คนที่รายได้ต่ำๆ ก็มักจะซื้อรถยนต์ราคาแพงๆเกินตัวมาขับ(จริงๆแล้วต้องเรียกว่าซื้อมาจอดซะมากกว่า)
คนที่รายได้สูงๆ ก็มักจะซื้อรถยนต์ราคาแพงๆๆๆๆกว่ามาขับ เพื่อให้บอกว่าตัวเองรวยกว่าขึ้นไปอีก
กลุ่มคนที่ได้ประโยชน์จากกิเลสตรงนี้ หลักๆก็คงเป็น บ.ผลิตรถยนต์ กับแหล่งเงินกู้
บ. ผลิตรถยนต์ ก็เริ่มผลิตรถห่วย แต่ราคาแพงออกมาหลอกขายคนรายได้น้อย (ส่วนมากจะบอกว่าขับมันส์แบบสปอร์ต)
ส่วนอีโค่คาร์ก็แพงเวอร์ คนไทยได้รถอีโค่แต่ราคา suv

กาลเวลาผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลับเข้าที่ คนรายได้ต่ำๆก็ปล่อยให้รถที่ขับมันส์แบบสปอร์ตโดนยึด
ส่วนคนรายได้สูงๆบางคนก็กลับมาขับรถที่ราคาไม่สูงนัก
บ.ผลิตรถยนต์ก็เริ่มตบยุง แหล่งเงินกู้ก็มีงานเพิ่มขึ้น(ทวง ยึด ขาย ฟ้อง)
โชว์รูมก็เริ่มแข่งกันขายรถ เพิ่มโปรโมชั่นหลอกลูกค้า
เต๊นท์รถมือสองก็เริ่มตบยุง เพราะขายไม่ออก

ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ก็เพราะว่า มันเป็นสังคมแห่งวัตถุ หรือที่เรียกว่าวัตถุนิยม
คือไม่มีใครรู้หรอกว่า คุณมีเงินเก็บในบัญชีเท่าไร มีหนี้เท่าไร
แต่สิ่งที่มองเห็นได้คือ คุณขับรถอะไร รวมถึงสิ่งฟุ่มเฟือยแบรนด์เนมทั้งหลายที่เอามาประดับประดาร่างกาย
คนต่างจังหวัดบางคนก็ยังใส่ทองเส้นเท่าข้อมือ (เพื่อ!!!!)
ดังนั้นหลายๆคนจึงยอมเป็นหนี้ เพื่อให้ตัวเองดูดีในสายตาคนอื่น(มโนไปเอง) แต่ลึกๆแล้วไม่มีความสุขเลย
รถยนต์ที่หลายๆคนคิดว่าเป็นเครื่องบอกฐานะ ก็กลายเป็นกับดักคนจน(บางคน)ไปโดยปริยาย
ส่วนคนรวยๆหรือคนที่รายได้สูงๆก็รอดตัวไป

ทั้งนี้ทั้งนั้น เพราะว่าส่วนมากคนไทยหลอกง่าย กิเลสหนา ยึดติดวัตถุนิยม
เขาผลิตโทรศัพท์มาหลอกขายเครื่องละ 2-3 หมื่น ก็ยังแห่ซื้อ
รถยนต์ห่วย ราคา 6-7 แสน ก็ซื้อมาจอด

เชิญด่าครับ