Wattana Stock Page
KTIS - น้ำตาลพรีเมี่ยม ไม่รู้ว่าอ้อยปลูกบนสวรรค์หรือเปล่า ถึงได้กล้าขายราคาเท่านี้
ไม่ขอพูดอะไรมากนะครับ บอกเลยว่า ผมได้อ่าน filing ของ KTIS แล้วถึงกับมึนเลยทีเดียว เป็นอะไรที่ต้องทำความเข้าใจกับมันเยอะมาก
KTIS เป็นผู้ผลิตน้ำตลาดอันดับ 3 ของไทย แต่ไม่มีสินค้ามาขายในค้าปลีก เพราะเป็นการส่งให้ภาคอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมด ถ้าผมจำไม่ผิดจะส่งน้ำตลาดให้กับผู้ผลิตโค้ก กับเป๊ปซี่ด้วย
แต่ถึงแม้จะเป็นผู้ผลิตน้ำตลาดอันดับ 3 ซึ่งใหญ่กว่า KSL ซึ่งเป็นอันดับ 4 และ KBS ที่เป็นอันดับ 7 ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเทรดที่ PE สูงกว่า KSL KBS ได้ขนาดนั้น เพราะอะไร??
เพราะธุรกิจน้ำตาลบ้านเรานั้น ไม่ได้สามารถทำธุรกิจอย่างอิสระได้ จะมีส่วนที่จำเป็นต้องขายในประเทศและถูกควบคุมราคา ที่เหลือจึงจะสามารถส่งออกได้ และราคาก็เป็นไปตามราคาตลาดโลก นั่นทำให้ธุรกิจนี้หาความหวือหวาลำบาก
และด้วยความที่เป็น soft commodity ทำให้ราคาค่อนข้างผันผวน และมีความเป็น Cycle น้อยมาก แต่ราคาสูงต่ำจะขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ และผลผลิตอ้อยเสียมากกว่า
การขาย IPO ที่ราคา 10 บาทนี้ คาดว่าน่าจะเป็นข้อตกลงอะไรบางอย่าง เพราะจากที่ผมอ่านใน filing มา บริษัทนี้เคยประสบปัญหามาก่อน แต่แล้วก็ได้เม็ดเงินจากนักลงทุนชาวสิงคโปร์เข้ามาประคองไว้ จนสามารถปรับโครงสร้างของบริษัทในกลุ่มจนทำให้สามารถรอดพ้นและนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดได้
อย่างไรก็ตามการปรับโครงสร้างองค์กรยังไม่จบที่ตรงนี้ หลัง IPO แล้วจะมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นกันต่อไปอีกราว 1 ปี จนกลุ่มนักลงทุนชาวสิงคโปร์จะมีสัดส่วนการถือหุ้นใน KTIS ราว 30%
จึงเชื่อว่า ราคา IPO ที่ 10 บาทนี้ ไม่ได้เป็นการประเมินโดยใช้วิธีอะไรหรอก แต่เป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่งที่เจ้าของเดิมทำไว้กับนักลงทุนชาวสิงคโปร์เสียมากกว่า
นั่นแสดงว่า KTIS อาจไม่ได้ต้องการเอาบริษัทเข้าจดทะเบียนอย่างแท้จริงก็เป็นได้ เหมือนกับน้ำตลาดมิตรผลที่เป็นเบอร์หนึ่งของตลาด แต่ก็ไม่คิดที่จะเอาธุรกิจเข้าจดทะเบียน แต่การที่ KTIS ต้องเข้าจดทะเบียนก็เพียงเพราะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างองค์กร ราคา IPO จึงออกมาเช่นนี้
จำนวนหุ้นที่ขายครั้งนี้ สูงถึง 957.8 ล้านหุ้น โดยมีส่วน IPO เพียง 585 ล้านหุ้น และที่เหลือเป็นหุ้นส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมที่เอาออกมาขาย
ถ้าพูดกันตรงๆ ก็ต้องบอกว่า ผมไม่ได้จองหุ้นตัวนี้ เพราะผมเห็นว่ามัน "โคตรแพง" ยิ่งถ้าบอกว่าเป็นธุรกิจน้ำตาล ผมมองไม่ออกว่าทำไมผมต้องให้พรีเมี่ยมกับ KTIS เหนือกว่า KSL KBS ทั้งๆที่ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจควบคุมโดยรัฐ!!!
แต่ ผมได้ยินมาว่า มีขาใหญ่วิ่งเข้าไปขอหุ้นตัวนี้จากแกนนำการจัดจำหน่ายด้วยนะ ก็ไม่รู้ว่าเขามองเห็นอะไรในบริษัท เขาถึงอยากได้หุ้น แต่จำนวนขนาดนี้ มันไม่น่าเหมาะกับการเก็งกำไรอย่างสนุกมือได้
อ้อ หลายคนอาจสงสัย ทำไมที่ปรึกษาการเงินเป็นกสิกร แต่แกนนำจัดจำหน่ายเป็น KTZMICO นั่นก็เพราะมันไม่จำเป็นต้องเป็นคนเดียวกันไงล่ะ ให้เจ้าหนึ่งเป็นที่ปรึกษา แต่ให้อีกเจ้าหนึ่งเป็นแกนนำขายก็ทำได้นะครับ ไม่ต้องงง
ขอบคุณ Wattana Stock Page
หุ้น KTIS
KTIS - น้ำตาลพรีเมี่ยม ไม่รู้ว่าอ้อยปลูกบนสวรรค์หรือเปล่า ถึงได้กล้าขายราคาเท่านี้
ไม่ขอพูดอะไรมากนะครับ บอกเลยว่า ผมได้อ่าน filing ของ KTIS แล้วถึงกับมึนเลยทีเดียว เป็นอะไรที่ต้องทำความเข้าใจกับมันเยอะมาก
KTIS เป็นผู้ผลิตน้ำตลาดอันดับ 3 ของไทย แต่ไม่มีสินค้ามาขายในค้าปลีก เพราะเป็นการส่งให้ภาคอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมด ถ้าผมจำไม่ผิดจะส่งน้ำตลาดให้กับผู้ผลิตโค้ก กับเป๊ปซี่ด้วย
แต่ถึงแม้จะเป็นผู้ผลิตน้ำตลาดอันดับ 3 ซึ่งใหญ่กว่า KSL ซึ่งเป็นอันดับ 4 และ KBS ที่เป็นอันดับ 7 ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเทรดที่ PE สูงกว่า KSL KBS ได้ขนาดนั้น เพราะอะไร??
เพราะธุรกิจน้ำตาลบ้านเรานั้น ไม่ได้สามารถทำธุรกิจอย่างอิสระได้ จะมีส่วนที่จำเป็นต้องขายในประเทศและถูกควบคุมราคา ที่เหลือจึงจะสามารถส่งออกได้ และราคาก็เป็นไปตามราคาตลาดโลก นั่นทำให้ธุรกิจนี้หาความหวือหวาลำบาก
และด้วยความที่เป็น soft commodity ทำให้ราคาค่อนข้างผันผวน และมีความเป็น Cycle น้อยมาก แต่ราคาสูงต่ำจะขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ และผลผลิตอ้อยเสียมากกว่า
การขาย IPO ที่ราคา 10 บาทนี้ คาดว่าน่าจะเป็นข้อตกลงอะไรบางอย่าง เพราะจากที่ผมอ่านใน filing มา บริษัทนี้เคยประสบปัญหามาก่อน แต่แล้วก็ได้เม็ดเงินจากนักลงทุนชาวสิงคโปร์เข้ามาประคองไว้ จนสามารถปรับโครงสร้างของบริษัทในกลุ่มจนทำให้สามารถรอดพ้นและนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดได้
อย่างไรก็ตามการปรับโครงสร้างองค์กรยังไม่จบที่ตรงนี้ หลัง IPO แล้วจะมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นกันต่อไปอีกราว 1 ปี จนกลุ่มนักลงทุนชาวสิงคโปร์จะมีสัดส่วนการถือหุ้นใน KTIS ราว 30%
จึงเชื่อว่า ราคา IPO ที่ 10 บาทนี้ ไม่ได้เป็นการประเมินโดยใช้วิธีอะไรหรอก แต่เป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่งที่เจ้าของเดิมทำไว้กับนักลงทุนชาวสิงคโปร์เสียมากกว่า
นั่นแสดงว่า KTIS อาจไม่ได้ต้องการเอาบริษัทเข้าจดทะเบียนอย่างแท้จริงก็เป็นได้ เหมือนกับน้ำตลาดมิตรผลที่เป็นเบอร์หนึ่งของตลาด แต่ก็ไม่คิดที่จะเอาธุรกิจเข้าจดทะเบียน แต่การที่ KTIS ต้องเข้าจดทะเบียนก็เพียงเพราะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างองค์กร ราคา IPO จึงออกมาเช่นนี้
จำนวนหุ้นที่ขายครั้งนี้ สูงถึง 957.8 ล้านหุ้น โดยมีส่วน IPO เพียง 585 ล้านหุ้น และที่เหลือเป็นหุ้นส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมที่เอาออกมาขาย
ถ้าพูดกันตรงๆ ก็ต้องบอกว่า ผมไม่ได้จองหุ้นตัวนี้ เพราะผมเห็นว่ามัน "โคตรแพง" ยิ่งถ้าบอกว่าเป็นธุรกิจน้ำตาล ผมมองไม่ออกว่าทำไมผมต้องให้พรีเมี่ยมกับ KTIS เหนือกว่า KSL KBS ทั้งๆที่ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจควบคุมโดยรัฐ!!!
แต่ ผมได้ยินมาว่า มีขาใหญ่วิ่งเข้าไปขอหุ้นตัวนี้จากแกนนำการจัดจำหน่ายด้วยนะ ก็ไม่รู้ว่าเขามองเห็นอะไรในบริษัท เขาถึงอยากได้หุ้น แต่จำนวนขนาดนี้ มันไม่น่าเหมาะกับการเก็งกำไรอย่างสนุกมือได้
อ้อ หลายคนอาจสงสัย ทำไมที่ปรึกษาการเงินเป็นกสิกร แต่แกนนำจัดจำหน่ายเป็น KTZMICO นั่นก็เพราะมันไม่จำเป็นต้องเป็นคนเดียวกันไงล่ะ ให้เจ้าหนึ่งเป็นที่ปรึกษา แต่ให้อีกเจ้าหนึ่งเป็นแกนนำขายก็ทำได้นะครับ ไม่ต้องงง
ขอบคุณ Wattana Stock Page