คน...เทวดา

คนเทวดา
โดย...ภูวีร์

                      เบญจศีล เด็กชายวัย 11 ปี เขาต้องย้ายบ้านบ่อยๆ เพราะพ่อของเด็กชาย ทำงานเป็น หัวหน้า
ช่างก่อสร้าง (โฟร์แมน) จนวันหนึ่ง งานของพ่อเขาหมดสัญญา  จึงต้องย้ายมาอยู่บ้านของลุงซึ่งทำสวนผัก
อยู่แถวฝั่งธน แต่เนื่องจากบ้านของลุง ไม่สามารถรับอีกหนึ่งครอบครัวได้  พ่อของเบญจศีลจึงขอปลูกเพิง
เล็กๆ เพื่อเป็นที่ซุกหัวนอน ลุงของเขาจึงให้พ่อปลูกบ้าน ข้างสวนผัก  โดยอาศัยสังกะสีเก่าๆ และป้าย
หาเสียง ของนักการเมืองท้องถิ่น มาปลูกเป็นเพิงพักอาศัย

ในช่วงที่พ่อไม่มีงาน แม่ของเขา ก็ออกไปขายของในตลาด  ในตอนที่แม่ของเบญจศีลไม่อยู่ เขาจะเป็น
พ่อครัว ทำกับข้าวให้พ่อ ให้แม่ ให้น้องๆ ในบางครั้งที่ในบ้าน ไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ เขาก็จะเป็นคน
บากหน้า ไปขอข้าวสารที่บ้านลุง ถึงแม้จะได้ข้าวสารมา แต่เขาก็อาย ที่ต้องเป็นคนไปขอข้าวสาร กับคนรู้จัก
มันเหมือนเขาเป็นขอทาน  ส่วนเรื่องทำกับข้าวไม่มีปัญหาอะไร เพราะเบญจศีล จะตกปลา และยิงนก ส่วนผัก
เขาสามารถหาได้จากในสวน

ส่วนพ่อของเบญจศีลนั้น ต้องดื่มเหล้าทุกเย็น เมื่อดื่มจนได้ที่ ก็เมาจนขาดสติ กลับมาที่บ้าน ก็ทะเลาะ
กับแม่จนมีเรื่องตบตี แม่ของเขาก็ต้องบาดเจ็บทุกครั้ง แล้วเบญจศีล ก็ไม่สามารถ เข้าไปห้ามอะไร
พ่อของตนได้  เด็กชายได้แต่อุ้มน้องทั้งสองหลบ ลูกหลงไปอยู่ใต้ถุนบ้าน เขาได้แต่ ร้องไห้ ในความ
โชคร้าย ของชะตาชีวิตตนเอง และน้องทั้งสองคน จนถึงรุ่งเช้าของอีกวัน

เบญจศีล ต้องไปเรียนหนังสือในช่วงเช้า แล้วกลับมาช่วยแม่เขาจัดของในช่วงเย็น เพื่อไปขายขนมที่ตลาด
เมื่อแม่ออกไปขายของ เบญจศีล ก็ออก  ไปยิงนกตกปลา เพื่อมาเป็นอาหารให้ทางบ้าน แต่ส่วนหนึ่ง
มันก็เหมือนการผ่อนคลายความเครียดของเด็กชาย เพราะแถวบ้าน เขานั้นถือเป็นมือวางอันดับหนึ่ง
ในการยิงหนังสติ๊กสังหารนก ถ้านกตัวใด บินมาเกาะกิ่งไม้ ต่อหน้าเบญจศีล  มันต้องอายุสั้น เพราะฝีมือ
ของเขา แล้วนำร่างของนกโชคร้ายตัวนั้น ไปเป็นอาหารให้คนที่บ้าน....

วันหนึ่งเด็กชาย ถูกท้าทายให้ยิงนก แข่งกับลูกพี่ลูกน้อง ที่มีฝีมือในเชิงหนังสติ๊ก ไม่เป็นรองใคร
การแข่งขันเริ่มต้นอย่างคู่คี่  แต่มาทิ้งกันในช่วงท้าย เพราะจิตใจที่มั่นคง ทนต่อความกดดัน แต่คู่แข่งใจเริ่ม
แกว่ง  เมื่อถึงตัวที่หก  ลูกดินปั้น เฉียดขนนกไป  แต่เบญจศีล ยิงเข้าศีรษะนกกระจาบอย่างจัง สิ้นชีพทันที
เมื่อพลาดแล้ว  คู่แข่งก็พลาดอีก ถึงสองตัว แต่เขาไม่พลาด นกกระจอก กับนกกางเขน ถูกยิงจบชีวิต
อย่างง่ายดาย เบญจศีล ยิงนกได้ถึงแปดตัว ส่วนคู่แข่งที่เป็นลูกของลุง หรือลูกพี่ลูกน้องของเขา ยิงได้เพียง
ห้าตัว เขาจึงได้ตุ๊กตุ่น ไอ้มดแดงมาเป็นรางวัล พร้อมกับนกอีก 13 ตัว ไปทำนกทอดกระเทียมพริกไทย  

เช้าวันรุ่งขึ้น เขาได้ยินเสียงนกร้อง มันดังเป็นพิเศษ จึงปีนขึ้นไปดูบนหลังคา ภาพที่เห็นก็คือ ลูกนกกระจาบ
สี่ตัว กำลังร้องเรียก หาแม่ของมัน ที่ไม่มีวันได้กลับมาที่รัง  เบญจศีล จึงเกิดความรู้สึกเศร้าใจ เขารู้ดีว่า เวลา
ที่ไม่มีแม่คอยหาอาหารมาให้ มันเป็นอย่างไร  แล้วที่แม่ของพวกมัน ไม่ได้กลับมา ก็เพราะ มันอาจเป็นหนึ่ง
ในเหยื่อ ของหนังสติ๊ก ที่เขายิง ก็เป็นได้  หลังจากนั้น เบญจศีล จึงต้องทำหน้าที่ไปหาอาหาร มาป้อน
ให้ลูกนก ทั้งสี่ตัวกิน ทั้งเวลาเช้า ทั้งเวลาเย็น  นับจากวันนั้น เบญจศีล จึงเขวี้ยงหนังสติ๊ก ที่เขาใช้ล่านกทิ้ง
และตั้งปณิธานว่า เขาจะไม่ยิงนกมาเป็นอาหาร หรือการแข่งขันอีกเลย

ในบางวัน ที่แม่ขายของ ได้เงินมาไม่มาก แต่พ่อของเขา ก็แย่งชิงเงินจำนวนนั้น ไปซื้อเหล้าดื่ม  โดยที่แม่
ก็ไม่สามารถขัดขวางพ่อได้เลย  ที่ทำได้เพียง  กอดเขาที่เป็นลูกชาย  เด็กชายจึงตั้งจิตอธิษฐานอีกอย่างก็คือ
เขาจะไม่ดื่มเหล้า  จนเมาขาดสติโดยเด็ดขาด..... แล้วในวันนั้นเอง พ่อก็ประสบอุบัติเหตุ เนื่องจากเมาสุรา
จนเดินตกท่อระบายน้ำ ที่เปิดฝาทิ้งไว้ พ่อต้องกลายเป็นอัมพฤกษ์ จากอุบัติเหตุในครั้งนั้น  เบญจศีล จึงคิด
ในใจว่า พ่อถูกลงโทษ  จากการผิดศีลข้อที่ห้า  

หลังจากนั้นเบญจศีล ต้องรับหน้าที่ดูแล พ่อที่นอนหมดอาลัย เพราะคิดว่าตนหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เหลือ
อยู่ตรงนี้ คือซากชีวิต เด็กชายต้องไปเรียนหนังสือ ตอนเช้า ส่วนตอนเที่ยง ต้องกลับมาดูแล พ่อที่เป็น
อัมพฤกษ์ ส่วนแม่ ต้องไปทำงาน เป็นคนงานก่อสร้างที่ไซด์งานแทน  เด็กชายทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้
วันหนึ่งระหว่างที่ เข้าไปทำความสะอาดร่างกายพ่อ   แต่พ่อกลับดุด่าเขาอย่างรุนแรง  เบญจศีลน้อยใจ
จึงวิ่งออกมาจากบ้าน  ไม่รู้ไปไหน  เด็กชายออกวิ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุด  ที่หน้าอุโบสถเบญจศีล
เหมือนไม่มีที่พึ่งทางใจ จึงเข้าไปกราบพระประธาน เด็กชายนั่งจ้อง พระพักตร์ของพระพุทธรูป ของ
องค์พระ ที่เหมือนมีรอยยิ้มตลอดเวลา  ในขณะนั้นเอง หลวงพ่อสุข เจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ เดินออก
มาจาก ตรวจงานซ่อมโรงทาน เด็กชายยังสวมชุดนักเรียน ก้มกราบหลวงพ่อสุข หลวงพ่อจึง
เอ่ยถามออกมา

"ว่าไง...วันนี้ไม่ไปเรียนหนังสือหรอกหรือ"

"ไม่ขอรับ ผมคิดว่า ผมจะไม่เรียนแล้ว ที่บ้านผมกำลังลำบาก  ถ้าผมออกมาทำงาน ผมคงช่วยที่บ้าน
ได้บ้าง ไม่ต้องเป็นภาระของแม่"

หลวงพ่อสุข ยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยถามออกมา

"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ  เธอคงรู้ว่า การศึกษานั้น จำเป็นต่อการดำรงค์ชีวิต
ถ้าไม่มี ความรู้ แล้วเธอจะช่วยครอบครัวของเธอได้อย่างไร
จริงอยู่ ในขณะนี้ เธออาจใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก  แต่ถ้าเธอคิดย้อนกลับไป
ว่าพ่อ แม่ของเธอจะทนทำงาน แล้วให้เธอเรียนเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่
ต้องการให้เธอมีอนาคตที่ดี ด้วยการศึกษา..."

เด็กชายยังคงสับสน มือที่พนม สั่นไหว ด้วยความรู้สึกหลายหลาก หลวงพ่อสุข จึงเทศน์อีกครั้ง

"เราชื่ออะไรนะ บอกหลวงพ่อซิ!!.."

"ผมชื่อ เบญจศีล ครับหลวงพ่อ"

"เป็นชื่อที่ไพเราะมาก  เธอคงรู้ความหมายของชื่อนี้..ใช่ไหม???"

"ครับ ผมทราบครับ แปลว่าศีลทั้งห้า..."

"พิจารณาจากชื่อของเธอแล้ว  หมายถึงพ่อ แม่ของเธอ ต้องการให้
ลูกชายของเขา เป็นผู้รักษาศีล และมีความสุข นั่นคือความรักของ พ่อแม่
ที่ให้ลูกอย่างแท้จริง เพื่อตอบแทนความรักของท่านทั้งสอง
เธอจะเลือกทางไหน ออกหางานในตอนนี้ ซึ่งหลวงพ่อเชื่อว่าเธอน่าจะได้ทำงานไม่ยาก
แต่เธอคงได้ทำความฝัน  พ่อแม่ของเธอดับสูญไปด้วย..."

เว้นช่วงไว้ครู่หนึ่ง ก่อนที่หลวงพ่อสุข จะเอ่ยออกมาอีกครั้ง

"เธอจงเลือก ที่จะพยายามทำความหวังของท่าน หรือทำความหวังของตน
ควบคู่ไปด้วยกัน  ลองพิจารณาให้ถ่องแท้ เธอก็จะได้พบทางออก"

เด็กชาย นิ่งเงียบภายในใจนั้น รู้สึกสงบ เมื่อได้ยินคำชี้แนะจากหลวงพ่อสุข  เขาก้มลงกราบที่แทบเท้า
หลวงพ่อ ที่มองลงมาด้วยสายตาปรานี  

"ไม่ว่าใคร ก็ต้องการมีความสุข อยากเป็น อยากได้ อยากมี
โดยไม่รู้ว่า ที่ทุกคนมีอยู่ นั่นก็คือสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขอย่างแท้จริง
อย่างเช่น ถ้าเธอสามารถ รักษาศีลทั้งห้า นอกจากเธอจะมีความสุข
โดยแท้แล้ว  ความสุขนั้น ก็จะแผ่ไปยัง คนที่เธอรัก"

"ขอบพระคุณครับหลวงพ่อ  ผมสัญญา ผมจะพยายามรักษาศีลทั้งห้า
เพื่อทุกคน ที่ผมรัก และตั้งใจเรียน เพื่อทำให้ความฝันของพ่อกับแม่ และผมเป็นจริง"

"เจริญพร....โยมเบญจศีล..."
........................

                      หลังจากนั้น เบญจศีลก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ กับหลวงพ่อสุข และตนเอง  เด็กชายตั้งใจเรียน
ตั้งใจทำงานบ้าน ทำงานพิเศษ และตั้งใจรักษาศีล ชีวิตของเด็กชายดีขึ้นเป็นลำดับ นกทั้งสี่ตัวที่ เบญจศีล
ให้อาหาร ก็เติบโตขึ้น และโบยบินตามวิถีของนกเหล่านั้น แต่สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ทุกเช้านกทั้งสี่ จะบิน
ไปส่งถึงโรงเรียน เป็นภาพที่ชินตา ของคนละแวกนั้น  แล้วพ่อของเบญจศีลอาการ ดีขึ้นเป็นลำดับ แล้วได้
สำนึกว่า ได้ทำให้ลูกเมียลำบากเพียงใด เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ที่จะเลิกดื่มเหล้า แล้วฟื้นฟูร่างกายจน
แข็งแรง  ส่วนหนึ่งที่ทำให้พ่อของเบญจศีลได้คิด เพราะหนังสือธรรมะที่หลวงพ่อสุข มอบให้เด็กชาย เพื่อ
อ่านให้พ่อฟัง ในยามที่พ่อกำลังท้อถอย  สิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนั้น เป็นเหมือนยาทิพย์ ได้เข้าไป รักษา
จิตใจให้เข้มแข็ง

ครอบครัวเบญขศีล ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ  เมื่อพ่อเริ่มทำงาน ด้วยความตั้งใจ เพราะโดยพื้นฐาน พ่อเป็นนาย
ช่าง ที่มีฝีมือ ทำงานละเอียดรอบครอบ เป็นที่วางใจต่อนายจ้าง เพียงแต่ชอบดื่มสุรา จนเสียงานเท่านั้น
เมื่อเลิกดื่มสุรา ก็ทำให้มีงานติดต่อเข้ามามากมาย  ความเป็นอยู่ดีขึ้น  เด็กชายมีบ้านของตนเอง มิใช่บ้านที่
ที่หลังใหญ่ หรือสวยงาม แต่เป็นบ้าน ที่อยู่กัน พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว  เมื่อยามเบญจศีลคิดย้อนกลับ
นับจากวันที่เขาได้พบ หลวงพ่อสุข ได้รับฟังคำสอนจากท่าน ให้รู้จักความสุขที่แท้จริง จากตนเอง  
เปลี่ยนแปลงตน ด้วยศีลห้า ทุกอย่างอาจไม่ดีขึ้นในทันที เหมือนเนรมิต แต่เมื่อจิตใจเป็นสุข เด็กชาย
ก็มีความสุขเพิ่มมากขึ้น ความสุขที่เกิดขึ้นจากภายใน จนเขากลายเป็นดั่ง เทวดา ที่มีอิทธฤทธิ์เนรมิตร
ทุกสิ่งได้ดั่งใจปรารถนา  ....เป็นเทวดาที่เกิดจาก...ศีลธรรมของตนเอง แล้วเป็นพลัง ส่งต่อไปให้คน
รอบข้าง....นั่นเอง...

-----------------------------------

ไม่ต้องมี   เงินทอง    พองฟูฟ่อง
ไม่ต้องมอง  ลองเป็น  เช่นใครเขา
ไม่ต้องทุกข์  ผูกติด  ผิดคือเรา
ไม่มัวเมา  เขลาโฉด  โปรดจำเอย....

รักษาธรรม รักษาศีล  รักษาตัวจากทุกข์ภัย...ทั้งมวล
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่