รีวิวนี้ทำเพื่อต้องการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ “เมดคาเฟ่” ให้ทุกคนรู้จักว่า มันเป็นวัฒนธรรม(subculture)ที่น่าสนใจมาก และแก้ทัศนคติที่เข้าใจผิดสำหรับคนไทยที่ยังไม่คุ้นเคย(หรือคิดไปเอง)กับวัฒนธรรมนี้
ด้วยความหลงใหลในรูปแบบวัฒนธรรมการบริการของร้านประเภทนี้ ทำให้ผมจัดทริปสุดโต่งนี้ขึ้น ใครว่าจะมีคนที่บินไปญี่ปุ่นเพื่อเข้าร้านเมด ผมนี่แหละ! การผจญภัย 6 วัน 12 ร้าน(มี 2 ร้านที่เข้า 2 รอบ+ไปถึงหน้าร้านแล้วไม่ได้เข้าอีก 2 รอบ)
ทำความเข้าใจกันก่อน ว่าคำว่า “ร้านเมด” ที่ผมพูดถึงคืออะไร เป็นยังไง สำหรับคนที่ไม่รู้จัก
เมดคาเฟ่ (Maid café)
เกิดขึ้นที่อากิฮาบาระช่วงปี 2002 เป็นร้านอาหารที่มีพนักงานสาวๆแต่งตัวชุดเมดฝรั่งเศสโดยสมมติว่าลูกค้าคือนายท่านเจ้านายและพนักงานเป็นเมดผู้รับใช้ คอยปรนบัติพูดคุย ปัจจุบันร้านประเภทนี้ได้มีการพัฒนามาจนเป็นร้านอาหารที่ให้ความบันเทิง มีการแสดง มีของสะสม พนักงานเมดมีฐานะคล้ายไอดอลที่มีผลงานให้ติดตามเช่น งานเพลง Blog ถ่ายแบบหรือคอสเพลย์ ร้านประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ในไม่กี่ปีได้เพิ่มจำนวนกว่า 30+ ร้านในอากิบะและมีการดัดแปลงรูปแบบไป นอกจากเมดแล้วยังมีนักเรียนม.ปลาย แม่มด น้องสาว แอนดรอยด์ สาวออฟฟิศ หรือปีศาจสาวแตกต่างไปตามเอกลักษณ์แต่ละร้าน แต่บริการหลักๆยังคล้ายๆกัน คือการมีสาวๆคุยเป็นเพื่อนและให้ความบันเทิง
(ผมขอเรียกรวมเป็น ร้านเมด เพื่อความง่ายในการสื่อสาร)
นอกจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว วัฒนธรรมนี้ได้กระจายตัวไปหลายประเทศแล้วเช่น อังกฤษ อเมริกา จีน สิงค์โปร ฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม ไทย ฯลฯ
ปัจจุบันในประเทศไทยมีร้านเมดคาเฟ่เปิดอยู่ 1 สาขา ร้าน Maidreamin ที่เกตเวย์ เอกมัยครับ ซึ่งเป็นเฟรนไชน์จากญี่ปุ่นมาเปิดเอง (เคยมีมากกว่านี้แต่ปิดตัวไปหมดแล้ว)
ตัวอย่างบรรยากาศจริงในร้านเมดจากรายการ Kimochii
ร้านเมดไม่ใช่ว่าจะเป็นร้านสำหรับผู้ชายเท่านั้นครับ ผู้หญิงก็เข้าได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์ของร้าน ถ้ามีคำว่า Cafe ในชื่อร้าน มักจะเป็นร้านอาหารครอบครัวที่เด็กก็เข้าได้ ถ้ามีคำว่า Bar ก็จะเป็นร้านนั่งดื่มเหล้า บางร้านผสมกัน ตอนกลางวันเป็น cafe แล้วหลัง 1 ทุ่มเป็น Bar ก็แล้วแต่ร้านไป
สิ่งเดียวที่ทำให้ร้านประเภทนี้ไม่ถูกรวมเป็นพวกเดียวกับร้านพวกนั่งดริ้งก์หรือร้านไนต์คลับคือ การไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องเซ็กซ์ และความเป็นแฟนตาซี
ร้านเมดทุกร้านจะมี “กฎเหล็ก” อยู่เหมือนกัน คือ ห้ามสัมผัสตัวเมด การละเมิดกฎนี้จะทำให้ลูกค้านั้นถูกเชิญออกจากร้าน นอกจากนี้เมดส่วนใหญ่จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนของตัวเองและไม่รับของขวัญเป็นการส่วนตัวด้วย (เป็นกฏพนักงานด้วย)
ถ้ามีคำถามว่า แล้วแบบนี้มันจะคุ้มเหรอ ไปร้านที่เราได้ถึงเนื้อถึงตัวสาวๆ ได้นัว ได้ออฟไปข้างนอกไม่ดีกว่าเหรอ ผมขอตอบว่า “ก็เชิญไปร้านพวกนั้นสิครับ” ถ้าได้ลองสัมผัสจะรู้ว่า มันคนละแนวกันจริงๆ
**Review ขอเน้นไปที่การรีวิวร้านเมดและส่วนที่เกี่ยวกับเมดเป็นหลักนะครับ ส่วนอื่นๆ ก็ไม่ได้ต่างจากรีวิวของคนอื่นๆเพราะก็ไปเมืองเดียวกันนั่นแหละ**
เนื่องจากผมไปคนเดียว และไม่ใช่คนชอบถ่ายรูปมากนัก และร้านเมดเขาจะไม่ให้ถ่ายรูปภายในนอกจากอาหารครับ จึงจะไม่ค่อยมีรูปนะครับ บางรูปจะเอามาจากเวปไซต์บ้าง เพื่อให้เห็นภาพ
ผมได้เปิดเพจรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเมดคาเฟ่ไว้ ใครสนใจเข้าไปเยี่ยมชมได้ครับ
https://www.facebook.com/maidcafeforever
(ผมจะขอเล่าเป็นเชิงไดอารี่นะครับ...)
Mission Start!!
[CR] [เที่ยวหมดตัว ทัวร์ร้านเมดคาเฟ่]:โตเกียว 6 วัน 12 ร้านเมด + สกีที่ GALA Yuzawa + NIKKO
ด้วยความหลงใหลในรูปแบบวัฒนธรรมการบริการของร้านประเภทนี้ ทำให้ผมจัดทริปสุดโต่งนี้ขึ้น ใครว่าจะมีคนที่บินไปญี่ปุ่นเพื่อเข้าร้านเมด ผมนี่แหละ! การผจญภัย 6 วัน 12 ร้าน(มี 2 ร้านที่เข้า 2 รอบ+ไปถึงหน้าร้านแล้วไม่ได้เข้าอีก 2 รอบ)
ทำความเข้าใจกันก่อน ว่าคำว่า “ร้านเมด” ที่ผมพูดถึงคืออะไร เป็นยังไง สำหรับคนที่ไม่รู้จัก
เมดคาเฟ่ (Maid café)
เกิดขึ้นที่อากิฮาบาระช่วงปี 2002 เป็นร้านอาหารที่มีพนักงานสาวๆแต่งตัวชุดเมดฝรั่งเศสโดยสมมติว่าลูกค้าคือนายท่านเจ้านายและพนักงานเป็นเมดผู้รับใช้ คอยปรนบัติพูดคุย ปัจจุบันร้านประเภทนี้ได้มีการพัฒนามาจนเป็นร้านอาหารที่ให้ความบันเทิง มีการแสดง มีของสะสม พนักงานเมดมีฐานะคล้ายไอดอลที่มีผลงานให้ติดตามเช่น งานเพลง Blog ถ่ายแบบหรือคอสเพลย์ ร้านประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ในไม่กี่ปีได้เพิ่มจำนวนกว่า 30+ ร้านในอากิบะและมีการดัดแปลงรูปแบบไป นอกจากเมดแล้วยังมีนักเรียนม.ปลาย แม่มด น้องสาว แอนดรอยด์ สาวออฟฟิศ หรือปีศาจสาวแตกต่างไปตามเอกลักษณ์แต่ละร้าน แต่บริการหลักๆยังคล้ายๆกัน คือการมีสาวๆคุยเป็นเพื่อนและให้ความบันเทิง
(ผมขอเรียกรวมเป็น ร้านเมด เพื่อความง่ายในการสื่อสาร)
นอกจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว วัฒนธรรมนี้ได้กระจายตัวไปหลายประเทศแล้วเช่น อังกฤษ อเมริกา จีน สิงค์โปร ฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม ไทย ฯลฯ
ปัจจุบันในประเทศไทยมีร้านเมดคาเฟ่เปิดอยู่ 1 สาขา ร้าน Maidreamin ที่เกตเวย์ เอกมัยครับ ซึ่งเป็นเฟรนไชน์จากญี่ปุ่นมาเปิดเอง (เคยมีมากกว่านี้แต่ปิดตัวไปหมดแล้ว)
ตัวอย่างบรรยากาศจริงในร้านเมดจากรายการ Kimochii
ร้านเมดไม่ใช่ว่าจะเป็นร้านสำหรับผู้ชายเท่านั้นครับ ผู้หญิงก็เข้าได้ ขึ้นอยู่กับสไตล์ของร้าน ถ้ามีคำว่า Cafe ในชื่อร้าน มักจะเป็นร้านอาหารครอบครัวที่เด็กก็เข้าได้ ถ้ามีคำว่า Bar ก็จะเป็นร้านนั่งดื่มเหล้า บางร้านผสมกัน ตอนกลางวันเป็น cafe แล้วหลัง 1 ทุ่มเป็น Bar ก็แล้วแต่ร้านไป
สิ่งเดียวที่ทำให้ร้านประเภทนี้ไม่ถูกรวมเป็นพวกเดียวกับร้านพวกนั่งดริ้งก์หรือร้านไนต์คลับคือ การไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องเซ็กซ์ และความเป็นแฟนตาซี
ร้านเมดทุกร้านจะมี “กฎเหล็ก” อยู่เหมือนกัน คือ ห้ามสัมผัสตัวเมด การละเมิดกฎนี้จะทำให้ลูกค้านั้นถูกเชิญออกจากร้าน นอกจากนี้เมดส่วนใหญ่จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนของตัวเองและไม่รับของขวัญเป็นการส่วนตัวด้วย (เป็นกฏพนักงานด้วย)
ถ้ามีคำถามว่า แล้วแบบนี้มันจะคุ้มเหรอ ไปร้านที่เราได้ถึงเนื้อถึงตัวสาวๆ ได้นัว ได้ออฟไปข้างนอกไม่ดีกว่าเหรอ ผมขอตอบว่า “ก็เชิญไปร้านพวกนั้นสิครับ” ถ้าได้ลองสัมผัสจะรู้ว่า มันคนละแนวกันจริงๆ
**Review ขอเน้นไปที่การรีวิวร้านเมดและส่วนที่เกี่ยวกับเมดเป็นหลักนะครับ ส่วนอื่นๆ ก็ไม่ได้ต่างจากรีวิวของคนอื่นๆเพราะก็ไปเมืองเดียวกันนั่นแหละ**
เนื่องจากผมไปคนเดียว และไม่ใช่คนชอบถ่ายรูปมากนัก และร้านเมดเขาจะไม่ให้ถ่ายรูปภายในนอกจากอาหารครับ จึงจะไม่ค่อยมีรูปนะครับ บางรูปจะเอามาจากเวปไซต์บ้าง เพื่อให้เห็นภาพ
ผมได้เปิดเพจรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเมดคาเฟ่ไว้ ใครสนใจเข้าไปเยี่ยมชมได้ครับ
https://www.facebook.com/maidcafeforever
(ผมจะขอเล่าเป็นเชิงไดอารี่นะครับ...)
Mission Start!!