คืนวันที่ 25 พฤษภาคม ปี 2005 เป็นคืนที่แฟนบอลลิเวอร์พูลทั่วโลกจะไม่มีวันลืม คืนแห่งปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น ณ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกีเมื่อสโมสรหงส์แดงสามารถพลิกสถานการณ์ที่เป็นรองกลับมาคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้อย่างเหลือเชื่อ
ก่อนเกมการแข่งขัน แฟนบอลต่างคาดหวังว่าจะได้เห็นเกมที่สูสี แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดปรากฏการณ์ที่น่าตื่นตะลึงเช่นนี้ ลิเวอร์พูลในขณะนั้นไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเต็งที่จะคว้าแชมป์ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและใจที่ไม่ยอมแพ้ พวกเขาก็สามารถสร้างประวัคิศาสตร์หน่าใหม่ให้กับสโมสรได้สำเร็จ
ตรึ่งแรกของเกมเป็นฝันร้ายสำหรับแฟนบอลลิเวิร์พูล เอซีมิลาน ยิงนำห่างถึงสามลูกใครๆก็บอกว่าลิเวอร์พูลจบลงแล้วแต่ในครึ่งหลังเป็นเหมือนฝันร้าย
ของเอซีมิลาน เมื่อหงส์แดงได้ 3 ประตูได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ได้ประตูจากลูกโหม่งของสตีเวน เจอร์ราร์ด ในนาทีที่ 54 ลูกยิงหน้ากรอบเขตโทษของวลาดิเมียร์ สมิเซอร์ นาทีที่ 56 และลูกตีเสมอจากจุดโทษที่ได้ชาบี้ อลอนโซ สังหารเข้าไปในนาทีที่ 60 โดยจังหวะแรกกองกลางชาวสเปนยิงติดเซฟของดีด้า ผู้รักษาประตูบราซิลเลียนแต่ตามมาซ้ำสำเร็จ จบ 90 นาที สกอร์เสมอกัน 3-3 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป แต่ก็ไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้ ต้องตัดสินแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ
และเป็นช่วงเวลาของเจอร์ซี ดูเด็ค ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูล ที่กลายเป็นฮีโร่ นายทวารชาวโปแลนด์เซฟ 2 จุดโทษให้กับลิเวอร์พูล นอกเหนือจากจังหวะเซฟลูกโหม่งของอังเดร เชฟเชนโก้ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และช่วยให้สโมสรจากอังกฤษชูแชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 ไปอย่างเหลือเชื่อ จนแฟนบอลขนานนามเกมนั้นว่า “ปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล”
Miracle of Istanbul "ปาฏิหาริย์แห่งอิสตันบูล"
ก่อนเกมการแข่งขัน แฟนบอลต่างคาดหวังว่าจะได้เห็นเกมที่สูสี แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดปรากฏการณ์ที่น่าตื่นตะลึงเช่นนี้ ลิเวอร์พูลในขณะนั้นไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเต็งที่จะคว้าแชมป์ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและใจที่ไม่ยอมแพ้ พวกเขาก็สามารถสร้างประวัคิศาสตร์หน่าใหม่ให้กับสโมสรได้สำเร็จ
ตรึ่งแรกของเกมเป็นฝันร้ายสำหรับแฟนบอลลิเวิร์พูล เอซีมิลาน ยิงนำห่างถึงสามลูกใครๆก็บอกว่าลิเวอร์พูลจบลงแล้วแต่ในครึ่งหลังเป็นเหมือนฝันร้าย
ของเอซีมิลาน เมื่อหงส์แดงได้ 3 ประตูได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ได้ประตูจากลูกโหม่งของสตีเวน เจอร์ราร์ด ในนาทีที่ 54 ลูกยิงหน้ากรอบเขตโทษของวลาดิเมียร์ สมิเซอร์ นาทีที่ 56 และลูกตีเสมอจากจุดโทษที่ได้ชาบี้ อลอนโซ สังหารเข้าไปในนาทีที่ 60 โดยจังหวะแรกกองกลางชาวสเปนยิงติดเซฟของดีด้า ผู้รักษาประตูบราซิลเลียนแต่ตามมาซ้ำสำเร็จ จบ 90 นาที สกอร์เสมอกัน 3-3 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป แต่ก็ไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้ ต้องตัดสินแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ
และเป็นช่วงเวลาของเจอร์ซี ดูเด็ค ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูล ที่กลายเป็นฮีโร่ นายทวารชาวโปแลนด์เซฟ 2 จุดโทษให้กับลิเวอร์พูล นอกเหนือจากจังหวะเซฟลูกโหม่งของอังเดร เชฟเชนโก้ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และช่วยให้สโมสรจากอังกฤษชูแชมป์ยุโรปสมัยที่ 5 ไปอย่างเหลือเชื่อ จนแฟนบอลขนานนามเกมนั้นว่า “ปาฏิหาริย์ที่อิสตันบูล”