ถูกข่มขืน..

คดีข่มขืนที่ผ่านมา หากได้สังเกตดูก็จะพบว่า ได้สร้างความประหลาดใจให้กับคนบริโภคข่าวสารอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ไม่น้อย โดยเฉพาะ ’ผู้เสียหาย“ ซึ่งก็มีทั้งหญิงสาว วัยรุ่น แต่ที่แย่หน่อยก็จะเป็นคนแก่ และก็ยิ่งสลดใจ ยิ่งสะเทือนขวัญยิ่งขึ้น เมื่อ ’เหยื่อ“ เป็นเด็ก คนพิการ หรือแม้กระทั่งคนวิกลจริต!!!

อย่างไรก็ตาม นอกจากผู้เสียหายในคดีข่มขืน ที่จะไม่เหมือนในอดีตแล้ว สถานที่เกิดเหตุก็เริ่มจะเป็นที่ที่คาดไม่ถึง ยกตัวอย่าง กรณี “หนุ่มชื่อดัง” เมาสุรา หมายจะบุกเข้าห้องหญิงสาวรายหนึ่งเพื่อหวังข่มขืนในคอนโดฯ หรือกรณี “นักร้องสาวเกิร์ลกรุ๊ป” ถูกลวนลามขณะใช้บริการในสถานนวดแผนโบราณที่ถูกต้อง และก็ไม่ใช่สถานที่ปิด แถมเป็นห้องนวดแบบรวม ที่มีหลายคนสามารถใช้บริการร่วมกันได้ ก็ยังสามารถที่จะเกิดเหตุการณ์ร้าย ๆ ได้! และนอกเหนือจากกรณีดังกล่าว ก็ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ อาทิ กรณีที่เกิดขึ้น ’บนรถแท็กซี่“ ซึ่งก็มีผู้เสียหายที่เป็นเด็กหญิง นักศึกษาสาว รวมถึงผู้โดยสารทั่วไป ซึ่งก็มีทั้งถูกลวนลาม และข่มขืน เรียกว่ากรณีข่มขืนลักษณะนี้เกิดขึ้นและมีให้พบเห็นกันอยู่บ่อย ๆ

ล่าสุดนี้ก็เป็นกรณี “คนขับรถตู้หื่น” ที่ข่มขืนผู้โดยสารหญิงบนรถตู้เส้นทาง กรุงเทพฯ-สมุทรสงคราม และกับกรณี “หนุ่มโจ๋ถีบรถรุมข่มขืนสาวท้อง” ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งนี่ก็เป็น “กรณีข่มขืน” ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่กี่วันมานี้

เรียกได้ว่า ’สถานที่ไหน-เพศใด“ ก็มีสิทธิเสี่ยง

พลาดตกเป็น ’เหยื่อหื่น-ถูกข่มขืน“ ได้ทั้งสิ้น!!!

กับปรากฏการณ์ที่น่าตกใจนี้ กับภัยข่มขืนในยุคปัจจุบันนี้ วัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ได้สะท้อนผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้ว่า...สมัยก่อนหญิงสาวมักจะได้รับคำเตือนเพื่อป้องกันการถูกข่มขืน หรือทำอนาจาร ว่า อย่าไปที่เปลี่ยว ที่ลับตา หรือที่มืด ๆ ซึ่งจะเป็นที่เสี่ยงต่อการเป็นเหยื่อได้ แต่ปัจจุบันเรื่องของสถานที่ก็ได้เปลี่ยนไปตามภาวการณ์ของสังคม เป็นที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ โรงเรียน คอนโดมิเนียม เพราะแม้กระทั่งที่บ้านเองก็ยังไม่ปลอดภัย ถึงขนาดมีการบอกกันว่า หากผู้หญิงที่อยู่บ้านคนเดียวจะต้องทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยต่อภัยดังกล่าว

’อย่างคอนโดมิเนียมซึ่งเป็นห้องพักส่วนตัว ซึ่งในความจริงจะต้องมีคีย์การ์ดตั้งแต่ทางเข้า ตามชั้นต่าง ๆ แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงคือ บันไดหนีไฟ“ ...ครูหยุย ชี้ถึงช่องโหว่สถานที่ ซึ่งหลายคนเคยคิดว่าปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ครูหยุย กล่าวอีกว่า...ประเด็นเรื่องสถานที่ไม่ถือว่าเป็นประเด็นต่อการข่มขืน เนื่องจากมีข้อพิจารณาด้านนี้หลายประการ กล่าวคือ ประการแรก สังคมเต็มไปด้วย “การปลุกเร้าทางเพศ” เต็มไปหมด ประการที่สอง “ยาเสพติดและสุรา” เมื่อเสพหรือดื่มมาก ๆ ก็ทำให้ผู้เสพนั้นขาดสติยับยั้งชั่งใจ ควบคุมความคิดไม่ดีของตนเองไม่ได้ และประการสุดท้าย จากการที่ “ทัศนคติเรื่องเซ็กซ์ของผู้หญิงก้าวไกล” ทำให้ผู้หญิงหลายคนมองเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมดา จึงกล้า และเปิดเผยมากขึ้น จนผู้ชายย่ามใจและกล้าที่จะกระทำเรื่องไม่ดี ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ ประเด็นเรื่องสถานที่จึงเป็นเรื่องรอง...

’สังคมไทยละเลยเรื่องนี้มานาน โทษในคดีข่มขืนก็ยอมความได้ ส่วนตัวผู้เสียหาย บางคนเกิดเรื่องแล้วก็คิดว่าช่างมัน ที่ขี้อายก็ไม่กล้าแจ้งความ โดยมีส่วนน้อยมากที่กล้าเผชิญหน้า และกล้าที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขณะที่สื่อก็มักจะไม่ได้ติดตามรายงานข่าวจนถึงที่สุดว่า ผู้กระทำผิดถูกลงโทษไปถึงไหน ซึ่งพอนานไปคนก็ลืม“...ครูหยุย กล่าว

ด้าน ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา ประธานโครงการศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ก็สะท้อนแง่มุมต่อกรณีที่กำลังเกิดขึ้นนี้ไว้ว่า...สมัยก่อนสถานที่เกิดเหตุในการ

กระทำชำเราคือ ที่เปลี่ยว, ที่ลับตา, ในป่า หรือพงหญ้ารก ๆ ซึ่งนั่นก็หมายถึง สถานที่เอื้อที่จะกระทำได้ ทว่าในปัจจุบันแม้แต่ในรถ, ในบ้าน, ในคอนโดมิเนียม, ในร้านนวด, ในสปา หรือแม้แต่สวนสาธารณะ ก็ยังเกิดกรณีข่มขืนได้ เรียกว่า...สถานที่ไหนก็ข่มขืนได้ คำถามคือเกิดอะไรขึ้น?

เรื่องนี้ ดร.จิตรา วิเคราะห์และสะท้อนผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้ดังนี้...ประการแรก ปัจจุบันเรื่องเพศถูกเปิดเผยมากขึ้น และมีสิ่งกระตุ้นทางเพศเกลื่อนกลาดมากมาย รวมทั้งยังสามารถเข้าถึงได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น ตามร้านหนังสือทั่วไป, ในอินเทอร์เน็ต กระทั่งโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนติดตัว สิ่งเหล่านี้จึงทำให้เพศกลายเป็นเรื่องธรรมดา ประการต่อมา เป็นเรื่องที่เกิดจาก “ผู้หญิงระมัดระวังตัวน้อยลง” สังเกตจากการที่ผู้หญิงกล้าที่จะพักอาศัยหรืออยู่คนเดียวเพิ่มขึ้น รวมถึงกล้าที่จะพักอาศัยในหอพัก ในบ้าน หรือในคอนโดมิเนียมรวมกับเพื่อนชาย เป็นต้น

และ ประการสุดท้าย คือทัศนคติที่ “ผู้หญิงมองเรื่องเพศเป็นเรื่องธรรมดา” สังเกตได้จากการแสดงออกผ่านทางเครื่องแต่งกาย, การใช้ชีวิต ทำให้ผู้ชายมองว่าผู้หญิงไม่แคร์ในเรื่องนี้

กับเหตุปัจจัยดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ ดร.จิตรา สะท้อนว่า...เป็นตัวกระตุ้นที่ส่งเสริมทำให้การข่มขืนเกิดได้ง่ายขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรื่อง “สถานที่” กลายเป็นปัจจัยรองในความเสี่ยงต่อกรณีข่มขืน...

’ในเมื่อเราแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ได้ แต่เราสามารถป้องกันได้ โดยระวังไม่ให้ปัจจัยที่กล่าวไว้ข้างต้นมาเอื้อให้เกิดการข่มขืนตามสถานที่ที่คิดไม่ถึงได้ เช่น การไม่อยู่กับเพื่อนชายตามลำพัง หากอยู่คอนโดฯ ควรหาเพื่อนหญิงมาอยู่ด้วย,หากอยู่บ้านต้องเปิดไฟไว้บ้าง ไม่ปิดไฟมืด ไม่ไปในสถานที่เปลี่ยว ๆ หรือลับตา“...ดร.จิตรา กล่าวในที่สุด
หลายปัจจัยทำให้เกิด “ข่มขืนไม่เลือก!!”
เป็นอีก “ภัยรายวัน” ที่ “เกิดขึ้นซ้ำซาก”
แล้วสังคมไทย...เราจะยังไงกันดี???.

คัดลอกบทความจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ฉบับ วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายน 2557

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่