เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 1/4
ณ สรวงสวรรค์ นางฟ้าลลิตา ผู้เคยเป็นมารดาขมีรังสีงดงามรอบๆ ตัว กำลังหลับตาภาวนา ภาพฉายเบื้องหน้าคือภาพหยุดนิ่งบนโลกมนุษย์ ของบิวตี้ กลุ่มคน และสิ่งของ
นางฟ้าลลิตาภาวนา “หยุดเถิด หยุดเถิด ขอกุศลทั้งหลายของข้าพเจ้า จงไปหยุดโทสะ หยุดโมหะ หยุดการสร้างกรรมของลูกลัลน์ลลิตด้วยเถิด หยุดเถิด หยุดเถิด หยุดเถิด”
ปรมะเทวี หัวหน้านางฟ้าประจำสรวงสวรรค์ ผู้ทั้งงดงาม สูงส่ง มีรังสีสีรุ้งโอบตัวเอาไว้ส่งเสียงนำมาก่อน
“ท่านกำลังทำผิดกฎสวรรค์นะ นางฟ้าลลิตา”
นางฟ้าลลิตาตกใจ ลืมตา “ปรมะเทวี” แล้วน้อมตัวลงไหว้
ปรมะเทวีตำหนิ “กฎข้อ 399 ห้ามนางฟ้า เทวดาไปยุ่งเกี่ยวกับชะตาของมนุษย์ หากข้าพเจ้ามาไม่ทัน ท่านอาจจุติ ไปสู่ร่างสุนัขแล้วก็ได้”
“ข้าพเจ้าต้องช่วยลูก มิฉะนั้นเธอจะต้องพบจุดจบอันน่าสังเวช ในไม่ช้า” นางฟ้าลลิตามองภาพบิวตี้ในจอ
“ถ้าข้าพเจ้ายอมให้ท่านทำผิดกฎ ดวงวิญญาณของแม่อื่นๆ อีกล้านโกฏิอสงไขย จะต้องวิงวอนขอทำผิดกฎเพื่อช่วยลูกของพวกนางด้วยเช่นกัน”
นางฟ้าลลิตาลงจับบาทเทวี “โปรดเถิดเทวี หากไม่เมตตา ข้าพเจ้าก็พร้อมจะสละสวรรค์ภูมิไปรับกรรมตามโทษานุโทษ”
ปรมะเทวีส่ายหน้า “มันจะเป็นการสละที่ไร้ค่า เพราะไม่มีใครจะแก้กรรมให้ใครได้ ผู้ใดสร้างกรรม ก็ต้องตัดบ่วงกรรม ด้วยตนเอง”
นางฟ้าลลิตาหันไปมองภาพลูกสาวที่ทำทุกอย่างด้วยความโกรธ น้ำตาไหลพรากเพราะรู้ถึงบาปกรรมที่ลูกกำลังกระทำ
“เช่นนั้น ทำอย่างไรลูกของข้าพเจ้าจึงจะรู้สำนึก ทำอย่างไรนางจึงจะได้บทเรียนว่าสิ่งที่นางกำลังกระทำนี้น่ะมันผิด บาปขนาดไหน”
“บทเรียนรึ” ปรมะเทวีมองภาพฉายเห็นความวุ่นวาย ครุ่นคิดหาทาง
“ถูกแล้วเทวี บทเรียนที่ลูกของข้าพเจ้าไม่เคยได้รับเพราะความผิดของข้าพเจ้าผู้เป็นมารดา”
นางฟ้าหวนคิดถึงอดีตอย่างเศร้าหมองรู้สึกผิด
เมื่อ 20 ปีก่อน ลลิตายังมีชีวิต บิวตี้ยังเป็น เด็กหญิงลัลน์ลลิต วัยราว 5-6 ขวบ
และตอนนั้น บิวตี้เล่นระบายสีอยู่คนเดียว รอบกายมีของเล่นมากมาย ป้าจันพี่เลี้ยงเฝ้ามองดูห่างๆ
ลลิตากับบวร แต่งตัวอย่างหรูหรา ดูออกว่าจะไปงาน เดินเข้ามาหา
บิวตี้เห็นก็ดีใจ ละตัวจากสีวิ่งเข้ามากอดลลิตา “โอ้โห คุณแม่ สวยจัง”
ลลิตาเอ็ด “อุ๊ย ระวังหน่อยจ้ะลูก เดี๋ยวสีเลอะชุดแม่”
“คุณแม่ไปไหนคะ บิวตี้จะไปด้วย”
“ไม่ได้ลูก งานมีแต่ผู้ใหญ่” บวรว่า
“ไม่ บิวตี้จะไป”
“อย่าดื้อสิลูก” ลลิตาชี้กระจกบานใหญ่ “แน่ะ หน้างอ เดี๋ยวไม่สวยนะ”
ไม่ได้ผล “บิวตี้จะไป บิวตี้อยากแต่งชุดสวย แต่งหน้าเหมือนคุณแม่”
“งานนี้ไปไม่ได้จริงๆลูก ไว้คราวหน้านะจ๊ะ แม่สัญญา”
บิวตี้โวยวายประสาเด็กเอาแต่ใจ “คราวหน้าๆๆ แล้วก็ไม่ได้ไปซักที บิวตี้จะไปเดี๋ยวนี้ จะไปๆๆ” ขาดคำก็ล้มดิ้นพราดๆ
ลลิตาถามสามี “เอาไงดีคะคุณ”
บวรนั่งลงปลอบ “ไม่เอาลูก เจ้าหญิงเค้าไม่ทำแบบนี้ เดี๋ยวไม่สวยนะ”
บิวตี้ยังดิ้นร้องไห้ อาละวาดไม่หยุด
“งั้นเอางี้ พ่อจะให้จันพาหนูไปซื้อของนะ บิวตี้อยากได้อะไรลูก”
“บิวตี้ไม่อยากได้อะไร บิวตี้อยากอยู่กับพ่อกับแม่” เด็กหญิงงอแงดึงรั้งพ่อแม่
บวรดุ “เอ๊ะ บิวตี้นี่พูดไม่รู้เรื่อง พ่อกับแม่มีธุระ จันมาเอาตัวไป”
ลลิตารีบห้าม “เดี๋ยวค่ะ” พลางปลอบ “บิวตี้อยากได้ปราสาทเจ้าหญิงนิทราไม่ใช่หรือลูก”
บิวตี้หยุดร้องกะทันหัน คิดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “เอาแบบมีนางฟ้าด้วยนะคะ”
“ได้สิจ๊ะถ้างั้นลูกต้องหยุดร้องไห้ด้วย” ลลิตาบอกกับป้าจัน “จัน พาคุณบิวตี้ไปซื้อของเล่นแล้วก็ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ด้วยนะ”
“ไปค่ะคูนบิวตี้” ป้าจันเข้ามาจูงบิวตี้ไปอย่างสงสาร
พ่อแม่ผละจากบิวตี้ไปอย่างโล่งอก
บิวตี้หันมามองตามพ่อแม่อย่างละห้อย น่าสงสาร
นางฟ้าลลิตามีสีหน้าเศร้าหมองเมื่อเล่าถึงอดีต
“เราให้ทุกอย่างแก่ลูก แต่เราไม่เคยมีเวลาอบรม สั่งสอนแกเลย” นางฟ้าลลิตาสะอื้น “ข้าพเจ้าผิดเอง”
อยู่ๆก็มีตำราหน้าตาเหมือน ไอแพดอยู่ในมือปรมะเทวี ค้นหาข้อมูล “การให้บทเรียน” พลางเสิร์ชข้อมูล “การให้บทเรียน” แล้วมองมายังนางฟ้าลลิตา “ไม่มีอยู่ในข้อห้าม”
นางฟ้าลลิตาดีใจ “เช่นนั้น ข้าพเจ้า ก็ช่วยลูก เอ่อ ...ให้บทเรียนกับลูกได้”
“ท่านทำไม่ได้”
นางฟ้าลลิตาร้อนรน เป็นกังวลหนัก “แล้วจะให้ข้าพเจ้าทำอย่างไร เวลาของลูกเหลือน้อยเต็มที”
ที่ห้องแต่งตัวเหตุการณ์เป็นปกติ บิวตี้อาละวาดกวาดของทุกอย่างบนโต๊ะลงพื้น โวยวายด้วยความโกรธ
“คอยดูนะ เจอเมื่อไหร่จะฆ่าทิ้งให้หมด”
จู่ๆ ร่างของปรมะเทวีในชุดพนักงานทำความสะอาด ก็โผล่ขึ้นมาเฉยๆ เช็ดโต๊ะ เช็ดหลังตู้ พร้อมกับพูดขึ้นมาลอยๆ
“โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า”
บิวตี้ตกใจคิดว่าอยู่คนเดียวหันขวับไป “เธอเข้ามาได้ยังไง ออกไป”
“คิดแต่ว่าตนเองโดนทำร้าย ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองทำให้คนอื่นเสียใจมากขนาดไหน”
บิวตี้ตาขวาง “พล่ามอะไรของเธอ บอกให้ออกไป ไม่งั้นจะเรียกยามมาลากตัว”
นางฟ้าลลิตาเฝ้าดูลูกสาวจากจอฉายภาพบนสวรรค์ ทั้งตกใจ และเสียใจ
“คุณพระช่วย ลูกพูดอย่างนี้กับเทวีได้อย่างไร” นางฟ้าลลิตาน้ำตาร่วงริน “เป็นเพราะแม่ไม่มีโอกาสได้อบรมสั่งสอนลูก แม่ผิดเอง ลูกของแม่จะต้องตกนรกหมกไหม้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์แน่ๆ ที่ทำแบบนี้”
ส่วนห้องแต่งตัว ปรมะเทวีมองบิวตี้อย่างอนาถใจ “ดูเอาเถอะโทสะจริตครอบงำจนความงามสลายสิ้น”
บิวตี้มองตัวเองในกระจก ต้องตกใจกับความเยินเลยพาลโกรธ
“เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดกับแขกวีไอพีของโรงแรมแบบนี้ ยัยป้า”
ปรมะเทวีส่ายหน้าท้อแท้ พูดกับกระจกสื่อไปหานางฟ้าลลิตา “การสั่งสอนด้วยวาจาเห็นทีจะไม่เป็นผล”
บิวตี้งง ไม่เก็ตคิดในแง่ร้าย “เธอแอบถ่ายคลิปใช่ไหม” มองกราดหากล้องในกระจก “ฉันจะเรียกตำรวจ”
“จะให้บทเรียนกับมนุษย์อย่างเจ้า ต้องใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง”
นางฟ้าลลิตาดูอยู่ ทั้งเศร้า ทั้งเห็นใจลูก “อดทนหน่อยนะลูก มิฉะนั้นทุกสิ่งจะสายเกินไป”
บิวตี้กดโทรศัพท์เรียกรปภ. แต่ไม่มีเสียงรับ รอจนหงุดหงิด “รับซะทีสิ”
บิวตี้วิ่งไปเปิดประตู ประตูเปิดไม่ออกทั้งที่ไม่ได้ล็อค
ปรมะเทวีชี้นิ้วสาป “ชิงชังรังเกียจสิ่งใด เจ้าจะได้เป็นเช่นนั้น”
บิวตี้นิ่งขึงเคลื่อนไหวไม่ได้ เกิดแสงสีฟ้าเหมือนสีนกหงส์หยกรายรอบตัวบิวตี้อยู่ครู่หนึ่ง จนแสงสีสวยลดลง
บิวตี้ตกใจ ผวาตัว “เธอทำอะไรฉัน”
“คำสาปนี้จะสิ้นสุดลง เมื่อเจ้าทำภารกิจสามประการสำเร็จ ข้อ 1 เจ้าต้องคิดเรื่องที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่นมากกว่าเรื่องความงามของตนเองติดต่อกันเกินสามชั่วโมง”
บิวตี้นึกได้ “นี่ มาถ่ายรายการใช่ไหม” สาวขาวีนสอดตามองหากล้อง “ฉันไม่มีอารมณ์จะเล่นนะ”
ปรมะเทวีไม่ใส่ใจ “ข้อ 2 ต้องประกอบคุณความดีให้มากกว่าความไม่ดีอย่างน้อยสองเท่า และสุดท้าย เจ้าต้องได้รับจุมพิตจากชายที่เจ้ารัก ยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง”
บิวตี้ไม่เก็ต “เรื่องบ้าอะไรเนี่ย เธอเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ คิดจะหลอกต้มฉันใช่ไหมล่ะ ใครส่งเธอมา”
“หมดหน้าที่ของเราแล้ว” ปรมะเทวีเปิดประตูออกไป
ด้านนอกห้องเลขา ช่างหน้า ช่างผม ที่กำลังเอาหูแนบประตู ล้มระเนระนาดเพราะประตูเปิดกะทันหัน แต่ไม่มีใครเดินออกมา
หลังสิ้นคำสาป บิวตี้ได้กลายเป็นนกแล้ว แต่บิวตี้เองยังไม่รู้ตัว
“คิดจะหนีเหรอ หยุดนะ” บิวตี้วิ่งตามปรมะเทวี นึกว่าบริวารตามมา
ลูกน้องของบิวตี้ ไม่มีใครเห็น หรือได้ยินอะไรสักอย่าง ทุกคนมองหาบิวตี้
เลขามองไปรอบๆ อย่างงงวยงง “คุณบิวตี้หายไปไหน”
“แล้วเมื่อกี้ ใครเปิดประตู ทำไมไม่เห็นมีใครเลย” ช่างผมบ่นงงๆ สามคนมองหน้ากันเง็งๆ
บิวตี้วิ่งตามปรมะเทวีมา เห็นหลังไวๆ เคลื่อนผ่านไปอย่างเร็ว บิวตี้ร้องโวยวาย
“หยุดนะ บอกให้หยุด”
พอถึงเลี้ยวหักมุม ปรมะเทวีก็หายไป
“หายไปไหนอ่ะ ต้องเป็นแผนร้ายอะไรแน่ๆ” บิวตี้งงแล้วเปลี่ยนเป็นโกรธ
บริวารช่วยกันหาตัวบิวตี้ทั่วห้อง แต่ไม่เจอ
ช่างผมรายงานเลขา “ในห้องน้ำไม่มีเลยพี่ ดูทั่วแล้ว”
“เอ๊ะ แปลกจัง ชุดฟินาเล่ก็กองอยู่นี่” เลขาหยิบขึ้นมา
ช่างหน้า เปิดตู้เสื้อผ้าดูแล้วบอกคนอื่น “ชุดคุณบิวตี้ก็อยู่ในตู้ แล้วจะออกไปได้ไง”
เลขาตกใจ มองหน้าทุกคนหวาดๆ “หรือว่า...จะ”
ทุกคนเข้าใจตรงกัน วิ่งพรวดพราดไปดูที่หน้าต่างห้อง
บอดี้การ์ดเช็คล็อค แปลกใจ “หน้าต่างล็อคนี่นา”
ช่างภาพส่วนตัวชะโงกหน้าออกไปดูด้านล่าง “ที่พื้นก็ไม่มีอะไร”
ทุกคนถอนใจโล่งอกพร้อมกัน
บิวตี้กลับเข้ามา งงเป็นการใหญ่ “พวกเธอทำอะไรกัน ทำไมไม่ช่วยฉันจับผู้หญิงคนนั้น”
ไม่มีใครแสดงว่าเห็นหรือได้ยิน ไม่หันมา บิวตี้ยืนเท้าสะเอวอย่างจะเอาเรื่อง แล้วเห็นชุดที่ตัวเองใส่อยู่ในมือเลขา บิวตี้ตกใจ ก้มลงมองตัวเองทันที เห็นเป็นชุดขนนก งง รังเกียจขนที่อยู่บนตัว
“อี๋ นี่มันอะไรเนี่ย! ชุดบ้าอะไรเนี่ย”
เลขาบ่น “ออกไปทางไหนเนี่ย โอ๊ยจะบ้าตายวันนี้มีแต่เรื่องทั้งวัน”
“คุณบิวตี้แกคงอายจนแทรกแผ่นดินหนีไปแล้วมั้ง ที่ตกเวทีลงไปหัวทิ่มอยู่กับพื้นอย่างนั้นน่ะ” ช่างผมว่า
ช่างหน้าผสมโรง “ไม่ได้ตกเฉยๆ ด้วยนะ หน้าไถลไปกับพรหมด้วยสิ” พูดจบก็หัวเราะชอบใจ
หลังจากนั้นทุกคนระเบิดหัวเราะด้วย บิวตี้ตาลุกโกรธสุดขีด
“ว่ายังไงนะ” แต่ไม่มีใครได้ยินบิวตี้
ช่างภาพจุ๊ปากห้าม ก้มลงดูใต้เตียง “ไม่มี”
เลขาบอก “คนห่วงสวยอย่างคุณบิวตี้ ไม่ยอมลำบากตัวขนาดนั้นหรอก จะเดินแต่ละทียังแทบจะขี่หัวฉันไป...นิสัยแย่จริงๆ”
บิวตี้ตกใจคำพูดของเลขา ยืนอึ้ง
บอดี้การ์ด 1 บอก “แอบหลบไปตอนไหนก็ไม่บอก” แล้วถอนใจเฮือกใหญ่ “ทำงานกับคนเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ปวดหัวว่ะ”
ช่างภาพเสริม “เขาไม่เห็นหัวเราอยู่แล้วพี่ เอะอะก็จะไล่ออกๆ อย่างเดียว ทำอะไรไม่เคยถูกใจ”
“ถึงไม่ไล่ฉันก็จะไป เบื่อเต็มทีแล้ว ไปทำงานกับคนดีๆ ไม่ขี้วีนสบายใจกว่าเยอะ” เลขาว่า
บอดี้การ์ด 2 ท้วง “แต่เขาให้เงินเยอะกว่าที่อื่นก็ ทนๆ หน่อยเหอะ ถือว่าทำเอาเงิน”
ช่างหน้าบอก “แต่พูดก็พูดเหอะ นิสัยแบบนี้ใครมันจะเอาไปทำเมีย ถึงจะเป็นอภิมหาเศรษฐี รวยล้นฟ้าขนาดนี้ ผู้ชายที่ไหนก็หนีหล่อนแน่ๆ หน้าสวยกับเงินทองล้นฟ้าของนางน่ะ มันไม่พอหรอก”
ถึงทีช่างผม “หน้าเป็นนางฟ้า ที่ไหนได้ นิสัยเป็นนังแม่มด ชัดๆ”
ทุกคนหัวเราะชอบใจ
บิวตี้ตะลึง น้ำตาคลอ ไม่คิดว่าทุกคนจะเกลียดตัวเองขนาดนี้ แล้วหันหลังออกวิ่งออกไปจากห้อง ทันที
ขอขอบคุณ เว็บผู้จัดการออนไลน์ : )
เรื่องเต็ม เล่ห์นางฟ้าตอนที่ 1/4
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 1/4
ณ สรวงสวรรค์ นางฟ้าลลิตา ผู้เคยเป็นมารดาขมีรังสีงดงามรอบๆ ตัว กำลังหลับตาภาวนา ภาพฉายเบื้องหน้าคือภาพหยุดนิ่งบนโลกมนุษย์ ของบิวตี้ กลุ่มคน และสิ่งของ
นางฟ้าลลิตาภาวนา “หยุดเถิด หยุดเถิด ขอกุศลทั้งหลายของข้าพเจ้า จงไปหยุดโทสะ หยุดโมหะ หยุดการสร้างกรรมของลูกลัลน์ลลิตด้วยเถิด หยุดเถิด หยุดเถิด หยุดเถิด”
ปรมะเทวี หัวหน้านางฟ้าประจำสรวงสวรรค์ ผู้ทั้งงดงาม สูงส่ง มีรังสีสีรุ้งโอบตัวเอาไว้ส่งเสียงนำมาก่อน
“ท่านกำลังทำผิดกฎสวรรค์นะ นางฟ้าลลิตา”
นางฟ้าลลิตาตกใจ ลืมตา “ปรมะเทวี” แล้วน้อมตัวลงไหว้
ปรมะเทวีตำหนิ “กฎข้อ 399 ห้ามนางฟ้า เทวดาไปยุ่งเกี่ยวกับชะตาของมนุษย์ หากข้าพเจ้ามาไม่ทัน ท่านอาจจุติ ไปสู่ร่างสุนัขแล้วก็ได้”
“ข้าพเจ้าต้องช่วยลูก มิฉะนั้นเธอจะต้องพบจุดจบอันน่าสังเวช ในไม่ช้า” นางฟ้าลลิตามองภาพบิวตี้ในจอ
“ถ้าข้าพเจ้ายอมให้ท่านทำผิดกฎ ดวงวิญญาณของแม่อื่นๆ อีกล้านโกฏิอสงไขย จะต้องวิงวอนขอทำผิดกฎเพื่อช่วยลูกของพวกนางด้วยเช่นกัน”
นางฟ้าลลิตาลงจับบาทเทวี “โปรดเถิดเทวี หากไม่เมตตา ข้าพเจ้าก็พร้อมจะสละสวรรค์ภูมิไปรับกรรมตามโทษานุโทษ”
ปรมะเทวีส่ายหน้า “มันจะเป็นการสละที่ไร้ค่า เพราะไม่มีใครจะแก้กรรมให้ใครได้ ผู้ใดสร้างกรรม ก็ต้องตัดบ่วงกรรม ด้วยตนเอง”
นางฟ้าลลิตาหันไปมองภาพลูกสาวที่ทำทุกอย่างด้วยความโกรธ น้ำตาไหลพรากเพราะรู้ถึงบาปกรรมที่ลูกกำลังกระทำ
“เช่นนั้น ทำอย่างไรลูกของข้าพเจ้าจึงจะรู้สำนึก ทำอย่างไรนางจึงจะได้บทเรียนว่าสิ่งที่นางกำลังกระทำนี้น่ะมันผิด บาปขนาดไหน”
“บทเรียนรึ” ปรมะเทวีมองภาพฉายเห็นความวุ่นวาย ครุ่นคิดหาทาง
“ถูกแล้วเทวี บทเรียนที่ลูกของข้าพเจ้าไม่เคยได้รับเพราะความผิดของข้าพเจ้าผู้เป็นมารดา”
นางฟ้าหวนคิดถึงอดีตอย่างเศร้าหมองรู้สึกผิด
เมื่อ 20 ปีก่อน ลลิตายังมีชีวิต บิวตี้ยังเป็น เด็กหญิงลัลน์ลลิต วัยราว 5-6 ขวบ
และตอนนั้น บิวตี้เล่นระบายสีอยู่คนเดียว รอบกายมีของเล่นมากมาย ป้าจันพี่เลี้ยงเฝ้ามองดูห่างๆ
ลลิตากับบวร แต่งตัวอย่างหรูหรา ดูออกว่าจะไปงาน เดินเข้ามาหา
บิวตี้เห็นก็ดีใจ ละตัวจากสีวิ่งเข้ามากอดลลิตา “โอ้โห คุณแม่ สวยจัง”
ลลิตาเอ็ด “อุ๊ย ระวังหน่อยจ้ะลูก เดี๋ยวสีเลอะชุดแม่”
“คุณแม่ไปไหนคะ บิวตี้จะไปด้วย”
“ไม่ได้ลูก งานมีแต่ผู้ใหญ่” บวรว่า
“ไม่ บิวตี้จะไป”
“อย่าดื้อสิลูก” ลลิตาชี้กระจกบานใหญ่ “แน่ะ หน้างอ เดี๋ยวไม่สวยนะ”
ไม่ได้ผล “บิวตี้จะไป บิวตี้อยากแต่งชุดสวย แต่งหน้าเหมือนคุณแม่”
“งานนี้ไปไม่ได้จริงๆลูก ไว้คราวหน้านะจ๊ะ แม่สัญญา”
บิวตี้โวยวายประสาเด็กเอาแต่ใจ “คราวหน้าๆๆ แล้วก็ไม่ได้ไปซักที บิวตี้จะไปเดี๋ยวนี้ จะไปๆๆ” ขาดคำก็ล้มดิ้นพราดๆ
ลลิตาถามสามี “เอาไงดีคะคุณ”
บวรนั่งลงปลอบ “ไม่เอาลูก เจ้าหญิงเค้าไม่ทำแบบนี้ เดี๋ยวไม่สวยนะ”
บิวตี้ยังดิ้นร้องไห้ อาละวาดไม่หยุด
“งั้นเอางี้ พ่อจะให้จันพาหนูไปซื้อของนะ บิวตี้อยากได้อะไรลูก”
“บิวตี้ไม่อยากได้อะไร บิวตี้อยากอยู่กับพ่อกับแม่” เด็กหญิงงอแงดึงรั้งพ่อแม่
บวรดุ “เอ๊ะ บิวตี้นี่พูดไม่รู้เรื่อง พ่อกับแม่มีธุระ จันมาเอาตัวไป”
ลลิตารีบห้าม “เดี๋ยวค่ะ” พลางปลอบ “บิวตี้อยากได้ปราสาทเจ้าหญิงนิทราไม่ใช่หรือลูก”
บิวตี้หยุดร้องกะทันหัน คิดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “เอาแบบมีนางฟ้าด้วยนะคะ”
“ได้สิจ๊ะถ้างั้นลูกต้องหยุดร้องไห้ด้วย” ลลิตาบอกกับป้าจัน “จัน พาคุณบิวตี้ไปซื้อของเล่นแล้วก็ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ด้วยนะ”
“ไปค่ะคูนบิวตี้” ป้าจันเข้ามาจูงบิวตี้ไปอย่างสงสาร
พ่อแม่ผละจากบิวตี้ไปอย่างโล่งอก
บิวตี้หันมามองตามพ่อแม่อย่างละห้อย น่าสงสาร
นางฟ้าลลิตามีสีหน้าเศร้าหมองเมื่อเล่าถึงอดีต
“เราให้ทุกอย่างแก่ลูก แต่เราไม่เคยมีเวลาอบรม สั่งสอนแกเลย” นางฟ้าลลิตาสะอื้น “ข้าพเจ้าผิดเอง”
อยู่ๆก็มีตำราหน้าตาเหมือน ไอแพดอยู่ในมือปรมะเทวี ค้นหาข้อมูล “การให้บทเรียน” พลางเสิร์ชข้อมูล “การให้บทเรียน” แล้วมองมายังนางฟ้าลลิตา “ไม่มีอยู่ในข้อห้าม”
นางฟ้าลลิตาดีใจ “เช่นนั้น ข้าพเจ้า ก็ช่วยลูก เอ่อ ...ให้บทเรียนกับลูกได้”
“ท่านทำไม่ได้”
นางฟ้าลลิตาร้อนรน เป็นกังวลหนัก “แล้วจะให้ข้าพเจ้าทำอย่างไร เวลาของลูกเหลือน้อยเต็มที”
ที่ห้องแต่งตัวเหตุการณ์เป็นปกติ บิวตี้อาละวาดกวาดของทุกอย่างบนโต๊ะลงพื้น โวยวายด้วยความโกรธ
“คอยดูนะ เจอเมื่อไหร่จะฆ่าทิ้งให้หมด”
จู่ๆ ร่างของปรมะเทวีในชุดพนักงานทำความสะอาด ก็โผล่ขึ้นมาเฉยๆ เช็ดโต๊ะ เช็ดหลังตู้ พร้อมกับพูดขึ้นมาลอยๆ
“โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า”
บิวตี้ตกใจคิดว่าอยู่คนเดียวหันขวับไป “เธอเข้ามาได้ยังไง ออกไป”
“คิดแต่ว่าตนเองโดนทำร้าย ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองทำให้คนอื่นเสียใจมากขนาดไหน”
บิวตี้ตาขวาง “พล่ามอะไรของเธอ บอกให้ออกไป ไม่งั้นจะเรียกยามมาลากตัว”
นางฟ้าลลิตาเฝ้าดูลูกสาวจากจอฉายภาพบนสวรรค์ ทั้งตกใจ และเสียใจ
“คุณพระช่วย ลูกพูดอย่างนี้กับเทวีได้อย่างไร” นางฟ้าลลิตาน้ำตาร่วงริน “เป็นเพราะแม่ไม่มีโอกาสได้อบรมสั่งสอนลูก แม่ผิดเอง ลูกของแม่จะต้องตกนรกหมกไหม้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์แน่ๆ ที่ทำแบบนี้”
ส่วนห้องแต่งตัว ปรมะเทวีมองบิวตี้อย่างอนาถใจ “ดูเอาเถอะโทสะจริตครอบงำจนความงามสลายสิ้น”
บิวตี้มองตัวเองในกระจก ต้องตกใจกับความเยินเลยพาลโกรธ
“เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดกับแขกวีไอพีของโรงแรมแบบนี้ ยัยป้า”
ปรมะเทวีส่ายหน้าท้อแท้ พูดกับกระจกสื่อไปหานางฟ้าลลิตา “การสั่งสอนด้วยวาจาเห็นทีจะไม่เป็นผล”
บิวตี้งง ไม่เก็ตคิดในแง่ร้าย “เธอแอบถ่ายคลิปใช่ไหม” มองกราดหากล้องในกระจก “ฉันจะเรียกตำรวจ”
“จะให้บทเรียนกับมนุษย์อย่างเจ้า ต้องใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง”
นางฟ้าลลิตาดูอยู่ ทั้งเศร้า ทั้งเห็นใจลูก “อดทนหน่อยนะลูก มิฉะนั้นทุกสิ่งจะสายเกินไป”
บิวตี้กดโทรศัพท์เรียกรปภ. แต่ไม่มีเสียงรับ รอจนหงุดหงิด “รับซะทีสิ”
บิวตี้วิ่งไปเปิดประตู ประตูเปิดไม่ออกทั้งที่ไม่ได้ล็อค
ปรมะเทวีชี้นิ้วสาป “ชิงชังรังเกียจสิ่งใด เจ้าจะได้เป็นเช่นนั้น”
บิวตี้นิ่งขึงเคลื่อนไหวไม่ได้ เกิดแสงสีฟ้าเหมือนสีนกหงส์หยกรายรอบตัวบิวตี้อยู่ครู่หนึ่ง จนแสงสีสวยลดลง
บิวตี้ตกใจ ผวาตัว “เธอทำอะไรฉัน”
“คำสาปนี้จะสิ้นสุดลง เมื่อเจ้าทำภารกิจสามประการสำเร็จ ข้อ 1 เจ้าต้องคิดเรื่องที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่นมากกว่าเรื่องความงามของตนเองติดต่อกันเกินสามชั่วโมง”
บิวตี้นึกได้ “นี่ มาถ่ายรายการใช่ไหม” สาวขาวีนสอดตามองหากล้อง “ฉันไม่มีอารมณ์จะเล่นนะ”
ปรมะเทวีไม่ใส่ใจ “ข้อ 2 ต้องประกอบคุณความดีให้มากกว่าความไม่ดีอย่างน้อยสองเท่า และสุดท้าย เจ้าต้องได้รับจุมพิตจากชายที่เจ้ารัก ยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง”
บิวตี้ไม่เก็ต “เรื่องบ้าอะไรเนี่ย เธอเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ คิดจะหลอกต้มฉันใช่ไหมล่ะ ใครส่งเธอมา”
“หมดหน้าที่ของเราแล้ว” ปรมะเทวีเปิดประตูออกไป
ด้านนอกห้องเลขา ช่างหน้า ช่างผม ที่กำลังเอาหูแนบประตู ล้มระเนระนาดเพราะประตูเปิดกะทันหัน แต่ไม่มีใครเดินออกมา
หลังสิ้นคำสาป บิวตี้ได้กลายเป็นนกแล้ว แต่บิวตี้เองยังไม่รู้ตัว
“คิดจะหนีเหรอ หยุดนะ” บิวตี้วิ่งตามปรมะเทวี นึกว่าบริวารตามมา
ลูกน้องของบิวตี้ ไม่มีใครเห็น หรือได้ยินอะไรสักอย่าง ทุกคนมองหาบิวตี้
เลขามองไปรอบๆ อย่างงงวยงง “คุณบิวตี้หายไปไหน”
“แล้วเมื่อกี้ ใครเปิดประตู ทำไมไม่เห็นมีใครเลย” ช่างผมบ่นงงๆ สามคนมองหน้ากันเง็งๆ
บิวตี้วิ่งตามปรมะเทวีมา เห็นหลังไวๆ เคลื่อนผ่านไปอย่างเร็ว บิวตี้ร้องโวยวาย
“หยุดนะ บอกให้หยุด”
พอถึงเลี้ยวหักมุม ปรมะเทวีก็หายไป
“หายไปไหนอ่ะ ต้องเป็นแผนร้ายอะไรแน่ๆ” บิวตี้งงแล้วเปลี่ยนเป็นโกรธ
บริวารช่วยกันหาตัวบิวตี้ทั่วห้อง แต่ไม่เจอ
ช่างผมรายงานเลขา “ในห้องน้ำไม่มีเลยพี่ ดูทั่วแล้ว”
“เอ๊ะ แปลกจัง ชุดฟินาเล่ก็กองอยู่นี่” เลขาหยิบขึ้นมา
ช่างหน้า เปิดตู้เสื้อผ้าดูแล้วบอกคนอื่น “ชุดคุณบิวตี้ก็อยู่ในตู้ แล้วจะออกไปได้ไง”
เลขาตกใจ มองหน้าทุกคนหวาดๆ “หรือว่า...จะ”
ทุกคนเข้าใจตรงกัน วิ่งพรวดพราดไปดูที่หน้าต่างห้อง
บอดี้การ์ดเช็คล็อค แปลกใจ “หน้าต่างล็อคนี่นา”
ช่างภาพส่วนตัวชะโงกหน้าออกไปดูด้านล่าง “ที่พื้นก็ไม่มีอะไร”
ทุกคนถอนใจโล่งอกพร้อมกัน
บิวตี้กลับเข้ามา งงเป็นการใหญ่ “พวกเธอทำอะไรกัน ทำไมไม่ช่วยฉันจับผู้หญิงคนนั้น”
ไม่มีใครแสดงว่าเห็นหรือได้ยิน ไม่หันมา บิวตี้ยืนเท้าสะเอวอย่างจะเอาเรื่อง แล้วเห็นชุดที่ตัวเองใส่อยู่ในมือเลขา บิวตี้ตกใจ ก้มลงมองตัวเองทันที เห็นเป็นชุดขนนก งง รังเกียจขนที่อยู่บนตัว
“อี๋ นี่มันอะไรเนี่ย! ชุดบ้าอะไรเนี่ย”
เลขาบ่น “ออกไปทางไหนเนี่ย โอ๊ยจะบ้าตายวันนี้มีแต่เรื่องทั้งวัน”
“คุณบิวตี้แกคงอายจนแทรกแผ่นดินหนีไปแล้วมั้ง ที่ตกเวทีลงไปหัวทิ่มอยู่กับพื้นอย่างนั้นน่ะ” ช่างผมว่า
ช่างหน้าผสมโรง “ไม่ได้ตกเฉยๆ ด้วยนะ หน้าไถลไปกับพรหมด้วยสิ” พูดจบก็หัวเราะชอบใจ
หลังจากนั้นทุกคนระเบิดหัวเราะด้วย บิวตี้ตาลุกโกรธสุดขีด
“ว่ายังไงนะ” แต่ไม่มีใครได้ยินบิวตี้
ช่างภาพจุ๊ปากห้าม ก้มลงดูใต้เตียง “ไม่มี”
เลขาบอก “คนห่วงสวยอย่างคุณบิวตี้ ไม่ยอมลำบากตัวขนาดนั้นหรอก จะเดินแต่ละทียังแทบจะขี่หัวฉันไป...นิสัยแย่จริงๆ”
บิวตี้ตกใจคำพูดของเลขา ยืนอึ้ง
บอดี้การ์ด 1 บอก “แอบหลบไปตอนไหนก็ไม่บอก” แล้วถอนใจเฮือกใหญ่ “ทำงานกับคนเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ปวดหัวว่ะ”
ช่างภาพเสริม “เขาไม่เห็นหัวเราอยู่แล้วพี่ เอะอะก็จะไล่ออกๆ อย่างเดียว ทำอะไรไม่เคยถูกใจ”
“ถึงไม่ไล่ฉันก็จะไป เบื่อเต็มทีแล้ว ไปทำงานกับคนดีๆ ไม่ขี้วีนสบายใจกว่าเยอะ” เลขาว่า
บอดี้การ์ด 2 ท้วง “แต่เขาให้เงินเยอะกว่าที่อื่นก็ ทนๆ หน่อยเหอะ ถือว่าทำเอาเงิน”
ช่างหน้าบอก “แต่พูดก็พูดเหอะ นิสัยแบบนี้ใครมันจะเอาไปทำเมีย ถึงจะเป็นอภิมหาเศรษฐี รวยล้นฟ้าขนาดนี้ ผู้ชายที่ไหนก็หนีหล่อนแน่ๆ หน้าสวยกับเงินทองล้นฟ้าของนางน่ะ มันไม่พอหรอก”
ถึงทีช่างผม “หน้าเป็นนางฟ้า ที่ไหนได้ นิสัยเป็นนังแม่มด ชัดๆ”
ทุกคนหัวเราะชอบใจ
บิวตี้ตะลึง น้ำตาคลอ ไม่คิดว่าทุกคนจะเกลียดตัวเองขนาดนี้ แล้วหันหลังออกวิ่งออกไปจากห้อง ทันที
ขอขอบคุณ เว็บผู้จัดการออนไลน์ : )