วันที่ 7 พฤษภาคม ที่โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน (ยศเส) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าว ขยายการรักษาผู้ป่วยมะเร็งตับระยะสุดท้าย ด้วยตำรับเบญจอำมฤตย์ ว่า จากสถิติผู้ป่วยมะเร็งที่เข้ารับการรักษาที่รพ.การแพทย์แผนไทยฯ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2557 มีจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 3,147 คน แยกเป็นชาย 1,702 คน หญิง1,445 คน
โดยมีผู้ป่วยมะเร็งแบ่งตามกลุ่มโรคอาการได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม มะเร็งถุงน้ำดี และมะเร็งท่อน้ำดี โดยเฉพาะมะเร็งตับที่เข้ารับการรักษาด้วยตำรับเบญจอำมฤตย์ ประกอบด้วยสมุนไพรต่าง ๆคือ รงทอง มหาหิงค์ ยาดำ ตองแตก (ทนดี) พริกไทย ดีปลี ดีเกลือฝรั่ง มะกรูด และขิง โดยที่ผ่านมามีผู้ป่วยมะเร็งตับเข้ารับยาเบญจอำมฤตย์ 2,200 ราย
นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า จากการติดตามตลอด 3 เดือนที่ผู้ป่วยมารับยาเบญจอำมฤตย์พบว่ามากว่าร้อยละ 70 ของผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เช่น ระบบขับถ่าย อาการท้องอืด และการรับประทานอาหารดีขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ บางรายขนาดของมะเร็งเล็กลง บางรายก็เท่าเดิม ในอนาคต กรมฯ ตั้งเป้าว่าจะพัฒนายาจนทำให้มะเร็งกลายเป็นเพียงโรคเรื้อรังเท่านั้น
สำหรับผู้ที่มารับยาสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหา คือ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หากจะเดินทางจากต่างจังหวัดมารับยาถึงรพ.ที่กรุงเทพฯ ค่อนข้างลำบาก กรมฯจึงได้กระจายยาเบญจอำมฤตย์ไปยังโรงพยาบาลที่เข้าร่วมการพัฒนาศักยภาพระบบบริการการแพทย์แผนไทยเป็น 14 แห่งทั่วประเทศไทย ดังนี้ รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี, รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี, รพ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว, รพ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว, รพ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
รพ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ,รพ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร,รพ.เทิง จ.เชียงราย, รพ.สมเด็จพระยุพราชเด่นชัย จ.แพร่, รพ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี ,รพ.ท่าโรงช้าง จ.สุราษฎร์ธานี ,รพ.สมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ และรพ.การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน กรุงเทพฯ(รพ.ยศเส) ซึ่งจะเริ่มให้บริการพร้อมกันในวันที่ 1 มิถุนายน 2557
"ขณะนี้กำลังการผลิตยาทาง รพ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เป็นแหล่งผลิตสนับสนุนในเบื้องต้น และตามมาด้วย รพ.วังน้ำเย็น ซึ่งมีความพร้อมด้านการผลิตยาที่ผ่านมาตรฐานการผลิตขั้นต้น หรือจีเอ็มพี(GMP) และพร้อมดำเนินการผลิต ก็สามารถดำเนินการผลิตได้ในลำดับต่อไป ทั้งนี้ ขอย้ำว่าการรับผู้ป่วยมะเร็งจะเป็นระยะสุดท้าย และยังต้องรักษาควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันด้วย"
มติชน
http://bit.ly/เพจข่าวดี
กระจายยารักษามะเร็งตำรับ′เบญจอำมฤตย์′14โรงพยาบาลทั่วประเทศ
โดยมีผู้ป่วยมะเร็งแบ่งตามกลุ่มโรคอาการได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม มะเร็งถุงน้ำดี และมะเร็งท่อน้ำดี โดยเฉพาะมะเร็งตับที่เข้ารับการรักษาด้วยตำรับเบญจอำมฤตย์ ประกอบด้วยสมุนไพรต่าง ๆคือ รงทอง มหาหิงค์ ยาดำ ตองแตก (ทนดี) พริกไทย ดีปลี ดีเกลือฝรั่ง มะกรูด และขิง โดยที่ผ่านมามีผู้ป่วยมะเร็งตับเข้ารับยาเบญจอำมฤตย์ 2,200 ราย
นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า จากการติดตามตลอด 3 เดือนที่ผู้ป่วยมารับยาเบญจอำมฤตย์พบว่ามากว่าร้อยละ 70 ของผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เช่น ระบบขับถ่าย อาการท้องอืด และการรับประทานอาหารดีขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ บางรายขนาดของมะเร็งเล็กลง บางรายก็เท่าเดิม ในอนาคต กรมฯ ตั้งเป้าว่าจะพัฒนายาจนทำให้มะเร็งกลายเป็นเพียงโรคเรื้อรังเท่านั้น
สำหรับผู้ที่มารับยาสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหา คือ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หากจะเดินทางจากต่างจังหวัดมารับยาถึงรพ.ที่กรุงเทพฯ ค่อนข้างลำบาก กรมฯจึงได้กระจายยาเบญจอำมฤตย์ไปยังโรงพยาบาลที่เข้าร่วมการพัฒนาศักยภาพระบบบริการการแพทย์แผนไทยเป็น 14 แห่งทั่วประเทศไทย ดังนี้ รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี, รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี, รพ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว, รพ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว, รพ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
รพ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ,รพ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร,รพ.เทิง จ.เชียงราย, รพ.สมเด็จพระยุพราชเด่นชัย จ.แพร่, รพ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี ,รพ.ท่าโรงช้าง จ.สุราษฎร์ธานี ,รพ.สมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ และรพ.การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน กรุงเทพฯ(รพ.ยศเส) ซึ่งจะเริ่มให้บริการพร้อมกันในวันที่ 1 มิถุนายน 2557
"ขณะนี้กำลังการผลิตยาทาง รพ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เป็นแหล่งผลิตสนับสนุนในเบื้องต้น และตามมาด้วย รพ.วังน้ำเย็น ซึ่งมีความพร้อมด้านการผลิตยาที่ผ่านมาตรฐานการผลิตขั้นต้น หรือจีเอ็มพี(GMP) และพร้อมดำเนินการผลิต ก็สามารถดำเนินการผลิตได้ในลำดับต่อไป ทั้งนี้ ขอย้ำว่าการรับผู้ป่วยมะเร็งจะเป็นระยะสุดท้าย และยังต้องรักษาควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันด้วย"
มติชน
http://bit.ly/เพจข่าวดี