บทความนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิรูปกฎหมายอิมมิเกรชั่นของรัฐบาลโอบาม่าในปี 2014 ทางเรานำเรื่องนี้มาลงอีกครั้งเพราะว่ามีหลายๆท่านให้ความสนใจกับข่าวนี้  ในช่วงนี้อาจจะมีข่าวลือว่ามีกฎหมายออกมาใหม่ให้ผู้ที่อยู่เกินกำหนดยื่นขอใบเขียวได้ซึ่งยังไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ณ ตอนนี้ทุกท่านต้องทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อนว่ายังไม่มีกฎหมายอิมมิเกรชั่นออกมาใหม่ และยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าข้อเสนอสำหรับผู้ที่อยู่เกินกำหนดดังกล่าวจะผ่านออกมาเป็นกฎหมายหรือไม่ และถ้าผ่านจะออกมาในรูปแบบใด จะเป็นผลดีหรือผลเสียกับใคร การอนุญาตให้ผู้ที่อยู่เกินกำหนดยื่นขอใบเขียวในขณะนี้เป็นเพียงข้อเสนอที่ยังต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา มีการยื่นข้อเสนอเพื่อปฏิรูปกฎหมายอิมมิเกรชั่นมาเป็นระยะเวลานานแล้วแต่ยังไม่เป็นผลสำเร็จเนื่องจากมีความขัดแย้งในรัฐสภาโดยเฉพาะเรื่องการอนุญาตให้ผู้ที่อยู่เกินกำหนดขอใบเขียว บางฝ่ายเห็นว่าการปฏิรูปกฎหมายอิมมิเกรชั่นโดยให้ผู้ที่อยู่เกินกำหนดมีโอกาสได้อยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างถูกต้องจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอยและเป็นการสนับสนุนให้คนลักลอบเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฏหมายมากขึ้น ในทางตรงกันข้ามบางฝ่ายเห็นว่าการให้โอกาสกับผู้ที่อยู่เกินกำหนดจะเป็นการสนับสนุนให้คนเหล่านี้กล้าออกมาแสดงตัวและไม่ต้องอาศัยอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ เสียภาษี ค่าปรับและยื่นขอใบเขียวหลังจากผ่านการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด  

หลายท่านมองว่าระบบกฎหมายอิมมิเกรชั่นในสหรัฐอเมริกาถึงจุดที่ต้องการการปรับปรุงอย่างเร่งด่วนเพราะในขณะนี้มีคนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายประมาณ 11 ล้านคน และมีนายจ้างมากมายที่ยอมจ้างแรงงานที่ไม่ถูกกฎหมายเหล่านี้เพื่อประหยัดต้นทุนในการทำธุรกิจ ข้อเสนอของรัฐบาลโอบาม่าในการปฏิรูปกฏหมายอิมมิเกรชั่นในปี 2014 จึงประกอบไปด้วยนโยบายหลักๆ 4 ประการ คือ 1) การเพิ่มมาตรการบริเวณชายแดนประเทศให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อลดปัญหาคนลักลอบเข้ามาในประเทศและเป็นการลดปัญหาด้านอาชญากรรมอีกด้วย 2) ตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายกับนายจ้างที่จ้างแรงงานที่อยู่โดยไม่ถูกต้อง 3) เปิดทางให้ผู้ที่อยู่เกินกำหนดมีโอกาสได้ยื่นขอใบเขียวและสัญชาติอเมริกัน โดยบุคคลเหล่านี้ต้องผ่านการตรวจสอบที่รัฐกำหนดไว้หลายขั้นตอนก่อนที่จะยื่นขอใบเขียวได้ และจะต้องเสียภาษี ค่าปรับ และต้องเรียนภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ดีการยื่นขอใบเขียวและสัญชาติอเมริกันตามข้อเสนอของรัฐบาลโอบาม่านี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะนอกจากจะต้องผ่านขั้นตอนมากมายดังที่กล่าวไปแล้ว บุคคลเหล่านี้ยังต้องรอคิว โดยจะพิจารณาเรื่องของบุคคลประเภทนี้ก็ต่อเมื่อได้พิจารณาเรื่องของคนที่อยู่ในระบบของอิมมิเกรชั่นแล้ว ณ วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ เพราะว่าต้องการให้สิทธิแก่ผู้ที่ไม่เคยละเมิดกฎหมายอิมมิเกรชั่นก่อน ดังนั้น รัฐบาลจะเริ่มพิจารณาเรื่องของผู้ที่อยู่เกินกำหนดเมื่อไหร่นั้นก็ยังไม่แน่ชัด หลักเกณฑ์นี้จะบังคับใช้กับผู้ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐอเมริกาขณะเป็นผู้เยาว์กับพ่อแม่ตนเองอีกด้วย โดยสามารถยื่นขอใบเขียวได้ถ้ามีคุณสมบัติตรงตามที่รัฐกำหนด แต่ต้องผ่านการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดเช่นเดียวกัน และ 4) นโยบายสุดท้ายคือ จัดระเบียบการดำเนินการด้านวีซ่าให้มากยิ่งขึ้น หลักๆแล้วคือให้ผู้ที่อยู่เกินกำหนดและมีญาติอยู่ในอเมริกาสามารถยื่นขอยกเว้นการห้ามเข้าสหรัฐอเมริกาได้ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศโดยการขยายประเภทวีซ่าด้านการลงทุน รวมไปถึงข้อเสนอที่จะให้ใบเขียวกับนักเรียนต่างชาติที่จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์และคณิตศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาเพื่อให้บุคลากรเหล่านี้มาพัฒนาสหรัฐให้ก้าวหน้าและเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกต่อไป

การปฏิรูปกฎหมายอิมมิเกรชั่นจะเป็นไปในทิศทางใดและจะผ่านหรือไม่ ต้องรอดูภายในปีนี้ว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง ถ้ามีกฎหมายออกมาใหม่จริง เราจะนำมาวิเคราะห์และอธิบายให้ท่านเข้าใจในฉบับต่อๆไป แต่ทุกท่านต้องตระหนักไว้ว่ากฎหมายที่อาจจะออกมาใหม่ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับบางท่าน ก็อาจจะทำให้การยื่นวีซ่าบางประเภทยากขึ้น ท่านใดที่อยู่เกินกำหนดและต้องการให้ทนายความช่วยพิจารณาว่าท่านควรจะเตรียมประวัติทางด้านอิมมิเกรชั่นอย่างไรให้พร้อมกับกฎหมายใหม่หรือยื่นวีซ่าประเภทใดในระหว่างนี้ที่ยังไม่มีกฎหมายใหม่ออกมา สามารถโทรสอบถามสำนักงานเรา เพื่อจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและคำแนะนำที่เหมาะสมเพราะการปรึกษาทนายความที่พูดภาษาเดียวกับคุณเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีปัญหาตามมาในภายหลัง