พระ ก. : หลวงพ่อครับ อารมณ์กรรมฐานที่ถูกจริต ผมเคยเจริญ พุทโธกับอานาปาฯ นาน จิตก็ไม่เคยสงบ
ระลึกความตายก็ไม่สงบ ระลึกขันธ์ ๕ ไม่สงบ หมดปัญญา!
หลวงพ่อ : วางมัน! หมดปัญญา วางมัน!
พระ ก. : เวลานั่งสมาธิ ถ้าได้สงบนิดหน่อย สัญญาเยอะแยะไปหมดจะรบกวน
หลวงพ่อ : นั่นแหละ มันไม่เที่ยง ไม่แน่ ไม่แน่ บอกมันเลย ไม่แน่ ทำไว้ในใจ ทั้งหมดอารมณ์มันไม่แน่ทั้งนั้น
ไว้ในใจเลยนะ ทำสมาธิแล้วจิตไม่สงบ ไม่แน่เหมือนกัน จิตนี้สงบแล้วไม่แน่เหมือนกัน เอามันไม่แน่นี่
ไม่ต้องเล่นกับมันทั้งนั้นแหละ อย่าเอา ปล่อยวาง สงบก็อย่าไปคิด อย่าไปเอาจริง เอาจังกับมัน ไม่สงบก็อย่าเอาจริงเอาจังกับมัน
วิญญาณัง อนิจจัง เคยอ่านไหม วิญญาณก็ไม่เที่ยง เคยได้อ่านไหมจะไปทำยังไงกับมันล่ะฮึ! สงบมันก็ไม่เที่ยง ไม่สงบมันก็ไม่เที่ยง
เราจะมีความเห็นยังไงต่อไป เรามีความรู้อยู่อย่างนี้ละ สงบก็ไม่แน่ ไม่สงบก็ไม่แน่ เราจะอยู่ยังไงถ้าจิตเราคิดอย่างนี้
ถ้าเรามีความรู้อยู่อย่างนี้ละ ความสงบมาก็รู้ว่าอันนี้มันไม่แน่ ไม่สงบมา เราก็รู้มันไม่แน่ความรู้สึกเราอยู่อย่างไร ตรงนั้น รู้ไหม
พระ ก. : ไม่ทราบครับ
หลวงพ่อ : ก็ดูตรงนั้นสิ มันสงบได้กี่วัน ที่ว่านั่งไม่สงบไม่แน่ หรือมันสงบดีจัง ไม่แน่เหมือนกัน
เอาสิ! มันจะอยู่ตรงไหน ไล่มันสิไล่จี้เข้าไป อยู่ตรงนี้แหละ ไม่ต้องไปไหน เดี๋ยวสงบ เท่านั้นแหละ ภาวนาพุทโธก็ไม่สงบ
อานาปานสติก็ไม่สงบ ก็ไปยึดไม่สงบนั่นแหละ ถ้าเราภาวนาพุธโธ...พุทโธไม่สงบไม่แน่เหมือนกัน อานาปานาสติไม่สงบ
ไม่แน่เหมือนกันไม่เล่นกับมันทั้งนั้นแหละ มันสงบก็ไม่เล่นกับมันละ มันหลอกลวงนี่ มีแต่ความหมายมั่นทั้งนั้นแหละ
เราต้องฉลาดกับมันสักนิดหนึ่งสิ ถ้ามันสงบล่ะก็ เออ! ใช่แล้ว ไม่สงบก็ ฮึ! วุ่นวาย จะไปสู้มันได้อะไร มันสงบ รู้ว่ามันสงบแล้วนะ
ไม่แน่! ไม่สงบ ดูมันแล้วไม่สงบ ก็อย่างนั้นแหละ ไม่แน่เหมือนกัน
ถ้าเรามีความรู้สึกอย่างนี้มันจะยุบลงเดี๋ยวนั้นเลยแหละ เมื่อเราทวงมัน เมื่อมันไม่สงบ นี่ก็ไม่แน่เหมือนกัน ยุบลงเดี๋ยวนั้นทีเดียวละ
เอียง เรือต้องเอียงเลย ลองซิ เราไม่ทันมันนี่ เดี๋ยวเราจะเอาอย่างนั้น ไม่แน่เหมือนกัน ยุบเลยเอ้า! ลองดูซิ ทวงมันเข้าไป นี่ไม่ทวงมันนี่
คลำมันไป ให้มันวิ่ง แล้วก็คลำๆ มันไปเรื่อยอย่างนั้น ไม่ทวงมัน ใส่มันเข้าไปเลย อย่าให้มันอยู่ แต่เมื่อผมเทศน์ให้ฟังก็ร้อง
โอ๊ย! หลวงพ่อนี่เทศน์แต่เรื่องไม่แน่ทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวก็เบื่อลุกหนี ไปแล้วนะ ไปฟังเทศน์ หลวงพ่อก็เทศน์แต่เรื่องไม่แน่ทั้งนั้นแหละ
เบื่อแล้วก็ไปหาให้มันแน่ดูซิ เออ! เดี๋ยวก็กลับมาอีกแล้ว ลองจำไว้ในใจสิคำผมพูด ไปเถอะไป ถ้าไม่เห็นอย่างผมว่านี่ ไม่สงบเลย
ไม่สบาย ไม่มีที่จะอยู่หรอก
ทำสมาธิให้มากน่ะผมก็เห็นด้วยเหมือนกัน เจโตวิมุตตี ปัญญาวิมุตติ รู้ไหม คำพูดนี้รู้ไหม
วิมุตติ แปลว่า การหลุดพ้นจากอาสวะ มี ๒ อย่าง
เจโตวิมุตติ อำนาจของจิตมากที่สุด คือ เรื่องสมาธิมากจึงทำปัญญาเกิดได้ ปัญญา วิมุตติ ทำสมาธิพอเป็นรากฐาน
เหมือนต้นไม้นี่เห็นไหมบางชนิดเอาน้ำใส่ มันบานขึ้นมานะ บางต้นเอาน้ำใส่ ตาย ต้องใส่แต่น้อยๆ พอดีๆ เห็นไหมนั่นต้นสน
สนฉัตรน่ะ ไปเอาน้ำใส่มาก ๆ ตายนะ ใส่แต่น้อยๆ ไม่รู้มันเป็นอะไร
แต่อย่างต้นนี้ ดูซิ แห้งออกอย่างนี้ มันขึ้นมาได้ยังไง ลองคิดดูซิ มันจะได้น้ำมาจากไหน ใบมันจึงใหญ่จึงโต
อย่างนี้บางต้นนี้มันน่าจะตาย อีกอย่างหนึ่งเขาปลูกแขวนเอาไว้รากมันห้อยลงมากินลม มันน่าจะตายนะ
ถ้าเป็นไม้ธรรมดามันคงแห้งไปหมดแล้ว นี่อีกหน่อยใบมันจะยาวขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่มีน้ำนะ น้ำไม่มี เป็นอย่างนี้เป็นไหม
นี่ก็เหมือนกัน ธรรมชาติมัน
เจโตวิมุตติ วิมุตติ แปลว่าการหลุดพ้น ต้องทำกำลังใจให้เข้มแข็ง มีสมาธิมากๆ อย่างหนึ่ง
ก็เหมือนกับต้นไม้บางชนิดต้องการให้น้ำมากๆ มันจึงจะเจริญขึ้น
แต่อีกอย่างหนึ่งไม่ต้องให้น้ำมาก ให้น้ำมาก ตาย ต้องให้น้ำน้อยๆ เพราะมันเป็นอย่างนั้น มันเจริญของมันได้อย่างนั้น
ฉะนั้นท่านจึงตรัสว่า เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ วิมุตติ การหลุดพ้นการที่จะหลุดพ้นต้องใช้ปัญญาและกำลังจิต
จิตกับปัญญาต่างกันไหม
พระ ก. : ไม่ครับ
หลวงพ่อ : ทำไมถึงแยกล่ะ ทำไมถึงแยกเป็นเจโตวิมุตติ ปัญญา วิมุตติ
พระ ก. : เป็นเพียงคำพูดครับ
หลวงพ่อ : นั่นแหละเห็นไหม ไม่อย่างนั้นเราก็ไปเที่ยวแยก เดี๋ยวก็เป็นบ้าเท่านั้นแหละ
แต่ว่ามันเอียงกันนิดหน่อยนะ จะว่าอันเดียวกันก็ไม่ใช่ คนละอันก็ไม่ใช่ ผมจะตอบอย่างนี้ถูกไหม
ผมจะตอบว่าอันเดียวกันก็ไม่ใช่ คนละอย่างก็ไม่ใช่ ผมจะตอบอย่างนี้ เอาไปพิจารณาซิ
เนื้อหาบางส่วนจาก พระธรรมเทศนาของหลวงปู่ชา สุภัทโท
อ่านเนื้อหาเต็มได้ที่
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_cha/lp-cha_71.htm
--------
เสียงธรรมคำสอนของหลวงปู่ชา สุภัทโท
(เทศน์ภาษาไทย ๑๐๕ กัณฑ์)
http://www.watnongpahpong.org/mp3play.php
(เทศน์ภาษาอีสาน ๕๕ กัณฑ์)
http://www.watnongpahpong.org/mp3playl.php
(เทศน์ภาษาอังกฤษ)
MP3 Dhamma talks by Ajahn Chah: Thai with English translation
http://www.watnongpahpong.org/mp3playt-e.php
อ่านธรรมะของหลวงปู่ได้ที่
http://www.ubu.ac.th/wat/index.php?page=acebooks
http://anuchah.com/
http://www.ebooks.in.th/ebook/21449/%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95_%5B%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B2%5D/
หลวงพ่อครับ อารมณ์กรรมฐานที่ถูกจริต ผมเคยเจริญพุทโธกับอานาปาฯ นาน จิตก็ไม่เคยสงบ ระลึกความตายก็ไม่สงบ ฯลฯ หมดปัญญา!
ระลึกความตายก็ไม่สงบ ระลึกขันธ์ ๕ ไม่สงบ หมดปัญญา!
หลวงพ่อ : วางมัน! หมดปัญญา วางมัน!
พระ ก. : เวลานั่งสมาธิ ถ้าได้สงบนิดหน่อย สัญญาเยอะแยะไปหมดจะรบกวน
หลวงพ่อ : นั่นแหละ มันไม่เที่ยง ไม่แน่ ไม่แน่ บอกมันเลย ไม่แน่ ทำไว้ในใจ ทั้งหมดอารมณ์มันไม่แน่ทั้งนั้น
ไว้ในใจเลยนะ ทำสมาธิแล้วจิตไม่สงบ ไม่แน่เหมือนกัน จิตนี้สงบแล้วไม่แน่เหมือนกัน เอามันไม่แน่นี่
ไม่ต้องเล่นกับมันทั้งนั้นแหละ อย่าเอา ปล่อยวาง สงบก็อย่าไปคิด อย่าไปเอาจริง เอาจังกับมัน ไม่สงบก็อย่าเอาจริงเอาจังกับมัน
วิญญาณัง อนิจจัง เคยอ่านไหม วิญญาณก็ไม่เที่ยง เคยได้อ่านไหมจะไปทำยังไงกับมันล่ะฮึ! สงบมันก็ไม่เที่ยง ไม่สงบมันก็ไม่เที่ยง
เราจะมีความเห็นยังไงต่อไป เรามีความรู้อยู่อย่างนี้ละ สงบก็ไม่แน่ ไม่สงบก็ไม่แน่ เราจะอยู่ยังไงถ้าจิตเราคิดอย่างนี้
ถ้าเรามีความรู้อยู่อย่างนี้ละ ความสงบมาก็รู้ว่าอันนี้มันไม่แน่ ไม่สงบมา เราก็รู้มันไม่แน่ความรู้สึกเราอยู่อย่างไร ตรงนั้น รู้ไหม
พระ ก. : ไม่ทราบครับ
หลวงพ่อ : ก็ดูตรงนั้นสิ มันสงบได้กี่วัน ที่ว่านั่งไม่สงบไม่แน่ หรือมันสงบดีจัง ไม่แน่เหมือนกัน
เอาสิ! มันจะอยู่ตรงไหน ไล่มันสิไล่จี้เข้าไป อยู่ตรงนี้แหละ ไม่ต้องไปไหน เดี๋ยวสงบ เท่านั้นแหละ ภาวนาพุทโธก็ไม่สงบ
อานาปานสติก็ไม่สงบ ก็ไปยึดไม่สงบนั่นแหละ ถ้าเราภาวนาพุธโธ...พุทโธไม่สงบไม่แน่เหมือนกัน อานาปานาสติไม่สงบ
ไม่แน่เหมือนกันไม่เล่นกับมันทั้งนั้นแหละ มันสงบก็ไม่เล่นกับมันละ มันหลอกลวงนี่ มีแต่ความหมายมั่นทั้งนั้นแหละ
เราต้องฉลาดกับมันสักนิดหนึ่งสิ ถ้ามันสงบล่ะก็ เออ! ใช่แล้ว ไม่สงบก็ ฮึ! วุ่นวาย จะไปสู้มันได้อะไร มันสงบ รู้ว่ามันสงบแล้วนะ
ไม่แน่! ไม่สงบ ดูมันแล้วไม่สงบ ก็อย่างนั้นแหละ ไม่แน่เหมือนกัน
ถ้าเรามีความรู้สึกอย่างนี้มันจะยุบลงเดี๋ยวนั้นเลยแหละ เมื่อเราทวงมัน เมื่อมันไม่สงบ นี่ก็ไม่แน่เหมือนกัน ยุบลงเดี๋ยวนั้นทีเดียวละ
เอียง เรือต้องเอียงเลย ลองซิ เราไม่ทันมันนี่ เดี๋ยวเราจะเอาอย่างนั้น ไม่แน่เหมือนกัน ยุบเลยเอ้า! ลองดูซิ ทวงมันเข้าไป นี่ไม่ทวงมันนี่
คลำมันไป ให้มันวิ่ง แล้วก็คลำๆ มันไปเรื่อยอย่างนั้น ไม่ทวงมัน ใส่มันเข้าไปเลย อย่าให้มันอยู่ แต่เมื่อผมเทศน์ให้ฟังก็ร้อง
โอ๊ย! หลวงพ่อนี่เทศน์แต่เรื่องไม่แน่ทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวก็เบื่อลุกหนี ไปแล้วนะ ไปฟังเทศน์ หลวงพ่อก็เทศน์แต่เรื่องไม่แน่ทั้งนั้นแหละ
เบื่อแล้วก็ไปหาให้มันแน่ดูซิ เออ! เดี๋ยวก็กลับมาอีกแล้ว ลองจำไว้ในใจสิคำผมพูด ไปเถอะไป ถ้าไม่เห็นอย่างผมว่านี่ ไม่สงบเลย
ไม่สบาย ไม่มีที่จะอยู่หรอก
ทำสมาธิให้มากน่ะผมก็เห็นด้วยเหมือนกัน เจโตวิมุตตี ปัญญาวิมุตติ รู้ไหม คำพูดนี้รู้ไหม
วิมุตติ แปลว่า การหลุดพ้นจากอาสวะ มี ๒ อย่าง
เจโตวิมุตติ อำนาจของจิตมากที่สุด คือ เรื่องสมาธิมากจึงทำปัญญาเกิดได้ ปัญญา วิมุตติ ทำสมาธิพอเป็นรากฐาน
เหมือนต้นไม้นี่เห็นไหมบางชนิดเอาน้ำใส่ มันบานขึ้นมานะ บางต้นเอาน้ำใส่ ตาย ต้องใส่แต่น้อยๆ พอดีๆ เห็นไหมนั่นต้นสน
สนฉัตรน่ะ ไปเอาน้ำใส่มาก ๆ ตายนะ ใส่แต่น้อยๆ ไม่รู้มันเป็นอะไร
แต่อย่างต้นนี้ ดูซิ แห้งออกอย่างนี้ มันขึ้นมาได้ยังไง ลองคิดดูซิ มันจะได้น้ำมาจากไหน ใบมันจึงใหญ่จึงโต
อย่างนี้บางต้นนี้มันน่าจะตาย อีกอย่างหนึ่งเขาปลูกแขวนเอาไว้รากมันห้อยลงมากินลม มันน่าจะตายนะ
ถ้าเป็นไม้ธรรมดามันคงแห้งไปหมดแล้ว นี่อีกหน่อยใบมันจะยาวขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่มีน้ำนะ น้ำไม่มี เป็นอย่างนี้เป็นไหม
นี่ก็เหมือนกัน ธรรมชาติมัน
เจโตวิมุตติ วิมุตติ แปลว่าการหลุดพ้น ต้องทำกำลังใจให้เข้มแข็ง มีสมาธิมากๆ อย่างหนึ่ง
ก็เหมือนกับต้นไม้บางชนิดต้องการให้น้ำมากๆ มันจึงจะเจริญขึ้น
แต่อีกอย่างหนึ่งไม่ต้องให้น้ำมาก ให้น้ำมาก ตาย ต้องให้น้ำน้อยๆ เพราะมันเป็นอย่างนั้น มันเจริญของมันได้อย่างนั้น
ฉะนั้นท่านจึงตรัสว่า เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ วิมุตติ การหลุดพ้นการที่จะหลุดพ้นต้องใช้ปัญญาและกำลังจิต
จิตกับปัญญาต่างกันไหม
พระ ก. : ไม่ครับ
หลวงพ่อ : ทำไมถึงแยกล่ะ ทำไมถึงแยกเป็นเจโตวิมุตติ ปัญญา วิมุตติ
พระ ก. : เป็นเพียงคำพูดครับ
หลวงพ่อ : นั่นแหละเห็นไหม ไม่อย่างนั้นเราก็ไปเที่ยวแยก เดี๋ยวก็เป็นบ้าเท่านั้นแหละ
แต่ว่ามันเอียงกันนิดหน่อยนะ จะว่าอันเดียวกันก็ไม่ใช่ คนละอันก็ไม่ใช่ ผมจะตอบอย่างนี้ถูกไหม
ผมจะตอบว่าอันเดียวกันก็ไม่ใช่ คนละอย่างก็ไม่ใช่ ผมจะตอบอย่างนี้ เอาไปพิจารณาซิ
เนื้อหาบางส่วนจาก พระธรรมเทศนาของหลวงปู่ชา สุภัทโท
อ่านเนื้อหาเต็มได้ที่ http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_cha/lp-cha_71.htm
--------
เสียงธรรมคำสอนของหลวงปู่ชา สุภัทโท
(เทศน์ภาษาไทย ๑๐๕ กัณฑ์)
http://www.watnongpahpong.org/mp3play.php
(เทศน์ภาษาอีสาน ๕๕ กัณฑ์)
http://www.watnongpahpong.org/mp3playl.php
(เทศน์ภาษาอังกฤษ)
MP3 Dhamma talks by Ajahn Chah: Thai with English translation
http://www.watnongpahpong.org/mp3playt-e.php
อ่านธรรมะของหลวงปู่ได้ที่
http://www.ubu.ac.th/wat/index.php?page=acebooks
http://anuchah.com/
http://www.ebooks.in.th/ebook/21449/%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95_%5B%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B2%5D/