สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
Dior เป็นยี่ห้อที่เราว่าเค้าดูแลและใส่ใจ Member ที่สุดค่ะ
มี Double Point เดือนเกิดได้ 1 ครั้ง/ปี
มี SMS และจดหมายเชิญให้ไปนวดหน้าและรับ Sample สินค้าใหม่
แต่งหน้า ทาเล็บ ได้ตลอด BA ใจดี น่ารัก บางช่วงมีช่างเพนท์เล็บ
Member ของ Dior จะมีแบ่ง Level ของสมาชิกตามยอดซื้อสะสมในแต่ละปีด้วยค่ะ
ถ้าเป็นระดับ Platinum ก็ราวๆ > 2 แสนบาท ต่อ 2 ปีค่ะ
ถ้าเป็นระดับ Elite ก็ราวๆ > 5 แสนบาท ต่อ 2 ปีค่ะ
ของเราได้แค่ Platinum ก็จะได้เพิ่มจากปกติแค่ว่า Dior Magazine ส่งที่บ้าน
และได้ Sample ตัวที่ดีๆหน่อย และไซส์ใหญ่กว่า Sample ทั่วไป
BA ชวนให้ upgrade เป็น Elite อยู่ แต่เราว่าสิทธิพิเศษที่จะได้เพิ่มมาก็ไม่เห็นจะน่าสนใจอะไร
Elite จะได้เพิ่มประมาณงานจิบน้ำชาและนวดหน้าที่โรงแรมสุโขทัยปีละ 1-2 ครั้ง หรืออาจจะมีบัตรละครเวทีแจกค่ะ
ป.ล. เราว่าจริงๆแล้วคอร์สนวดหน้า Dior ราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆค่ะ
เพราะเหมือนเค้าจะเป็นกึ่งๆ Benefit ให้ Member อยู่แล้ว คือไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้าทุกชิ้น ทุก Step การนวด
ซื้อแค่ครีมนวดหน้า, Mask, Serum, One Essential ก็นวดได้ละค่ะ ซึ่งครีมนวดหน้าจะหมดเร็วมาก ราวๆ 5 ครั้งก็หมดกระปุกละ
แต่ใช้วิธีซื้อเพิ่มเฉพาะตัวที่หมดได้ค่ะ
เท่าที่เคยเป็น Member ของเครื่องสำอางมา แบรนด์ที่มีโปรโมชั่นให้นวดหน้าฟรีบ่อยสุดจะเป็น Clarins ค่ะ
BA จะขยันโทรฯตามให้ไปนวดหน้าฟรี
ส่วนแบรนด์ที่ Double Point/ Triple Point กระจาย ก็ Lancome ค่ะ เราไม่ค่อยได้ซื้อเท่าไหร่ แต่ได้แลกของสมาชิกปลายปี Level สูงๆตลอด
ปีที่แล้วซื้อไปจริงๆแค่ราวๆ 1 แสน แต่ได้คูณ Point จนได้ของแลกเป็น Step สูงสุดเลยค่ะ
ซึ่งของแถมของ Lancome ถึงจะเป็นตัว Step สูงสุด ได้สินค้าไซส์จริงหลายชนิด
แต่มันจะมาในกล่องที่ไม่ซีลและมีสติ๊กเกอร์แปะที่ข้างกล่องว่า Tester not for sale
ข้อดี คือ รอของแลกปลายปีไม่นาน
ส่วนของแลกของ Dior จะดูดีกว่าค่ะ มาในกล่องสวยๆ และแลกได้ตลอดทั้งปี ถ้าคะแนนถึงก็แลกได้เลย
ไม่ต้องรอปลายปี แต่ว่ามีระยะเวลาที่ต้องรอของแลกนานมากๆ
เคยถาม BA บอกว่าต้องรอรวมๆหลายๆ Order เบิกของจากฝรั่งเศส ก็เลยใช้เวลานาน
ส่วน Clarins รอของแลกนานนนนน มากๆ แถมสะสมยอดข้ามเคาท์เตอร์ไม่ได้ด้วยค่ะ
แถมอีกยี่ห้อละกันค่ะ ถ้ายี่ห้อ Clinique เนี่ยส่วนมากก็จะมี Mask หน้าฟรีค่ะ
นวดหน้าต้องซื้อคอร์ส หรือไม่ก็ซื้อสินค้าใน Line เดียวกันทั้ง Set ยอดเป็นหมื่น แล้ว BA จะแถมบัตรนวดหน้ามาให้ค่ะ
แต่บางทีก็ไม่ให้ ก็ต้องลองอ้อนๆขอนะคะ และมี Double Point/ Triple Point บ้าง แต่ไม่บ่อยเท่า Lancome
ของแลกปลายปีของ Clinique ก็ดีพอสมควร ระยะเวลารอ บางปีก็แค่ 1 เดือนกว่าๆ บางปีก็ 2 เดือนกว่าๆค่ะ
ข้อเสียของคอร์lนวดหน้า Clinique คือ จะได้ของแถมน้อยค่ะ ถึงแม้คอร์สนวดหน้าจะ ราวๆ 1 หมื่นกว่าบาท
แต่จะได้ของแถมแค่ Step สูงสุด 1 Set เท่านั้นค่ะ ไม่ได้จำนวน Set ตามราคาจริงของคอร์สนวดหน้า เพราะเค้าถือว่านวดแถมให้แล้ว
ส่วน Nars, Mac, Shu, YSL, Three เราก็เฉยๆนะคะ ประมาณแต่งหน้าฟรี แต่ต้องนัดล่วงหน้า และบางแบรนด์ก็ออกแนวงี่เง่า
ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่กับการเป็น Member
Nars ได้บัตรแต่งหน้าตอนที่สมัครสมาชิก 6 ครั้ง/ปี ของแลกสมาชิกปลายปีก็ดูงั้นๆ ยิ่งถ้าของแลก Step ต้นๆ ยิ่งดูกระโหลกกะลา
ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆค่ะ จะมี Double Point เดือนเกิด และบางช่วงค่ะ
ได้ของเล็กๆน้อยๆช่วงเดือนเกิดค่ะ
Mac ไม่มีของแถม ของแลกปลายปี แต่ยอดซื้อต่อครั้งทุกๆ 5,000 บาท จะได้บัตรแต่งหน้า 1 ใบค่ะ
Shu ก็ประมาณว่าได้บัตรสมาชิก ไว้ไปแต่งหน้าหรือกันคิ้วน่ะค่ะ ของแลกปลายปีก็ถือว่าดีพอใช้ และไม่นาน
เคยได้ของที่แลกทันทีเดี๋ยวนั้นเลยตอนที่ไปซื้อเพิ่มเพื่อปิดยอด จะมี Double Point เดือนเกิด และบางช่วงค่ะ
ได้ของเล็กๆน้อยๆช่วงเดือนเกิดค่ะ
YSL กับ Three ก็ได้บัตรแต่งหน้าค่ะ ส่วนของแลกสมาชิกยังไม่ทราบว่าประมาณไหน
พอดีว่าเพิ่งสมัครไว้ของปีนี้เอง
อีกแบรนด์ที่เค้าว่ากันว่าดี คือ Chanel แต่ยอดซื้อต้องเยอะมาก แบรนด์นี้เราซื้อน้อยกว่าแบรนด์อื่น ก็เลยยังไม่ทราบว่ามีอะไรบ้างที่ว่าดีมากๆ
ทั่วๆไปก็แค่รับ Sample และรับของแจกเดือนเกิดกับปลายปี ซึ่งเค้าจะจัดให้เองตามยอดซื้อ
และเคยรู้มาว่าเฉพาะที่สาขาชิดลมมั้งคะ ที่จะมี Cabin นวดหน้า ประมาณว่าถ้าซื้อ Skin Care ยอดหลายๆหมื่น ในบิลเดียวกัน
จะได้แถมเป็นนวดหน้าหลายครั้งอยู่เหมือนกัน และมีให้เลือกนวดได้หลายแบบ
ตอบหลายแบรนด์เพราะคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์เผื่อท่านอื่นๆค่ะ
ป.ล. ขออนุญาตแก้ไขคำพิมพ์ผิดค่ะ
มี Double Point เดือนเกิดได้ 1 ครั้ง/ปี
มี SMS และจดหมายเชิญให้ไปนวดหน้าและรับ Sample สินค้าใหม่
แต่งหน้า ทาเล็บ ได้ตลอด BA ใจดี น่ารัก บางช่วงมีช่างเพนท์เล็บ
Member ของ Dior จะมีแบ่ง Level ของสมาชิกตามยอดซื้อสะสมในแต่ละปีด้วยค่ะ
ถ้าเป็นระดับ Platinum ก็ราวๆ > 2 แสนบาท ต่อ 2 ปีค่ะ
ถ้าเป็นระดับ Elite ก็ราวๆ > 5 แสนบาท ต่อ 2 ปีค่ะ
ของเราได้แค่ Platinum ก็จะได้เพิ่มจากปกติแค่ว่า Dior Magazine ส่งที่บ้าน
และได้ Sample ตัวที่ดีๆหน่อย และไซส์ใหญ่กว่า Sample ทั่วไป
BA ชวนให้ upgrade เป็น Elite อยู่ แต่เราว่าสิทธิพิเศษที่จะได้เพิ่มมาก็ไม่เห็นจะน่าสนใจอะไร
Elite จะได้เพิ่มประมาณงานจิบน้ำชาและนวดหน้าที่โรงแรมสุโขทัยปีละ 1-2 ครั้ง หรืออาจจะมีบัตรละครเวทีแจกค่ะ
ป.ล. เราว่าจริงๆแล้วคอร์สนวดหน้า Dior ราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆค่ะ
เพราะเหมือนเค้าจะเป็นกึ่งๆ Benefit ให้ Member อยู่แล้ว คือไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้าทุกชิ้น ทุก Step การนวด
ซื้อแค่ครีมนวดหน้า, Mask, Serum, One Essential ก็นวดได้ละค่ะ ซึ่งครีมนวดหน้าจะหมดเร็วมาก ราวๆ 5 ครั้งก็หมดกระปุกละ
แต่ใช้วิธีซื้อเพิ่มเฉพาะตัวที่หมดได้ค่ะ
เท่าที่เคยเป็น Member ของเครื่องสำอางมา แบรนด์ที่มีโปรโมชั่นให้นวดหน้าฟรีบ่อยสุดจะเป็น Clarins ค่ะ
BA จะขยันโทรฯตามให้ไปนวดหน้าฟรี
ส่วนแบรนด์ที่ Double Point/ Triple Point กระจาย ก็ Lancome ค่ะ เราไม่ค่อยได้ซื้อเท่าไหร่ แต่ได้แลกของสมาชิกปลายปี Level สูงๆตลอด
ปีที่แล้วซื้อไปจริงๆแค่ราวๆ 1 แสน แต่ได้คูณ Point จนได้ของแลกเป็น Step สูงสุดเลยค่ะ
ซึ่งของแถมของ Lancome ถึงจะเป็นตัว Step สูงสุด ได้สินค้าไซส์จริงหลายชนิด
แต่มันจะมาในกล่องที่ไม่ซีลและมีสติ๊กเกอร์แปะที่ข้างกล่องว่า Tester not for sale
ข้อดี คือ รอของแลกปลายปีไม่นาน
ส่วนของแลกของ Dior จะดูดีกว่าค่ะ มาในกล่องสวยๆ และแลกได้ตลอดทั้งปี ถ้าคะแนนถึงก็แลกได้เลย
ไม่ต้องรอปลายปี แต่ว่ามีระยะเวลาที่ต้องรอของแลกนานมากๆ
เคยถาม BA บอกว่าต้องรอรวมๆหลายๆ Order เบิกของจากฝรั่งเศส ก็เลยใช้เวลานาน
ส่วน Clarins รอของแลกนานนนนน มากๆ แถมสะสมยอดข้ามเคาท์เตอร์ไม่ได้ด้วยค่ะ
แถมอีกยี่ห้อละกันค่ะ ถ้ายี่ห้อ Clinique เนี่ยส่วนมากก็จะมี Mask หน้าฟรีค่ะ
นวดหน้าต้องซื้อคอร์ส หรือไม่ก็ซื้อสินค้าใน Line เดียวกันทั้ง Set ยอดเป็นหมื่น แล้ว BA จะแถมบัตรนวดหน้ามาให้ค่ะ
แต่บางทีก็ไม่ให้ ก็ต้องลองอ้อนๆขอนะคะ และมี Double Point/ Triple Point บ้าง แต่ไม่บ่อยเท่า Lancome
ของแลกปลายปีของ Clinique ก็ดีพอสมควร ระยะเวลารอ บางปีก็แค่ 1 เดือนกว่าๆ บางปีก็ 2 เดือนกว่าๆค่ะ
ข้อเสียของคอร์lนวดหน้า Clinique คือ จะได้ของแถมน้อยค่ะ ถึงแม้คอร์สนวดหน้าจะ ราวๆ 1 หมื่นกว่าบาท
แต่จะได้ของแถมแค่ Step สูงสุด 1 Set เท่านั้นค่ะ ไม่ได้จำนวน Set ตามราคาจริงของคอร์สนวดหน้า เพราะเค้าถือว่านวดแถมให้แล้ว
ส่วน Nars, Mac, Shu, YSL, Three เราก็เฉยๆนะคะ ประมาณแต่งหน้าฟรี แต่ต้องนัดล่วงหน้า และบางแบรนด์ก็ออกแนวงี่เง่า
ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่กับการเป็น Member
Nars ได้บัตรแต่งหน้าตอนที่สมัครสมาชิก 6 ครั้ง/ปี ของแลกสมาชิกปลายปีก็ดูงั้นๆ ยิ่งถ้าของแลก Step ต้นๆ ยิ่งดูกระโหลกกะลา
ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆค่ะ จะมี Double Point เดือนเกิด และบางช่วงค่ะ
ได้ของเล็กๆน้อยๆช่วงเดือนเกิดค่ะ
Mac ไม่มีของแถม ของแลกปลายปี แต่ยอดซื้อต่อครั้งทุกๆ 5,000 บาท จะได้บัตรแต่งหน้า 1 ใบค่ะ
Shu ก็ประมาณว่าได้บัตรสมาชิก ไว้ไปแต่งหน้าหรือกันคิ้วน่ะค่ะ ของแลกปลายปีก็ถือว่าดีพอใช้ และไม่นาน
เคยได้ของที่แลกทันทีเดี๋ยวนั้นเลยตอนที่ไปซื้อเพิ่มเพื่อปิดยอด จะมี Double Point เดือนเกิด และบางช่วงค่ะ
ได้ของเล็กๆน้อยๆช่วงเดือนเกิดค่ะ
YSL กับ Three ก็ได้บัตรแต่งหน้าค่ะ ส่วนของแลกสมาชิกยังไม่ทราบว่าประมาณไหน
พอดีว่าเพิ่งสมัครไว้ของปีนี้เอง
อีกแบรนด์ที่เค้าว่ากันว่าดี คือ Chanel แต่ยอดซื้อต้องเยอะมาก แบรนด์นี้เราซื้อน้อยกว่าแบรนด์อื่น ก็เลยยังไม่ทราบว่ามีอะไรบ้างที่ว่าดีมากๆ
ทั่วๆไปก็แค่รับ Sample และรับของแจกเดือนเกิดกับปลายปี ซึ่งเค้าจะจัดให้เองตามยอดซื้อ
และเคยรู้มาว่าเฉพาะที่สาขาชิดลมมั้งคะ ที่จะมี Cabin นวดหน้า ประมาณว่าถ้าซื้อ Skin Care ยอดหลายๆหมื่น ในบิลเดียวกัน
จะได้แถมเป็นนวดหน้าหลายครั้งอยู่เหมือนกัน และมีให้เลือกนวดได้หลายแบบ
ตอบหลายแบรนด์เพราะคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์เผื่อท่านอื่นๆค่ะ
ป.ล. ขออนุญาตแก้ไขคำพิมพ์ผิดค่ะ
แสดงความคิดเห็น
เป็น Member Dior ได้สิทธิพอเศษอะไรบ้าง
เลยอยากทราบว่ามีสิทธิพิเศษอะไรนอกเหนือจากแลกของรางวัลมั้ยคะ แบบแต่งหน้า นวดหน้า อะไรแบบนี้อ่าค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ