บทความโดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
คนที่จะเข้ามาลงทุนหรือซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้น ผมคิดว่าควรที่จะต้องทำความเข้าใจตั้งแต่แรกว่า กิจกรรมการลงทุนหรือเล่นหุ้นนั้นมีโอกาสที่จะทำให้คุณ “ติด” ได้ เพราะธรรมชาติของมันนั้นมีลักษณะของการ “เสพติด” และถ้าคุณไม่รู้ตัว ทำกิจกรรมนี้อย่างไม่ถูกต้อง คุณอาจจะประสบกับหายนะได้
คำว่าเสพติดในความหมายของผมนั้น ไม่ใช่เฉพาะยาหรือสิ่งเสพติดที่เรานำเข้าสู่ร่างกายและทำให้ร่างกายต้องการอยู่เสมอเท่านั้น แต่มันรวมถึงกิจกรรมที่ทำให้สมองหรือจิตใจของเรามีความสุขและเรียกร้องที่จะต้องทำอยู่เสมอ
การติดอะไรบางอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ว่าที่จริง ผมคิดว่าคนทุกคนจะต้องติดหรือเสพอะไรบางอย่างที่ทำให้ติดและมักจะต้องทำอยู่เสมอ ผมเองเคยติดอะไรมานับไม่ถ้วน ช่วงหนึ่งเคยบ้าเล่นหมากรุกก็เล่นทั้งวันไม่กินข้าวปลาอาหารตามเวลา ระยะนี้ก็บ้าดื่มชาเขียววันละ 2 ขวดจนต้องชงดื่มเอง และที่ต้องทำติดต่อกันมานานนับสิบปีก็คือการจ็อกกิ้งซึ่งต้องเรียกว่าติด เพราะถ้าไม่ทำจะรู้สึกหงุดหงิด เขาบอกว่าการออกกำลังกายทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดฟินซึ่งเป็นฝิ่นธรรมชาติที่ทำให้เราติด แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย กลับดีด้วยซ้ำไป
กิจกรรมที่ผมคิดว่าทำให้คนติดได้มากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือการพนันซึ่ง แน่นอน รวมไปถึงหวยและล็อตเตอรี่ซึ่งคนจำนวนเป็นล้าน ๆ ทั่วประเทศติดกันงอมแงม วันออกล็อตเตอรี่กิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะตามสถานที่ทำงานที่มีคนติดหวยมาก ๆ แทบจะสะดุดหยุดลงเพื่อรอฟังผลการออกสลาก แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดมักเกิดกับ “สิงห์การพนัน” ที่ติดการพนันขนาดที่ต้องเล่นเป็นประจำจนขาดทุนหมดตัวเป็นหนี้สินมากมาย
ผมคิดว่าการพนันทำให้คนติดเพราะการชนะพนันทำให้เรามีความสุขและสมองคงบันทึกความรู้สึกนี้ไว้ค่อนข้างแน่นหนา ในขณะที่การแพ้พนันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่รื่นรมย์ซึ่งจิตใจของเราไม่อยากรับรู้ ดังนั้นเรามักจะลืมได้ง่าย ยิ่งเราพนันบ่อย จิตใจก็คงได้รับความสุขจากการชนะพนันมากขึ้นเท่านั้น ขณะที่การพ่ายแพ้แม้จะเกิดขึ้นเท่ากับหรือมากกว่า แต่จิตใจไม่อยากรับรู้ดังนั้น อาการ “ติด” ก็เกิดขึ้น เราติดเพราะเราหวังจะได้กำไร เราหวังที่จะชนะในการพนัน พูดง่าย ๆ เราโลภ
หุ้นนั้น แน่นอน มีลักษณะของการพนัน แต่เป็นการพนันที่ต้องใช้ฝีมือ ความรู้ ความสามารถ บางคนบอกว่าต้องสามารถใช้ศาสตร์ระดับนักวิทยาศาสตร์ทางด้านจรวด คนจำนวนมากเชื่อว่าต้องรู้เศรษฐศาสตร์มหภาคและการเงินระดับโลก แต่หลาย ๆ คนเชื่อว่าต้องรู้จิตวิทยามวลชนผสมผสานกับเส้นกราฟทางเทคนิคต่าง ๆ ในขณะที่อีกหลาย ๆ คนอาศัยแต่ข่าว ทั้งข่าววงใน และข่าวการเล่นของขาใหญ่ ไม่ว่าจะใช้อะไรเป็นเครื่องมือ ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อที่จะเอาชนะในการซื้อขายหุ้น
การเข้าตลาดหุ้นที่ทำให้ “ติด” ง่ายที่สุดก็คือ การเล่นหุ้นที่มีลักษณะของการพนันมากที่สุด นั่นก็คือการซื้อขายหุ้นแบบ Trader คือการลงทุนที่หวังกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่ขึ้นลงผันผวนในระยะสั้น และหุ้นที่จะทำให้คนติดมากที่สุดก็คือหุ้นที่มีคุณสมบัติสำคัญก็คือ ต้องเป็นหุ้นที่มีราคาขึ้นลงแตกต่างกันสูงมากในระยะเวลาอันสั้นซึ่งจะทำให้เกิดส่วนต่างของกำไรสูงมาก และต้องเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงมาก สามารถซื้อหรือขายในราคาที่เห็นได้ตลอดเวลา ซึ่งหุ้นที่เข้าข่ายตามคุณสมบัติดังกล่าวก็คือหุ้นขนาดใหญ่ที่กำลังมีข่าวดีมาก ๆ และหุ้นขนาดเล็กที่มีคุณภาพของผลการดำเนินงานต่ำ แต่มี “อนาคต” ทั้งที่เป็นจริงหรือถูก “สร้างภาพ” ขึ้นดีมาก แต่ที่สำคัญขาดไม่ได้ก็คือ มี “เจ้ามือ” ที่จะต้องเป็นผู้ซื้อขายนำ “ทำตลาด”
การ “เสพ” หุ้นที่มีการเก็งกำไรสูง เป็นเรื่องที่อันตราย เพราะถ้าเราทำบ่อย ๆ ในที่สุดเราก็จะติดและเข้าร่วมในกิจกรรมเก็งกำไรทุกครั้งที่เกิดขึ้น และในที่สุดเราก็จะพบว่าเงินในกระเป๋าของเราน้อยลงไปเรื่อย ๆ ตรงกันข้าม ถ้าเรา “เสพ” หุ้นแบบ Value ลงทุนระยะยาวในหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดี มีราคาต่ำกว่าพื้นฐาน และ “พนัน” ว่า กิจการจะมีผลการดำเนินงานดีขึ้น จ่ายปันผลมากขึ้นเรื่อย ๆ เราก็จะได้กำไรในระยะยาว เงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การที่เราจะ “ติด” หุ้นแบบนี้ก็จะไม่ส่งผลเสียหาย แต่จะสร้างความสุขที่ยั่งยืนเหมือนกับที่เราติดการออกกำลังกายอย่างไรอย่างนั้น และถ้ามีช่วงไหนที่หุ้นเก็งกำไรเย้ายวนใจมาก ๆ สิ่งที่เราจะต้องทำในกรณีนี้ก็คือ Just Say No
ปล. ทำยังงัยดีตอนนี้ ติดทั้งหุ้น ติดทั้งเฟสบุ๊ค ดีอย่างเดียวไม่ติดดอย 555
สิ่งเสพติดที่เรียกว่าหุ้น
คนที่จะเข้ามาลงทุนหรือซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้น ผมคิดว่าควรที่จะต้องทำความเข้าใจตั้งแต่แรกว่า กิจกรรมการลงทุนหรือเล่นหุ้นนั้นมีโอกาสที่จะทำให้คุณ “ติด” ได้ เพราะธรรมชาติของมันนั้นมีลักษณะของการ “เสพติด” และถ้าคุณไม่รู้ตัว ทำกิจกรรมนี้อย่างไม่ถูกต้อง คุณอาจจะประสบกับหายนะได้
คำว่าเสพติดในความหมายของผมนั้น ไม่ใช่เฉพาะยาหรือสิ่งเสพติดที่เรานำเข้าสู่ร่างกายและทำให้ร่างกายต้องการอยู่เสมอเท่านั้น แต่มันรวมถึงกิจกรรมที่ทำให้สมองหรือจิตใจของเรามีความสุขและเรียกร้องที่จะต้องทำอยู่เสมอ
การติดอะไรบางอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ว่าที่จริง ผมคิดว่าคนทุกคนจะต้องติดหรือเสพอะไรบางอย่างที่ทำให้ติดและมักจะต้องทำอยู่เสมอ ผมเองเคยติดอะไรมานับไม่ถ้วน ช่วงหนึ่งเคยบ้าเล่นหมากรุกก็เล่นทั้งวันไม่กินข้าวปลาอาหารตามเวลา ระยะนี้ก็บ้าดื่มชาเขียววันละ 2 ขวดจนต้องชงดื่มเอง และที่ต้องทำติดต่อกันมานานนับสิบปีก็คือการจ็อกกิ้งซึ่งต้องเรียกว่าติด เพราะถ้าไม่ทำจะรู้สึกหงุดหงิด เขาบอกว่าการออกกำลังกายทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดฟินซึ่งเป็นฝิ่นธรรมชาติที่ทำให้เราติด แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย กลับดีด้วยซ้ำไป
กิจกรรมที่ผมคิดว่าทำให้คนติดได้มากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือการพนันซึ่ง แน่นอน รวมไปถึงหวยและล็อตเตอรี่ซึ่งคนจำนวนเป็นล้าน ๆ ทั่วประเทศติดกันงอมแงม วันออกล็อตเตอรี่กิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะตามสถานที่ทำงานที่มีคนติดหวยมาก ๆ แทบจะสะดุดหยุดลงเพื่อรอฟังผลการออกสลาก แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดมักเกิดกับ “สิงห์การพนัน” ที่ติดการพนันขนาดที่ต้องเล่นเป็นประจำจนขาดทุนหมดตัวเป็นหนี้สินมากมาย
ผมคิดว่าการพนันทำให้คนติดเพราะการชนะพนันทำให้เรามีความสุขและสมองคงบันทึกความรู้สึกนี้ไว้ค่อนข้างแน่นหนา ในขณะที่การแพ้พนันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่รื่นรมย์ซึ่งจิตใจของเราไม่อยากรับรู้ ดังนั้นเรามักจะลืมได้ง่าย ยิ่งเราพนันบ่อย จิตใจก็คงได้รับความสุขจากการชนะพนันมากขึ้นเท่านั้น ขณะที่การพ่ายแพ้แม้จะเกิดขึ้นเท่ากับหรือมากกว่า แต่จิตใจไม่อยากรับรู้ดังนั้น อาการ “ติด” ก็เกิดขึ้น เราติดเพราะเราหวังจะได้กำไร เราหวังที่จะชนะในการพนัน พูดง่าย ๆ เราโลภ
หุ้นนั้น แน่นอน มีลักษณะของการพนัน แต่เป็นการพนันที่ต้องใช้ฝีมือ ความรู้ ความสามารถ บางคนบอกว่าต้องสามารถใช้ศาสตร์ระดับนักวิทยาศาสตร์ทางด้านจรวด คนจำนวนมากเชื่อว่าต้องรู้เศรษฐศาสตร์มหภาคและการเงินระดับโลก แต่หลาย ๆ คนเชื่อว่าต้องรู้จิตวิทยามวลชนผสมผสานกับเส้นกราฟทางเทคนิคต่าง ๆ ในขณะที่อีกหลาย ๆ คนอาศัยแต่ข่าว ทั้งข่าววงใน และข่าวการเล่นของขาใหญ่ ไม่ว่าจะใช้อะไรเป็นเครื่องมือ ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อที่จะเอาชนะในการซื้อขายหุ้น
การเข้าตลาดหุ้นที่ทำให้ “ติด” ง่ายที่สุดก็คือ การเล่นหุ้นที่มีลักษณะของการพนันมากที่สุด นั่นก็คือการซื้อขายหุ้นแบบ Trader คือการลงทุนที่หวังกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่ขึ้นลงผันผวนในระยะสั้น และหุ้นที่จะทำให้คนติดมากที่สุดก็คือหุ้นที่มีคุณสมบัติสำคัญก็คือ ต้องเป็นหุ้นที่มีราคาขึ้นลงแตกต่างกันสูงมากในระยะเวลาอันสั้นซึ่งจะทำให้เกิดส่วนต่างของกำไรสูงมาก และต้องเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงมาก สามารถซื้อหรือขายในราคาที่เห็นได้ตลอดเวลา ซึ่งหุ้นที่เข้าข่ายตามคุณสมบัติดังกล่าวก็คือหุ้นขนาดใหญ่ที่กำลังมีข่าวดีมาก ๆ และหุ้นขนาดเล็กที่มีคุณภาพของผลการดำเนินงานต่ำ แต่มี “อนาคต” ทั้งที่เป็นจริงหรือถูก “สร้างภาพ” ขึ้นดีมาก แต่ที่สำคัญขาดไม่ได้ก็คือ มี “เจ้ามือ” ที่จะต้องเป็นผู้ซื้อขายนำ “ทำตลาด”
การ “เสพ” หุ้นที่มีการเก็งกำไรสูง เป็นเรื่องที่อันตราย เพราะถ้าเราทำบ่อย ๆ ในที่สุดเราก็จะติดและเข้าร่วมในกิจกรรมเก็งกำไรทุกครั้งที่เกิดขึ้น และในที่สุดเราก็จะพบว่าเงินในกระเป๋าของเราน้อยลงไปเรื่อย ๆ ตรงกันข้าม ถ้าเรา “เสพ” หุ้นแบบ Value ลงทุนระยะยาวในหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดี มีราคาต่ำกว่าพื้นฐาน และ “พนัน” ว่า กิจการจะมีผลการดำเนินงานดีขึ้น จ่ายปันผลมากขึ้นเรื่อย ๆ เราก็จะได้กำไรในระยะยาว เงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การที่เราจะ “ติด” หุ้นแบบนี้ก็จะไม่ส่งผลเสียหาย แต่จะสร้างความสุขที่ยั่งยืนเหมือนกับที่เราติดการออกกำลังกายอย่างไรอย่างนั้น และถ้ามีช่วงไหนที่หุ้นเก็งกำไรเย้ายวนใจมาก ๆ สิ่งที่เราจะต้องทำในกรณีนี้ก็คือ Just Say No
ปล. ทำยังงัยดีตอนนี้ ติดทั้งหุ้น ติดทั้งเฟสบุ๊ค ดีอย่างเดียวไม่ติดดอย 555