). การบ้านทำทุกวันค่ะแต่แค่ทำโจทย์ไว้แล้วเดี๋ยวค่อยไปขอลอกเพื่อนเอาค่ะ ไม่ใช่ว่าเกเรนะค่ะแต่เพราะกลัวพ่อตบหัวเอาค่ะถ้าไม่รู้เรื่องอะไรท่านสอนแล้วไม่ได้อย่าใจกลายเป็นวอลเลย์แน่ๆค่ะ  หวังว่าคงไม่เน่าจนน่าเบื่อนะค่ะ เรื่องยังไม่จบง่ายๆแค่นี้แน่ค่ะ แล้วจะมาเล่าว่าฝรั่งขี้นกอย่างดิฉันนั้นจะเจออะไรอีกที่เล่ามาทั้งหมดนี่คือความจริงและแค่แบะๆนะค่ะ จะเริ่มค่อยๆหนัก ไปเรื่อยๆตามอายุของดิฉันค่ะ ดิฉันหวังว่าจะมีสักท่านแวะเข้ามาอ่านเรื่องของฝรั่งขี้นกอย่างดิฉันนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่