อาทิตย์หน้าคาดว่าคุณเขมคงต้องงดเดินตลาดไปพักใหญ่ เพราะ การปิดจ็อบอันโหดสลัดของตัวคุณเขมเอง ต่อไปภายภาคหน้าคงมีเรื่องให้ต้องคิดพิจารณาอีกเยอะ บททดสอบหัวใจไม่เคยมีบทเดียวอยู่แล้วล่ะนะ เมื่อสิ่งที่ถูกทำลายไปไม่ใช่แค่ความรัก แต่เป็นทั้งความเชื่อใจ และ ไว้ใจ ซึ่งเมื่อเสียหายไปแล้วจะกลับคืนมาใหม่นั้นยากยิ่ง
ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องนี้ คือ สิ่งมีชีวิตที่ชื่อ ... เขมชาติ เขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ?
ในชั้นแรกเขมชาติก็คือเจ้านายอารมณ์ perfectionist เอาแต่ใจ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น พอเจอกับสุริยาวดีที่สนามบินก็โกรธ เหมือนรถบรรทุกพุ่งชนอย่างไม่ทันตั้งตัว เราก็เข้าใจปฏิกิริยานั้นได้ว่ามันเกิดจากอดีตชาติผ่านมากับคำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบ มีการกลั่นแกล้ง จิกตี ตำหนิ ประชด มันคือเรื่องธรรมดาที่คนเราจะทำเมื่อมีความโกรธเคืองใครซักคน ในความโกรธเคืองมันมีความรักซุกซ่อน ซึ่งเก็บไว้ไม่เปิดเผย ตรรกะก็ง่าย ๆ ก็(คิดว่า)เขาไม่ได้รักแล้วนี่(มิเช่นนั้นจะไปแต่งกับคนอื่นหรือ ?) Self defense mechanism ทำงาน ... เรื่องที่อยากพูดอยากถามไม่ทำ บอกออกไปสภาพจิตใจเราต่ำตมไปกว่านี้ทำไม หากถามว่า เอ้า !! ทำไมไม่ค้นคว้าหาความจริงล่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ณ ตอนนี้อำนาจก็มีเงินก็มีอะไร ๆ ก็มีล้นเหลือ จ้างนักสืบ เปิดเน็ตก็ไม่น่ายาก ... ทำไมไม่ทำ ?
จำได้ไหมล่ะว่าตอนที่เดินงงงวยจิตล่องลอยหน้ามหาวิทยาลัยจนโดนรถชนเข้าโรงพยาบาลเขมชาติบอกกับเพื่อนที่คาบข่าวมาบอกว่ากระไร "อย่าได้พูดถึงชื่อผู้หญิงคนนี้อีก" แสดงว่า พอแล้วพอกันที จากนี้สุริยาวดีไม่มีอีกต่อไป ข้อมูลตรงนั้นที่เพื่อนอ่านให้ฟังดัง ๆ ว่าแต่งงานและย้ายไปอยู่เมืองนอก ข้อมูลแค่นี้คือ overwhelm แล้ว ล้นแล้ว จิตพังพินาศ จะไม่ฟังอะไรต่อจากนี้ทั้งสิ้น เรื่องนี้เกินพอ เมื่อ perception ของเขมชาติออกมาแบบนี้ ... มันก็จบ ชุดความคิดที่มีในใจ คือ ฉันโดนทิ้ง และ เขาทิ้งฉันไปกับคนที่รวยกว่า แต่เราเคยรักกันนะ ทุกสิ่งเป็นเรื่องจริง ดังนั้น สมการที่ออกมาก็คือ เงิน>ความรัก
กาลเวลาผ่านไปนาน เขมชาติผู้ซึ่งไม่มีใคร พ่อแม่เสียชีวิตและเสียวดีไปในเวลาใกล้เคียงกัน ฐานะไม่ดีมีแต่สมองและสองมือ เขาไม่มีฟูกอะไรจะรองรับ ไม่มีที่จะให้หันหลังกลับ สภาพของเขมชาติจึงมีอยู่สองทางเลือก คือ ถ้าไม่จมดิ่งกับความพังพินาศอันนี้ ก็ต้องตะกายฝ่าคลื่นลมไปให้ได้ ซึ่งเขมชาติเลือกจะเป็นอันที่สอง โดยที่เขมอยู่ในสภาพ Nothing to lose อย่างที่บอกชีวิตของเขมไม่ใช่เพียงการดิ้นรนเพื่อเรียนให้จบและทำงาน แต่ทุกวินาทีในชีวิตคือการเอาตัวรอด และ ต้องเอาตัวรอดให้ได้อย่างดีด้วย เมื่อไม่มีใครที่ไหนจะปกป้องเค้าได้ ตัวเราเองต้องมาก่อน ไม่สนว่าจะลากใครเข้ามาด้วย ต้องปกป้องตัวเอง เขมชาติเรียนรู้ที่จะกอดตัวเองเสียก่อน ถ้าไม่คิดถึงตัวเอง แล้วใครจะคิดถึงเรา สุดท้ายมีแต่ตนที่เป็นที่พึงแห่งตนเท่านั้น
แต่การมาของวดีทำให้แผลของเขมชาติเปิดชนิดเลือดนอง ทำให้เขารู้ว่าที่คิดว่าลืม ลืมไม่จริง ทำให้รู้ว่าที่ผ่านมาชีวิตตัวเองมีอะไรที่หล่อเลี้ยงอยู่ ทุกอย่างที่ทำอาจจะรู้หรือไม่รู้ตัว สิ่งเหล่านั้นที่ทำคือ "ถ้า" ถ้าสุริยาวดีจะกลับเข้ามาในชีวิต หรือ มีจังหวะที่จะพบกันอีก เธอต้องได้เห็นสภาพว่าวันนี้เขามีสิ่งที่เธอต้องการ จะเห็นว่าความพังพินาศทางใจมันยังอยู่ แต่ แต่ แต่ เค้าเรียนรู้แล้วว่าฉันจะต้องเอาตัวรอด เอาเงินทองความสำเร็จมาฝังกลบซากปรักหักพังไว้ ... ไม่มีอะไรเหลือแล้วนี่ เราต้องกอดตัวเองก่อน สิ่งนี้เป็นที่มาของการกลั่นแกล้งจิกตี ด่าทอ ป้องกันตัวเองว่าเราต้องไม่เจ็บเหมือนก่อน สถานการณ์และอารมณ์มันบีบเข้ามาทุกที
ประเด็นคือยิ่งทำยิ่งมีแต่เราที่เจ็บทั้งที่คิดไว้ว่าจะต้องไม่เจ็บ ยิ่งทำยิ่งมีแต่เราที่ปวด ยิ่งเชือดเฉือนยิ่งมีแต่เราที่บ้า ... และ เธอคนนั้นยังออกปากว่า "ไปได้นะ คุณรู้ว่าฉันทำได้ และ ฉันเคยทำมาแล้ว" แค่ขู่จะไปก็สั่นไปทั้งใจ แต่ครั้งแต่ละคราเมื่อย้อนนึกอดีตวันเคยดีกลับได้คำตอบว่าให้ลืมเสียเถิด ฟอร์เก็ตมีน็อตเป็นดอกไม้ธรรมดา ... ขวานจามหัวยังเจ็บน้อยกว่านี่ ถามว่ารักไหม ... ยังรัก แต่เจ็บปวดไหม ... แทบขาดใจ ทำไมเค้าไม่เป็นอะไรเลย แต่เรามีอาการแบบนี้ เป็นบ้าเป็นบอได้ทุกวัน วันนั้นคือวันที่ตัดสินใจว่าจะต้องลากผู้หญิงคนนี้ให้มาเป็นเหมือนกัน รักให้มากเหมือนที่เขารู้สึก และ เจ็บปวดให้มากเหมือนที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ เพราะฉะนั้นวาจาทำร้ายไม่ใช่กลยุทธ์ที่ทำให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ประสงค์ ... เธอใส่หน้ากากหวาน ๆ ซื่อ ๆ เราก็ทำบ้างสิ
ดังนั้นคุณเขมเลยทำการ inception ตัวเองว่าตัดใจและชิงชังรังเกียจวดี เพิ่มขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง ตอนนี้มันจึงกลายเป็นว่า ... ใจลึกที่สุด คือ ความรัก แต่หลอกตัวเองว่าไม่ได้รักแล้ว แต่ ต้องแสดงออกกับวดีว่า "รักและอภัย" อีกทีหนึ่ง สามเลเยอร์ที่เขมชาติเป็นคือแบบนี้ นี่คือความซับซ้อนของเขมชาติ เพราะฉะนั้นการกระทำทุกอย่าง ถ้าดูละเอียดมันจะมีเลเวลของมัน บางครั้งคือหน้าจริง บางครั้งคือหน้าหลอกว่าเกลียด และ บางครั้งคือหน้าหลอกว่ารัก และ บางครั้งอีกเหมือนกันที่ตัวเองก็แยกไม่ออกว่าที่ทำไปมันคืออะไรกันแน่ ซึ่งเขมชาติไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็นแบบนี้
และก็ไม่รู้ด้วยว่าทั้งหมดทั้งปวงนี้ที่คิดว่าตัวเองกำลังจะกำชัยชนะ มันคือ suicide attack ดี ๆ นี่เอง แน่นอนว่าเมื่อปลดสลักแล้ววดีซึ่งติดบ่วงไปแล้วต้องเกิด damage ขั้นรุนแรง แต่ในทางกลับกันไม่มีวันที่เขมจะได้เดินจากไปชิล ๆ อย่างที่ตัวเองคิดแน่นอน ยังคิดว่าไม่ว่า "ความจริง" จะปรากฎหรือไม่ปรากฏ วดีจะเป็นอย่างไร จะเป็นของใครมาก่อน จะอธิบายหรือไม่อธิบาย เขมชาติก็ยังจะต้องบาดเจ็บล้มตายกับการกระทำของตัวเองอยู่ดี ไม่ใช่เพราะอะไรเลย เพราะ เลเยอร์ชั้นสุดท้ายที่อยู่ในใจเขานั่นแหละ
ซึ่งเราว่านี่คือตัวตนของสิ่งมีชีวิตที่ชื่อ เขมชาติ
อย่าลืมฉัน(กึ่งรีวิว)พิเศษ : Suicide Attack ... อีกครั้งกับสิ่งมีชีวิตชื่อ "เขมชาติ"
อาทิตย์หน้าคาดว่าคุณเขมคงต้องงดเดินตลาดไปพักใหญ่ เพราะ การปิดจ็อบอันโหดสลัดของตัวคุณเขมเอง ต่อไปภายภาคหน้าคงมีเรื่องให้ต้องคิดพิจารณาอีกเยอะ บททดสอบหัวใจไม่เคยมีบทเดียวอยู่แล้วล่ะนะ เมื่อสิ่งที่ถูกทำลายไปไม่ใช่แค่ความรัก แต่เป็นทั้งความเชื่อใจ และ ไว้ใจ ซึ่งเมื่อเสียหายไปแล้วจะกลับคืนมาใหม่นั้นยากยิ่ง
ในชั้นแรกเขมชาติก็คือเจ้านายอารมณ์ perfectionist เอาแต่ใจ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น พอเจอกับสุริยาวดีที่สนามบินก็โกรธ เหมือนรถบรรทุกพุ่งชนอย่างไม่ทันตั้งตัว เราก็เข้าใจปฏิกิริยานั้นได้ว่ามันเกิดจากอดีตชาติผ่านมากับคำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบ มีการกลั่นแกล้ง จิกตี ตำหนิ ประชด มันคือเรื่องธรรมดาที่คนเราจะทำเมื่อมีความโกรธเคืองใครซักคน ในความโกรธเคืองมันมีความรักซุกซ่อน ซึ่งเก็บไว้ไม่เปิดเผย ตรรกะก็ง่าย ๆ ก็(คิดว่า)เขาไม่ได้รักแล้วนี่(มิเช่นนั้นจะไปแต่งกับคนอื่นหรือ ?) Self defense mechanism ทำงาน ... เรื่องที่อยากพูดอยากถามไม่ทำ บอกออกไปสภาพจิตใจเราต่ำตมไปกว่านี้ทำไม หากถามว่า เอ้า !! ทำไมไม่ค้นคว้าหาความจริงล่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ณ ตอนนี้อำนาจก็มีเงินก็มีอะไร ๆ ก็มีล้นเหลือ จ้างนักสืบ เปิดเน็ตก็ไม่น่ายาก ... ทำไมไม่ทำ ?
จำได้ไหมล่ะว่าตอนที่เดินงงงวยจิตล่องลอยหน้ามหาวิทยาลัยจนโดนรถชนเข้าโรงพยาบาลเขมชาติบอกกับเพื่อนที่คาบข่าวมาบอกว่ากระไร "อย่าได้พูดถึงชื่อผู้หญิงคนนี้อีก" แสดงว่า พอแล้วพอกันที จากนี้สุริยาวดีไม่มีอีกต่อไป ข้อมูลตรงนั้นที่เพื่อนอ่านให้ฟังดัง ๆ ว่าแต่งงานและย้ายไปอยู่เมืองนอก ข้อมูลแค่นี้คือ overwhelm แล้ว ล้นแล้ว จิตพังพินาศ จะไม่ฟังอะไรต่อจากนี้ทั้งสิ้น เรื่องนี้เกินพอ เมื่อ perception ของเขมชาติออกมาแบบนี้ ... มันก็จบ ชุดความคิดที่มีในใจ คือ ฉันโดนทิ้ง และ เขาทิ้งฉันไปกับคนที่รวยกว่า แต่เราเคยรักกันนะ ทุกสิ่งเป็นเรื่องจริง ดังนั้น สมการที่ออกมาก็คือ เงิน>ความรัก
กาลเวลาผ่านไปนาน เขมชาติผู้ซึ่งไม่มีใคร พ่อแม่เสียชีวิตและเสียวดีไปในเวลาใกล้เคียงกัน ฐานะไม่ดีมีแต่สมองและสองมือ เขาไม่มีฟูกอะไรจะรองรับ ไม่มีที่จะให้หันหลังกลับ สภาพของเขมชาติจึงมีอยู่สองทางเลือก คือ ถ้าไม่จมดิ่งกับความพังพินาศอันนี้ ก็ต้องตะกายฝ่าคลื่นลมไปให้ได้ ซึ่งเขมชาติเลือกจะเป็นอันที่สอง โดยที่เขมอยู่ในสภาพ Nothing to lose อย่างที่บอกชีวิตของเขมไม่ใช่เพียงการดิ้นรนเพื่อเรียนให้จบและทำงาน แต่ทุกวินาทีในชีวิตคือการเอาตัวรอด และ ต้องเอาตัวรอดให้ได้อย่างดีด้วย เมื่อไม่มีใครที่ไหนจะปกป้องเค้าได้ ตัวเราเองต้องมาก่อน ไม่สนว่าจะลากใครเข้ามาด้วย ต้องปกป้องตัวเอง เขมชาติเรียนรู้ที่จะกอดตัวเองเสียก่อน ถ้าไม่คิดถึงตัวเอง แล้วใครจะคิดถึงเรา สุดท้ายมีแต่ตนที่เป็นที่พึงแห่งตนเท่านั้น
แต่การมาของวดีทำให้แผลของเขมชาติเปิดชนิดเลือดนอง ทำให้เขารู้ว่าที่คิดว่าลืม ลืมไม่จริง ทำให้รู้ว่าที่ผ่านมาชีวิตตัวเองมีอะไรที่หล่อเลี้ยงอยู่ ทุกอย่างที่ทำอาจจะรู้หรือไม่รู้ตัว สิ่งเหล่านั้นที่ทำคือ "ถ้า" ถ้าสุริยาวดีจะกลับเข้ามาในชีวิต หรือ มีจังหวะที่จะพบกันอีก เธอต้องได้เห็นสภาพว่าวันนี้เขามีสิ่งที่เธอต้องการ จะเห็นว่าความพังพินาศทางใจมันยังอยู่ แต่ แต่ แต่ เค้าเรียนรู้แล้วว่าฉันจะต้องเอาตัวรอด เอาเงินทองความสำเร็จมาฝังกลบซากปรักหักพังไว้ ... ไม่มีอะไรเหลือแล้วนี่ เราต้องกอดตัวเองก่อน สิ่งนี้เป็นที่มาของการกลั่นแกล้งจิกตี ด่าทอ ป้องกันตัวเองว่าเราต้องไม่เจ็บเหมือนก่อน สถานการณ์และอารมณ์มันบีบเข้ามาทุกที
ประเด็นคือยิ่งทำยิ่งมีแต่เราที่เจ็บทั้งที่คิดไว้ว่าจะต้องไม่เจ็บ ยิ่งทำยิ่งมีแต่เราที่ปวด ยิ่งเชือดเฉือนยิ่งมีแต่เราที่บ้า ... และ เธอคนนั้นยังออกปากว่า "ไปได้นะ คุณรู้ว่าฉันทำได้ และ ฉันเคยทำมาแล้ว" แค่ขู่จะไปก็สั่นไปทั้งใจ แต่ครั้งแต่ละคราเมื่อย้อนนึกอดีตวันเคยดีกลับได้คำตอบว่าให้ลืมเสียเถิด ฟอร์เก็ตมีน็อตเป็นดอกไม้ธรรมดา ... ขวานจามหัวยังเจ็บน้อยกว่านี่ ถามว่ารักไหม ... ยังรัก แต่เจ็บปวดไหม ... แทบขาดใจ ทำไมเค้าไม่เป็นอะไรเลย แต่เรามีอาการแบบนี้ เป็นบ้าเป็นบอได้ทุกวัน วันนั้นคือวันที่ตัดสินใจว่าจะต้องลากผู้หญิงคนนี้ให้มาเป็นเหมือนกัน รักให้มากเหมือนที่เขารู้สึก และ เจ็บปวดให้มากเหมือนที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ เพราะฉะนั้นวาจาทำร้ายไม่ใช่กลยุทธ์ที่ทำให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ประสงค์ ... เธอใส่หน้ากากหวาน ๆ ซื่อ ๆ เราก็ทำบ้างสิ
ดังนั้นคุณเขมเลยทำการ inception ตัวเองว่าตัดใจและชิงชังรังเกียจวดี เพิ่มขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง ตอนนี้มันจึงกลายเป็นว่า ... ใจลึกที่สุด คือ ความรัก แต่หลอกตัวเองว่าไม่ได้รักแล้ว แต่ ต้องแสดงออกกับวดีว่า "รักและอภัย" อีกทีหนึ่ง สามเลเยอร์ที่เขมชาติเป็นคือแบบนี้ นี่คือความซับซ้อนของเขมชาติ เพราะฉะนั้นการกระทำทุกอย่าง ถ้าดูละเอียดมันจะมีเลเวลของมัน บางครั้งคือหน้าจริง บางครั้งคือหน้าหลอกว่าเกลียด และ บางครั้งคือหน้าหลอกว่ารัก และ บางครั้งอีกเหมือนกันที่ตัวเองก็แยกไม่ออกว่าที่ทำไปมันคืออะไรกันแน่ ซึ่งเขมชาติไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็นแบบนี้
และก็ไม่รู้ด้วยว่าทั้งหมดทั้งปวงนี้ที่คิดว่าตัวเองกำลังจะกำชัยชนะ มันคือ suicide attack ดี ๆ นี่เอง แน่นอนว่าเมื่อปลดสลักแล้ววดีซึ่งติดบ่วงไปแล้วต้องเกิด damage ขั้นรุนแรง แต่ในทางกลับกันไม่มีวันที่เขมจะได้เดินจากไปชิล ๆ อย่างที่ตัวเองคิดแน่นอน ยังคิดว่าไม่ว่า "ความจริง" จะปรากฎหรือไม่ปรากฏ วดีจะเป็นอย่างไร จะเป็นของใครมาก่อน จะอธิบายหรือไม่อธิบาย เขมชาติก็ยังจะต้องบาดเจ็บล้มตายกับการกระทำของตัวเองอยู่ดี ไม่ใช่เพราะอะไรเลย เพราะ เลเยอร์ชั้นสุดท้ายที่อยู่ในใจเขานั่นแหละ