รำลึกความหลัง 26 ปี ลากันที You'll never walk alone กะทู้จากคนที่ไม่ใช่แฟนหงส์ (อีกแล้ว)

จำได้เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว สมัยที่ยังดีดลูกหินเล่นลูกแก้วไม่ประสีประสา เด็กชายคนหนึ่งก็ได้ถูกผลักดันจากพ่อบังเกิดเกล้าให้สืบต่อสายเลือดเร้ดแมชชีน ซึ่งตอนนั้นยุคสมัย 70-80 เป็นยุคสมัยที่หงส์แดงร้อนแรงที่สุด แต่ด้วยความที่เด็กเกินไป ไม่เข้าใจรูปเกมส์ หรือที่เรียกว่า “ยังดูบอลไม่เป็น” ตอนนั้น ผมตกในภาวะเป็นแฟนหงส์ตามกระแสคนรอบข้างอย่างพ่อมากกว่า

         แต่หากให้นับจริงๆว่าตัวเองเป็นแฟนหงส์ตั้งแต่เมื่อไร ผมคงเริ่มนับตอนอายุ 13 เข้า ม.1 พอดี แล้วก็ตรงกับสามปีสุดท้ายที่เคนนี่ ดัลกลิชยังคุมทีมอยู่ ซึ่งสำหรับผมนั้นเป็นจุดแรกที่สัมผัสด้วยตัวเองถึงความยิ่งใหญ่ของสโมสรแห่งนี้ กับแชมป์สองสมัยในรอบสามปี ที่ผมเริ่มเป็นแฟนหงส์แบบแท้จริง เสื้อลิเวอร์พูลตัวแรกของผมก็มีในช่วงนี้ พ่อซื้อเสื้อ ของ เบียดรีย์ เบอร์ 7 ยี่ห้อ อดิดาส ลดราคาในเมืองไทยให้ โลโก้สปอนเซอร์สมัยนั้น ยังเป็น Candy อยู่เลย

         เอียน รัชและจอห์น อัลดริดจ์ คือคู่กองหน้าขวัญใจสองคนแรกของผม แม้จะเป็นระยะสั้นๆที่สองคนนี้เล่นคู่กัน แต่ในช่วงนั้น ทำให้ผมรู้สึกว่า โตขึ้นผมจะต้องมีหนวดให้ได้

         แต่ช่วงระยะเวลาแห่งความปลื้มปิติของผมก็ต้องหยุดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อ เคนนี่ ดัลกลิช วางมือ และส่งไม้ต่อให้อีกอดีตตำนานสโมสรอีกคนอย่าง แกรม ซูเนส ทำหน้าที่แทน ลิเวอร์พูลที่เคยยิ่งใหญ่มาตลอดทศวรรษ 80 ก็ต้องจบลงด้วยฝีมือของ ซูเนส ทั้งที่สตาร์ดังในทีมก็ยังอยู่เกือบครบ ทั้ง เอียน รัช  ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ สตีฟ นิโคล อลัน แฮนเซ่น แจน โมลบี้ บรู๊ซ กร๊อบเบลล่าร์ และใครต่อใครอีกหลายคนก็ยังอยู่

         สปอนเซอร์บนเสื้อจาก Candy ก็เปลี่ยนเป็น Carlsberg แฟนบอลหงส์ในยุคซูเนสเลยต้องเมามายอยู่กับความยิ่งใหญ่ในครั้งอดีต และเมื่อเหล่าตัวเก๋าลาจากไป ความหวังใหม่ก็มาผุดขึ้นในยุค เชราร์ อุลลิเยร์ เหล่าพลพรรค สไปร์ท บอย ที่ถูกพลักดันขึ้นชุดใหญ่ด้วยเวลาอันรวมเร็ว อย่าง ฟาวเลอร์ เร้ดแนป แมํคมานามาน แมคเคทเคียร์ เดวิด เจมส์ ก็จุดประกายความหวังให้พลพรรคเร้ด แม้ชชีนอีกครั้ง และดูน่าจะสดใสเมื่อตอนหลังมี โอเว่น แจ้งเกิดเข้ามาทันยุคนี้

     เสื้อลิเวอร์พูลตัวที่สอง ที่ผมไม่ต้องแบมือขอเงินพ่อซื้อแล้วแต่เก็บค่าขนมช่วงม.ปลาย ก็ซื้อในยุคนี้ กับเสื้อสีแดงลายก้างปลา3ขีด เบอร์ 17 ของแม๊คก้า

     และมันก็เป็นแค่เพียงความหวัง ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง อย่างที่รู้กันว่า ลิเวอร์พูลไม่เคยประสบสำเร็จในลีคอีกเลย นับจาก ดัลกลิช จากไป แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังมุ่งมั่นปักใจเชียร์ เร้ด แมชชีน ของผมอยู่ทีมเดียว ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปไหน และยังจำได้ทุกความหวังที่แวะเวียนเข้ามาข้องเกี่ยวกับสโมสรที่รักแห่งนี้ ได้แทบทั้งหมด

     ไม่ว่าจะเป็นกองหน้าอารมณ์ศิลปินอย่าง สแตน คอลีมอร์ หรือ ปีกกระดูกยูง อย่าง แฮร์รี่ คีเวล อดีตเวิล์ด คลาสอย่าง ยารี่ ลิตมาเน้น ดาวดังจากบอลโลกอย่าง เอล ฮัดจิดิยุฟ และใครต่อใครอีกหลายคน จนมายุคหลังๆ สากกระเบื่อเคลื่อนที่อย่าง แคโรล ก็ยังเป็นความหวังของแฟนบอลอย่างผม จำได้เยอะ และก็เจ็บมาเยอะ

     โดยเฉพาะ คีเวล ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง ที่อุตส่าห์ ยอมลงทุนซื้อเสื้อหงส์ตัวที่สามก็เพราะเขา

     ทุกวันนี้ ผมมีเสื้อลิเวอร์พูลของแท้ในตู้ แค่ สามตัว แต่ของปลอมไม่เคยนับสักที รู้แต่ว่าเยอะมาก แต่ที่น่าแปลกประหลาดสำหรับเด็กหงส์อย่างผมก็คือ ผมมีเสื้อแมนยู ของแท้ ถึง 7 ตัว ได้มาจากเพื่อนๆที่มันเป็นเด็กผี และรวมหัวกันแกล้งซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับผม มันบลัฟกันชนิดสุดแสบทีเดียว แต่ผมไม่โกรธพวกมันหรอก เพราะรู้ว่าเป็นธรรมชาติของการบลัฟกันระหว่างแฟนหงส์กับเด็กผีอย่างพวกมัน

     ลิเวอร์พลูนำความปลื้นปริ่มมาสู่ผมอีกครั้ง ในแมทที่ตามหลัง มิลาน 3 ลูก แต่ สตีวี่นำลูกทีมตามเอาคืนและแซงเข้าป้ายชนะไปในที่สุด แชมปี้ยนลีค ปีนั้นเกิดขึ้นด้วยฝีมือที่แฟนหงส์อย่างผมยังตกลงใจไม่ได้ ว่ามันเก่งจริงหรือเปล่า อย่าง ราฟา เบนิเตช

     แต่ราฟา ก็นำความหวังวูบวาบ และก็สูญสลายอย่างรวดเร็ว ด้วยระบบ โรเตชั่น สนั่นโลก ตอเรส หนึ่งในคนที่น่าจะเป็นตำนานของทีมก็หลุดฟอร์มและจากไปแบบไม่สวยในท้ายที่สุด ในยุคของฮัดสัน และดัลกลิชรอบ2 ก็แทบไม่ต่างกัน หนำซ้ำยังหลุดเป็นตัวตลกในทีมอื่นเยาะเย้ยจากการซื้อตัวนักเตะมูลค่าเกินฝีตีน แต่ช่วงนี้ คงโทษแต่ผู้จัดการทีมไม่ได้ แต่อาจเป็นเพราะเจ้าของสโมสรอย่างคู่ดูโอ ปลิงมะกัน ด้วยก็ได้ เพิ่งมาเริ่มดีขึ้นเมื่อเปลี่ยนมือมาอยู่กับ เฮนรี่ เจ้าของปัจจุบันนี้เอง

     แล้วก็ถึงยุคล่าสุดของ BR ที่ตอนมาครั้งแรกผมถึงกับอุทานว่า “เฮ้ย เมิงเป็นใครวะ” บอกตรงๆครับ แทบไม่รู้จัก รู้แต่ว่าคุมสวอนซี แค่นั้น ผลงานการคุมทีมตอนสมัยอยู่หงส์ขาวก็ไม่เคยติดตาม

แต่แล้ววันนี้ ผมก็ได้มาประจักษ์ในฝีมือเขาแล้ว เมื่อ BR พาเร้ดแมชชีนก้าวมาไกลถึงขั้นมีลุ้นแชมป์อีกครั้ง
     
     ครั้งแรกตอนเริ่มเป็นแฟนหงส์ ทีมครองแชมป์ลีค ความรู้สึกดีใจ เป็นบ้าเป็นหลังของผม ยังจำได้อยู่ แสดงออกโดยไม่อายใครเลยหากเขาจะรู้ว่าผมเป็นแฟนหงส์ แม้ตอนช่วงยุคตกต่ำไร้ความสำเร็จ ผมก็ยังเชิดหน้าบอกใครๆอย่างเต็มปากเต็มคำว่า ว่า “กรูนี้แหละ เด็กหงส์” แม้จะโดนยำเละเพราะรอบข้างมีแต่เด็กผีก็ตาม

     แต่วันนี้ ในยามที่ทีมรักอาจจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง อาจกลับมาเป็นแชมป์อีกครั้ง หลังจากห่างหายไป ยี่สิบกว่าปี ผมกลับเริ่มรู้สึกว่า ผมไม่ควรประกาศตัวว่าเป็นแฟนหงส์อีกแล้ว และคิดว่าต่อไปจะไม่เป็นแฟนหงส์อีกแล้ว เพราะยุคนี้ค่านิยมสร้างภาพ หน้าบาง เกรงใจแฟนบอลทีมอื่น กลัวถูกเขาล้อ ถูกดันมาแทนที่ความเขินอายที่จะประกาศว่า “กรูต้องการให้ลิเวอรพูลเป็นแชมป์”

     ซึ่งนั้นทำให้แฟนบอลบ้านๆคนหนึ่งอย่างผม รู้สึกว่า เส้นทาง You'll never walk alone ไม่น่าจะเดินต่อไปอีกแล้วสำหรับผม เพราะการที่เราจะรักชอบสิ่งไหน จำเป็นด้วยหรือ ที่เราต้องเก็บกดอาการ หรือซุกงำความรู้สึกเอาไว้ ไม่สามารถแสดงออกได้ แม้จะไม่ได้เป็นการกระแหนะกระแหนทีมอื่นก็ตาม ซึ่งผมอยากจะตะโกนว่า “เฮ้ย เชียร์บอลนะครับ ไม่ได้ประกวดมารยาท” แต่เมื่อยุคสมัยทำให้แฟนหงส์เป็นเยี่ยงนี้ ก็คงต้องลากันทีกับ 26 ปี กับการได้ชื่อว่าเป็น แฟนหงส์คนหนึ่ง

     แต่ก็อยากบอกคำสุดท้ายอีกสักคำว่า YOU หรือพวกคุณ จะไปไหนก็ไปเถอะ I(ไอ) ก็จะไปตามทางของ I(ไอ) แม้จะต้อง Alone ไปอย่างเดียวดายก็เถอะ ส่วนเส้นทางของ I(ไอ)  จะยังมุ่งตรงส่งแรงเชียร์ไปที่ แอนด์ฟิล ตามสัญชาตญาณของ I(ไอ) ก็จงรับรู้ไว้เลยว่า I(ไอ) กระทำในนามของคนธรรมดาที่ชอบลิเวอร์พูล แต่ไม่ได้เป็นแฟนหงส์ ซึ่งพวก YOU ก็ไม่สามารถมาจำกัดสิทธิเสรีภาพของ I(ไอ)  ได้ ในการจะรักจะชอบสิ่งใด หรือการแสดงความเห็นในที่ไหนๆ เพราะมันคือสิทธิส่วนบุคคล แต่ I(ไอ) ก็จะทำบางอย่างให้พวก YOU ไม่ต้องมารับผิดชอบหรือหน้าบางอับอายไปกับ I(ไอ)  ด้วย เพราะต่อไป I(ไอ)  จะประกาศทุกครั้งที่แสดงความเห็นในที่สาธารณะ ว่า I(ไอ)  ไม่ใช่แฟนหงส์ เป็นแค่คนธรรมดาที่ชอบลิเวอร์พูลมาแสดงความเห็น  เข้าใจตรงกันนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่