ซึ้งมากค่ะกับน้ำใจของข้าราชการไทยในสถานฑูตไทย ณ กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม

ดิฉันได้ย้ายมาอยู่เบลเยี่ยมเป็นเวลาก็จะ 5 ปีในเดือนพฤษภาคมนี้ และเมื่อมาอยู่ต่างแดนพาสปอร์ตหมดอายุก็ต้องไปขอเล่มใหม่ที่สถานฑูต (รวมไปถึงบัตรประชาชนด้วยนะคะ) ตอนที่พาสปอร์ตดิฉันหมดอายุดิฉันก็ได้เดินทางไปจัดการที่กรุงบรัสเซล ไม่มีปัญหาใดๆ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ณ วันนี้ดิฉันมีลูกสองคน ดิฉันได้ทำเรื่องขอสัญชาติไทยให้เด็กๆ ไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา (ซึ่งก็ยุ่งยากวุ่ยวายมากๆ เอกสารๆๆๆๆ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เดินทางเข้าๆ ออกๆ บรัสเซลเป็นว่าเล่น หมดเงิน หมดพลังงานต่างๆ ไปเท่าไหร่ไม่ได้จดได้จำไว้)

ณ ตอนนี้ดิฉันต้องการที่จะไปทำพาสปอร์ตให้กับลูกๆ ทั้งสองคน (1 ขวบกับ 3 ขวบ) เพราะว่าต้องการที่จะเดินทางกลับเมืองไทยเป็นเวลามากกว่า 1 เดือน ซึ่งไหนๆ เขาสองคนก็ถือสัญชาติไทย ทำพาสปอร์ตไปเลยจะดีกว่า เพราะถ้าทีวีซ่าก็อยู่ได้แค่ระยะเวลาที่ขอ ถ้าปีหน้ากลับไทยอีกก็ต้องไปขออีก แต่ถ้าทำพาสปอร์ตก็อยู่ได้ตั้ง 5 ปี คิดได้ดังนั้นดิฉันก็จัดการเตรียมเอกสารต่างๆ แล้วก็เดินทางไปสถานฑูตไทยที่บรัสเซล ซึ่งบ้านของดิฉันอยู่ห่างจากสถานฑูตประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง พวกเราเลือกที่จะไปในช่วงวันหยุดอีสเตอร์เพราะว่าสามีหยุดงาน ลูกสาวคนโตก็ไม่ต้องไปโรงเรียน และเมื่อเอกสารทุกอย่างพร้อม คนพร้อมเราก็ไปกัน และด้วยความที่เราเดินทางกับเด็กๆ ทุกอย่างก็จะล่าช้ากว่ากำหนด เราวางแผนกันว่าจะไปให้ถึงสถานฑูตก่อนเที่ยง แต่ก็ไปไม่ทัน (สถานฑูตรับเรื่องทำเอกสารต่างๆ 9.00 - 12.00 น. และ 14.00 - 15.00 น. 4 ชั่วโมงต่อวัน) ไม่เป็นไรยังเหลือรอบบ่าย ทีนี้เราไปทัน แต่ได้คิวที่ 14 ระหว่างที่นั่งรออยู่เป็นเวลาเท่าไหร่ไม่รู้ เดาว่าน่าจะบ่าย 3 โมงแล้ว เจ้าหน้าที่เดินออกมาเห็นบัตรคิวของดิฉัน เจ้าหน้าที่พูดขึ้นว่า "โอ้โห ได้คิวที่ 14 เลยเหรอคะ ตอนนี้เราพึ่งทำคิวที่ 3 เองค่ะ คงต้องรออีกนานเลยค่ะ" เนื่องจากบ้านเราอยู่ติดกับประเทศลักเซมเบิร์ก และมีโบว์ชัวร์โฆษณาว่าจะมีงานสงกรานต์ในวันที่ 26 เมษายน และทางสถานฑูตจะสัญจรมาให้บริการทำพาสปอร์ตให้กับคนไทยที่อยู่ลักเซมเบิร์ก ดิฉันก็เลยพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า "งั้นหนูคิดว่าไปทำที่ลักเซมเบิร์กดีมั้ยคะ เพราะว่าบ้านอยู่ติดกับทางนั้นมากกว่า" เจ้าหน้าที่ "ดีเหมือนกันค่ะ งั้นพี่ขอชื่อ นามสกุล และเบอร์ติดต่อไว้นะคะ" เราก็เขียนๆ ใส่กระดาษให้พี่เขาไป แล้วพวกเราก็ออกจากสถานฑูต และพร้อมกันนั้นเราก็ได้เดินออกมาพร้อมกับครอบครัวของคุณคิวที่ 3 เขาเล่าให้ฟังว่าเขามาแต่เช้าแล้วในตอนเช้าได้คิวที่เท่าไหร่เราไม่ได้ถาม แต่ทีนี้พอเที่ยงปิดเขากลับมาใหม่ได้คิวใหม่ เวลา 1 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่พึ่งทำได้ 3 คน

และเมื่อวานนี้มีงานสงกรานต์ที่ประเทศลักเซมเบิร์ก งานเริ่ม 18.00 น. เราหาข้อมูลข่าวทางเว็บไซต์ของสถานฑูตก็ไม่มีแจ้งว่ามากี่โมง เพจของสถานฑูตก็ไม่มีแจ้ง ทางเพจของคนไทยในประเทศลักเซมเบิร์กก็ไม่มีแจ้งและพูดคุยกันเรื่องนี้เลย มีเพื่อนคนหนึ่งโพสต์ถามว่าทางสถานฑูตมาถึงหรือยัง ก็มีเพื่อนที่อยู่ในงานตอบว่ายังมาไม่ถึง เราก็เลยคิดไปเองว่าเขาก็คงมาเวลา 18.00 น. (เพราะว่าเราเคยไปทำเรื่องขอสัญชาติให้เด็กๆ ในงานทอดกฐิน งานเริ่ม 10.00 น. เที่ยงทางสถานฑูตก็ยังติดต่อระบบไม่เสร็จ พอเที่ยงเจ้าหน้าที่ก็หยุดทานข้าว ได้เริ่มงานอีกทีก็ประมาณบ่ายแก่ๆ ซึ่งในวันนั้นก็วุ่ยวายมากๆ สุดท้ายเราก็ไม่ได้ทำอะไรเพราะคิวยาว คนเยอะ)

ประมาณ 4 โมง 15 เราเดินทางออกจากบ้าน ไปถึงสถานที่จัดงานประมาณ 5 โมงครึ่ง เราก็แลกบัตรเข้างาน เสร็จแล้วก็ตรงไปที่ห้องทำพาสปอร์ต ณ ห้องแห่งนั้น เราเห็นเพื่อนๆ คนไทยนั่งรอถ่ายรูปทำพาสปอร์ตกันอยู่ประมาณ 10 คน ได้ แต่ไม่รู้ว่ามีทำกันกี่คนเพราะว่าเพื่อนๆ ก็ไปกับสามีฝรั่งและลูกๆ และที่โต๊ะตรวจเอกสารเจ้าหน้าที่กำลังตรวจเอกสารให้กับเพื่อนคนไทยคนหนึ่งอยู่ เราก็ตรงเข้าไปขอบัตรคิว เจ้าหน้าที่เงยหน้ามามอง แล้วก็บอกว่า "ถ้ามาทำพาสปอร์ตไม่รับแล้วนะคะ วันนี้ทำมาเยอะมากๆ แล้วค่ะ มาตั้งแต่เที่ยงแล้วค่ะ" ใจเราหายว๊าบบบบบบบ มาตั้งแต่เที่ยงแล้ว เห้ยยยย ดิฉันไม่รู้มาก่อนเลยก็เลยบอกเจ้าหน้าที่ไป "หนูไม่รู้เลยค่ะว่ามากันตั้งแต่เที่ยง หนูเข้าใจว่างานเริ่ม 6 โมงเจ้าหน้าที่ก็คงมา 6 โมง ขอหนูทำได้มั้ยคะ หนูไม่ได้ให้ตัวเองนะคะ ทำให้ลูกๆ สองคนค่ะ อายุ 1 ขวบกับ 3 ขวบ บ้านพวกเราอยู่ไกลจากบรัสเซล เดินทางกับเด็กๆ ลำบาก แล้วเราก็ไปที่บรัสเซลมาแล้ว แต่คิวเยอะ หนูได้ทำเรื่องนัดกับพี่คนนั้นไว้ค่ะ (พี่เจ้าหน้าที่ที่ทำเรื่องพาสปอร์ต)" ดิฉันอ้อนวอนแทบจะกราบกราน แต่พี่เจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาข้อความเดิม "ไม่รับแล้วค่ะ วันนี้เราทำมาเยอะมากแล้วค่ะ มาตั้งแต่เที่ยงแล้วค่ะ" เรา "ขอเถอะได้มั้ยคะ เห็นแก่เด็กๆ ค่ะ" เจ้าหน้าที่ (พูดเหมือนระบบตอบรับอัตโนมัติ) "ไม่รับแล้วค่ะ วันนี้เราทำมาเยอะมากแล้วค่ะ มาตั้งแต่เที่ยงแล้วค่ะ คนที่พี่กำลังเช็คอยู่นี่จริงๆ ก็ว่าจะไม่รับแล้วนะคะ (เพิ่มมาหน่อยหนึ่งประโยค)" และเรารู้แล้วว่ายังงัยพี่เขาก็ไม่รับทำแล้ว เพราะเราได้อ้อนวอนแล้วก็ไม่เป็นผล พวกเราก็เลยเดินทางกลับ เด็กๆ ร้องไห้ระงม เพราะว่าพึ่งไปถึงเอง นั่งรถตั้งนาน พอไปถึงเห็นงานน่าสนุก ตามประสาเด็กๆ แต่แล้วก็ต้องกลับ นั่งรถกลับอีกชั่วโมงกว่า ดิฉันก็ร้องไห้ ลูกๆ ก็ร้องไห้ บอกเลยค่ะ เสียใจมากๆ และซึ้งมากๆ กับน้ำใจคนไทย ถ้าเจ้าหน้าที่เก็บข้าวของทุกอย่างแล้วดิฉันจะไม่ว่าไม่บ่นเลยยอมรับแต่โดยดีที่ไม่ติดตามข้อมูลดีๆ แต่นี่เจ้าหน้าที่ยังทำงานอยู่ มีคนรอทำอยู่ แค่น้ำใจให้เด็กน้อยอีก 2 คนไม่มีเลย ถ้าคนที่มีลูกเล็กๆ จะรู้และเข้าใจมากๆ ว่าการเดินทางไกลกับเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย แล้วเด็กๆ ที่บ้านก็เข้านอนกันประมาณ 19.30 - 20.00 น. ถ้าดิฉันรู้ว่าทางสถานฑูตมากันตั้งแต่เที่ยง ทำไมดิฉันจะไม่ไป ดิฉันไม่ได้อยากไปร่วมงานสงกรานต์แต่อย่างใด เพราะว่าลูกยังเล็ก ดิฉันไม่สนุกกับงานแบบนั้นในขณะที่ลูกง่วงนอนหรือเอาลูกไปฝากคนอื่นเลี้ยงเพื่อไปงานแน่นอน ที่ดิฉันต้องไปก็เพื่อที่จะไปทำเอกสารเท่านั้น และถ้าดิฉันรู้มาก่อนว่าการไปทำเอกสารไม่ต้องซื้อบัตรเข้างาน ดิฉันก็คงไม่เสียเวลาเดินทางไปซื้อบัตรกับร้านอาหารไทยล่วงหน้า (ซื้อล่วงหน้า 10 ยูโร หน้างาน 15 ยูโร สองคนผัวเมียถ้าซื้อล่วงหน้าก็ประหยัดไปได้ 10 ยูโร) ซึ่งเจ้าของร้านอาหารไทยที่ดิฉันไปซื้อบัตรก็พูดจาแบบมะนาวไม่มีน้ำเลย ข้อมูลต่างๆ ก็ไม่ชัดเจน สถานที่จัดงานก็ไม่มีที่อยู่ เจ้าหน้าที่เดินทางมากี่โมงก็ไม่มีบอก มีแต่บอกว่ามีเจ้าหน้าที่มา

ถ้าดิฉันไม่จำเป็นจริงๆ ดิฉันไม่เสียเงิน เสียเวลา และเสียพลังงานต่างๆ แน่นอน และถ้าทางเจ้าหน้าที่รับทำเอกสารให้ดิฉัน นอกจากความชื่นชมในน้ำใจที่จะได้รับ ความดีที่ได้ทำเพื่อเด็กน้อย เจ้าหน้าที่ยังลดประมาณคนที่จะไปทำพาสปอร์ตที่บรัสเซลได้อีกอย่างน้อยก็ 2 คน ก็วินวินกันทั้งคู่ บอกตรงๆ ค่ะเสียใจ และซึ้งในน้ำใจของข้าราชการไทยมากๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่