คำว่า ลึกลับ หมายถึง มันอยู่ไกล มองไม่เห็นหรือไม่สามารถสัมผัสได้ ซึ่งก็หมายถึงเรื่องลึกลับตามความเชื่อจากตำราหรือจากคนอื่นบอกมา เช่น นรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดทางร่างกาย เป็นต้น ซึ่งเป็นคำสอนระดับศีลธรรม
คำว่า ลึกซึ้ง หมายถึง เราสามารถสัมผัสได้จริงๆในปัจจุบัน แต่ว่ามันลึกซึ้ง คือต้องใช้การคิดพิจารณาด้วยความตั้งใจอย่างมาก จึงจะเข้าใจ รวมทั้งต้องตั้งใจเพ่งดูจากจิตของเราเองจริงๆ จึงจะเห็นแจ้ง ซึ่งเป็นคำสอนระดับปรมัตถธรรม (ระดับสูง-เรื่องการดับทุกข์) อย่างเช่น เมื่อทำผิดหรือชั่วไว้มาก จิตก็เร่าร้อน (ตกนรก) เมื่อทำความดีไว้มาก จิตก็จะอิ่มเอม (สวรรค์) หรือเมื่อยึดถือว่ามีตัวเรา-ของเรา จิตมันก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมาทันที เมื่อไม่ยึดถือว่ามีตัวเรา-ของเรา จิตมันก็จะนิพพาน (สงบเย็น) เป็นต้น
ธรรมะระดับสูงของพระพุทธเจ้า ควรเป็นเรื่อง ลึกลับ หรือ ลึกซึ้ง?
ถ้าเป็นเรื่องลึกลับ ก็ยังจัดว่าเป็นคำสอนธรรมดาๆที่ศาสนาไหนๆเขาก็สอนกันอยู่แล้ว เพราะสอนให้เชื่อในสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ซึ่งเป็นหลักของไสยศาสตร์
ถ้าเป็นเรื่องลึกซึ้ง จึงจะจัดว่าเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า เพราะสอนเรื่องที่เราทุกคนสามารถสัมผัสได้และปฏิบัติได้จริงในปัจจุบัน รวมทั้งยังเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ (คือดับทุกข์ได้จริง) อีกด้วย ซึ่งนี่คือหลักวิทยาศาสตร์
ลึกลับ กับ ลึกซึ้ง
คำว่า ลึกซึ้ง หมายถึง เราสามารถสัมผัสได้จริงๆในปัจจุบัน แต่ว่ามันลึกซึ้ง คือต้องใช้การคิดพิจารณาด้วยความตั้งใจอย่างมาก จึงจะเข้าใจ รวมทั้งต้องตั้งใจเพ่งดูจากจิตของเราเองจริงๆ จึงจะเห็นแจ้ง ซึ่งเป็นคำสอนระดับปรมัตถธรรม (ระดับสูง-เรื่องการดับทุกข์) อย่างเช่น เมื่อทำผิดหรือชั่วไว้มาก จิตก็เร่าร้อน (ตกนรก) เมื่อทำความดีไว้มาก จิตก็จะอิ่มเอม (สวรรค์) หรือเมื่อยึดถือว่ามีตัวเรา-ของเรา จิตมันก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมาทันที เมื่อไม่ยึดถือว่ามีตัวเรา-ของเรา จิตมันก็จะนิพพาน (สงบเย็น) เป็นต้น
ธรรมะระดับสูงของพระพุทธเจ้า ควรเป็นเรื่อง ลึกลับ หรือ ลึกซึ้ง?
ถ้าเป็นเรื่องลึกลับ ก็ยังจัดว่าเป็นคำสอนธรรมดาๆที่ศาสนาไหนๆเขาก็สอนกันอยู่แล้ว เพราะสอนให้เชื่อในสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ซึ่งเป็นหลักของไสยศาสตร์
ถ้าเป็นเรื่องลึกซึ้ง จึงจะจัดว่าเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า เพราะสอนเรื่องที่เราทุกคนสามารถสัมผัสได้และปฏิบัติได้จริงในปัจจุบัน รวมทั้งยังเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ (คือดับทุกข์ได้จริง) อีกด้วย ซึ่งนี่คือหลักวิทยาศาสตร์