คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
เอิ่ม คือ พ่อ จขกท. คล้ายพ่อเรามากค่ะ แต่ต่างกันตรงที่นาน ๆ ครั้งพ่อเราถึงจะควักปืนออกมา และส่วนใหญ่จะเอาออกมาเวลาเมาหรือแกล้งเมาค่ะ
คือเราขอเล่าเรื่องเราก่อนละกันนะ ซึ่งปัจจุบันนี้ค่อนข้าวมีความสุจดีทั้งพ่อและแม่ แต่เราไม่รู้ว่าเค้ายังรักกันอยู่มั้ย แต่สำหรับตัวเราและน้อง
ก็มีความสุขดีตามอัตภาพ
พ่อเรามีเมียน้อย มาถึงปัจจุบันก็ 10 ปีและ ที่เค้าอยู่ กะ ผญ. คนนั้น ซึ่งเราเรียกนางว่า "เปื่อย" แรก ๆ แม่เราแทบบ้า แบบว่าออกไปเดินร้องไห้กลางถนนตอนดึก ๆ ซึ่งเรารู้เพราะแม่เล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนั้นเรากลัวมากว่าแม่จะฆ่าตัวตาย คือแม่จิตตกมาก เรานอนกะแม่ ดึก ๆ เราจะตื่นเพราะเสียงร้องไห้ของแม่เกือบทุกคืน ช่วงหลังพ่อไปลงทุนค้าขายกับเมียน้อยด้วย แล้วตอนกลางคืนก็ไปนอนกะเค้า ตอนเช้าก็กลับมาบ้าน มาซักผ้า มากินข้าว
เค้าอ้างว่าไปนอนเฝ้าของที่ร้าน เป็นร้านของชำ เป็นแบบนี้มาหลายปี จนชาวบ้านพูดกัน แม่ก็ไม่ได้พูดอะไร เหมือนแม่ จขกท. แหละ แต่พอชาวบ้านพูดพ่อจะรู้สึกอายแล้วก็กินเหล้า แล้วก็มาพาลลงที่แม่ ทะเลาะกันบ้านแตก เสียงดัง พ่อควักปืนออกมา จ่อหัว แม่ แต่แม่ก็ยืนเฉยไม่สนใจ แล้วก็บอกว่า จะยิงก็ยิง เราก็กลัว แม่บอกอยู่เฉย ๆ คือแม่นิ่งมาก แล้วแม่ก็บอกว่า อโหสิให้แกนะ แต่พ่อก็ไม่ได้ยิง แล้วคือเราโมโหมากจนตะโกนออกไปว่า เค้าไม่ใช่พ่อหนู ซึ่งแม่บอกว่าอยู่แบบนี่อีก แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกันกับคนทั้งบ้านเป็นสิบวัน จนพ่อเป็นคนเริ่มพูดก่อน แต่พ่อก็ยังคงไปอยู่กับเปื่อยทุกคืน
เราเลยบอกแม่ว่าให้ฟ้องหย่าสิ ถ้าหย่ากัน เราก็ไม่ได้เสียใจมากนะ แม่ไม่ต้องกลัวเราเสียใจ ถ้าฟ้องเราชนะนะ เพราะพ่อจะทำร้ายร่างกาย และมีเมียน้อยด้วย แม่ก็บอกเค้าว่าพรึ่งนี้ไปอำเภอ หย่ากัน พอรุ่งขึ้นพ่อก็ไม่ไป คือเราคิดว่าที่ไม่หย่า เพราะเหตุผลหลัดคืออายคนในหมู่บ้าน อายคนในสังคม เพราะพ่อเป็น ผู้ใหญ่บ้าน
แม่ก็บอกว่ามันค้าง ๆ คา ๆ อยู่แบบนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไง แม่เลยบอกว่าแก้ที่ตัวเค้าไม่ได้ก็แก้ที่ตัวเราเองแล้วกัน
เริ่มจากแม่ฟังเทศน์ฟังธรรม สวดมนต์ที่มันยาว ๆ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา แล้วแม่ก็บอกให้เราเข้าใจว่าพ่อเค้าเลิกกัยเมียน้อยไม่ได้เพราะเค้ายังใช้กรรมกีนไม่หมด ก็ปล่อยเค้า แม่ปล่อยแบบไม่สนใจใยดีพ่อ ไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับเมียน้อยอีกเลย ไม่ยุ่ง ไม่เอ่ยสักคำ ไม่บอกให้เลิกกับเมียน้อย แล้วก็ไม่ได้ไล่ให้ไปิยู่กับเมียน้อย แม่บอกพ่อจะทำแบบนี้แล้วสบายใจเขาก็ปล่อยเขา
ทุกวันนี้เวลาจะไปไหนทพอะไรก็ไปรถประจำทาง ทั้งที่พ่อไปส่งไเ้ แม่ก็ไม่ไปกับพ่อ แม่กับพ่อคุยกันปกติ แต่คุยเรื่องทั่วไป เรื่องลูก เรื่องกิน อะไรก็ว่าไป บางทีแม่ก็คุยเรื่องธรรมะกับพ่อ ซึ่งพ่อก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แม่สอนพ่อสวดมนต์ เพราะพ่อสวดมนต์ไเ้ไม่จบบทซักที แล้วบางทีพ่อก็เอาเรื่องเปื่อยมาเล่าให้แม่ฟังว่ามันป่วย อย่างนั่นอย่างนี้ คือแกไม่รู้จะบ่นกะใคร แม่ก็จะแค่แนะนำว่าพามันไปหาหมอซะบ้างสิ แค่นั้น
สรุปคือ แม่ปลงได้แล้ว เราก็เฉย ๆ แล้วอ่ะ คือบ้านเมียน้อยพ่อกะบ้านเราเนี่ย เดินไป 5 นาทีก็ถึงละ
เรากัแม่ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับเค้าเลย พ่อก็ยังไปนอนนู่นเหมือนเดิม กลับมาตอนเช้าเหมือนเดิม แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ตอนเช้าพ่อกลับมาซักผ้ารดน้ำต้นไม้
แล่วก็นั่งกินข้าวกับแม่ เราก็เดินผ่านบ้านเมียน้อยพ่อเกือบทุกวัน ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเกลียดอะไร บางครั้งสงสารด้วยซ้ำ เพราะชาวบ้านก็นินทานางจนเละแล้ว เราก็คุยกะพ่อปกติ
อยากให้ จขกท. ปลงค่ะ เข้าวัด ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เขาจะทำอะไรปล่อยเขา จะทำลายข้าวของ หรือจะอะไร ปล่อยเลยค่ะ ยืนดูเฉย ๆ จะเอาปืนมาจ่อ หรือจะโวยวายอะไรก็ให้เค้าทำไปเดี๋ยวก็สงบไปเอง อย่าไปโกรธหรือเกลียดเขา เพราะอย่างไรเสีย เค้าก็พ่อเรา ถ้าเราคิดโกรธเกลียดพ่อตัวเอง เราก็จะบาปด้วยนะ คิดซะว่าเค้ายังไม่หมดเวรหมดกรรมค่ะ เพราะเค้ายังตัด ยังละไม่ได้ หรือไม่ก็ทำเหมือนเค้าไม่มีตัวตนไปเลยค่ะ คือก็ใช้ชีวิตปกติแหละ เค้าก็กลับบ้านนอนกินข้าวปกติ เราก็อยู่ปกติของเรา ไม่ต้องพูดคุยกัน สักพักเราก็จะปลงได้ค่ะ ต้องให้อภัยกันนะ อย่าโกรธ เกลียด เคียดแค้นเด็ดขาด สวดมนต์นั่งสมาธิให้ใจสงบค่ะ ถ้าทำไม่ได้ หาตัวช่วยค่ะ ไปวัดเลย หรือไม่ก็ไปบ้านคนรู้จัก ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ทำให้เราจิตใจเบิกบานขึ้นค่ะ
แต่ถ้า จขกท. อยู่ต่อไปแบบที่เราอยู่กับพ่อกับแม่ปัจจุบันนี้ไม่ได้แน่ หย่าเลยค่ะ หย่าให้ขาด ถ้าเค้าไม่ยอม ก็ฟ้องหย่าค่ะ หาทนายมาไกล่เกลี่ยให้มันจบ ๆ ค่ะ
ก่อนที่เรา แม่ และน้อง จะปลงกันได้แบบนี้ (ปลงจนถึงขั้นหยิบมาพูดหันเป็นเรื่องโจ๊กไปแล้ว) เราก็ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาก่อนเหมือนกัน พอ ๆ กับ จขกท. เลยค่ะ ทั้งนั่งรถซิ่งมันส์ดีแท้ 555 ทั้งโดนปืนกราดจ่อทั้งบ้าน ทั้งหลังคาบ้านทะลุเพราะยิงขึ้นหลังคา ทั้งคิดสมคบกะน้องว่าเผาบ้านเมียน้อยดีมั้ย ทั้งชวนแม่ไปทำคุณไสย (แต่ไม่ได้ทำนะ แม่บอกกลัวบาป) ทั้งเห็นพ่อตบแม่ใต้ต้นมะม่วง (ปัจจุบันนนี้ก็เรียกว่ามะม่วงตีกัน โดนน้ำท่วมตายไปละ เป็นต้นที่อร่อยที่สุดด้วย555) ทั้งทะเลาะกันกลางงานเลี้ยงในโต๊ะจีน โหวว เยอะมาก แต่ปัจจุบันก็อยู่ด้วยกันแบบค้างคาแบบเนี๊ยะ ซึ่งทุกคนไม่ได้คิดอะไรแล้วจริง ๆ คุยกันเฮฮาปกติ เหมือนเพื่อนร่วมโลกที่สนิทกันมากก็เท่านั้น มีอะไรช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยกันไป อ้อ แล้วเรื่องเงิน คือของใครของมันไม่เกี่ยวกัน เรื่องลูกรับผิดชอบร่วมกัน คนละครึ่ง แต่ตอนนี้เราเรียนจบละ
อยากให้ จขกท. มีสติมาก ๆ มีสติก่อนคิดทำอะไรนะคะ ข่มอารมณ์ตัวเอวให้ได้ก่อน แล้วอย่าไปว่าพ่อเด็ดขาด ถึงแม้เค้าจะทำตัวแย่แค่ไหนก็ตาม
แม่ จขกท. น่าจะปลงได้ระดับหนึ่งแล้ว ถ้าได้สวดมนต์ทำสมาธิบ้าง หรือหาอะไรอย่างอื่นทำให้ไม่เครียดก่อน แล้วมาตั้งสติแก้ปัญหากันค่ะ
คือมันอาจจะทำใจยากสักหน่อย แต่ถ้าเราเข้าใจความคิดและการกระทำของพ่อและอภัยกัน มันจะดีขึ้นเอง
ที่พ่อ จขกท. โกรธและทำร้ายแม่ ถึงแม้แม่ไม่ได้เริ่ม แต่ถ้าเค้าฟังจากชาวบ้านที่พูเกันมา เค้าจะคิดว่าแม่ต้องรู้เรื่องค่ะ (ถึงแม้แม่จัไม่รู้ก็ตาม) เค้าจะเกิดความรู้สึกอายจนโมโหแล้วก็หาที่รองรีบอารมณ์ (อันนี้เอาพ่อเราเป็นบรรทัดฐานนะคะ)
สู้ ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้
อ้อ อีกอย่าง ชาวบ้านยางทีก็ชอบพูดกรอกหูค่ะ ว่า พ่อเอ็งไม่กลับบ้านรึไง พ่อเอ็ง้ลิกกะแม่เอ็งแล้วเรอะ เห็นไปอยู่กับ...มัน เยอะแยะค่ะ
อีนนี้ ให้ตีดไปจากชีวิตเลยค่ะ อย่าไปสนใจ้ด็ดขาด อย่าให้เค้ามามีอิทธิพลต่อความคิดของเรา ไม่มีใครรู้เรื่องคนในครอบครัวเราดีเท่าตัวเราค่ะ
เอิ่ม ยาว เรียบเรียงวกวนบ้าง จออภัย แหะ ๆ
คือเราขอเล่าเรื่องเราก่อนละกันนะ ซึ่งปัจจุบันนี้ค่อนข้าวมีความสุจดีทั้งพ่อและแม่ แต่เราไม่รู้ว่าเค้ายังรักกันอยู่มั้ย แต่สำหรับตัวเราและน้อง
ก็มีความสุขดีตามอัตภาพ
พ่อเรามีเมียน้อย มาถึงปัจจุบันก็ 10 ปีและ ที่เค้าอยู่ กะ ผญ. คนนั้น ซึ่งเราเรียกนางว่า "เปื่อย" แรก ๆ แม่เราแทบบ้า แบบว่าออกไปเดินร้องไห้กลางถนนตอนดึก ๆ ซึ่งเรารู้เพราะแม่เล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนั้นเรากลัวมากว่าแม่จะฆ่าตัวตาย คือแม่จิตตกมาก เรานอนกะแม่ ดึก ๆ เราจะตื่นเพราะเสียงร้องไห้ของแม่เกือบทุกคืน ช่วงหลังพ่อไปลงทุนค้าขายกับเมียน้อยด้วย แล้วตอนกลางคืนก็ไปนอนกะเค้า ตอนเช้าก็กลับมาบ้าน มาซักผ้า มากินข้าว
เค้าอ้างว่าไปนอนเฝ้าของที่ร้าน เป็นร้านของชำ เป็นแบบนี้มาหลายปี จนชาวบ้านพูดกัน แม่ก็ไม่ได้พูดอะไร เหมือนแม่ จขกท. แหละ แต่พอชาวบ้านพูดพ่อจะรู้สึกอายแล้วก็กินเหล้า แล้วก็มาพาลลงที่แม่ ทะเลาะกันบ้านแตก เสียงดัง พ่อควักปืนออกมา จ่อหัว แม่ แต่แม่ก็ยืนเฉยไม่สนใจ แล้วก็บอกว่า จะยิงก็ยิง เราก็กลัว แม่บอกอยู่เฉย ๆ คือแม่นิ่งมาก แล้วแม่ก็บอกว่า อโหสิให้แกนะ แต่พ่อก็ไม่ได้ยิง แล้วคือเราโมโหมากจนตะโกนออกไปว่า เค้าไม่ใช่พ่อหนู ซึ่งแม่บอกว่าอยู่แบบนี่อีก แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกันกับคนทั้งบ้านเป็นสิบวัน จนพ่อเป็นคนเริ่มพูดก่อน แต่พ่อก็ยังคงไปอยู่กับเปื่อยทุกคืน
เราเลยบอกแม่ว่าให้ฟ้องหย่าสิ ถ้าหย่ากัน เราก็ไม่ได้เสียใจมากนะ แม่ไม่ต้องกลัวเราเสียใจ ถ้าฟ้องเราชนะนะ เพราะพ่อจะทำร้ายร่างกาย และมีเมียน้อยด้วย แม่ก็บอกเค้าว่าพรึ่งนี้ไปอำเภอ หย่ากัน พอรุ่งขึ้นพ่อก็ไม่ไป คือเราคิดว่าที่ไม่หย่า เพราะเหตุผลหลัดคืออายคนในหมู่บ้าน อายคนในสังคม เพราะพ่อเป็น ผู้ใหญ่บ้าน
แม่ก็บอกว่ามันค้าง ๆ คา ๆ อยู่แบบนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไง แม่เลยบอกว่าแก้ที่ตัวเค้าไม่ได้ก็แก้ที่ตัวเราเองแล้วกัน
เริ่มจากแม่ฟังเทศน์ฟังธรรม สวดมนต์ที่มันยาว ๆ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา แล้วแม่ก็บอกให้เราเข้าใจว่าพ่อเค้าเลิกกัยเมียน้อยไม่ได้เพราะเค้ายังใช้กรรมกีนไม่หมด ก็ปล่อยเค้า แม่ปล่อยแบบไม่สนใจใยดีพ่อ ไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับเมียน้อยอีกเลย ไม่ยุ่ง ไม่เอ่ยสักคำ ไม่บอกให้เลิกกับเมียน้อย แล้วก็ไม่ได้ไล่ให้ไปิยู่กับเมียน้อย แม่บอกพ่อจะทำแบบนี้แล้วสบายใจเขาก็ปล่อยเขา
ทุกวันนี้เวลาจะไปไหนทพอะไรก็ไปรถประจำทาง ทั้งที่พ่อไปส่งไเ้ แม่ก็ไม่ไปกับพ่อ แม่กับพ่อคุยกันปกติ แต่คุยเรื่องทั่วไป เรื่องลูก เรื่องกิน อะไรก็ว่าไป บางทีแม่ก็คุยเรื่องธรรมะกับพ่อ ซึ่งพ่อก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แม่สอนพ่อสวดมนต์ เพราะพ่อสวดมนต์ไเ้ไม่จบบทซักที แล้วบางทีพ่อก็เอาเรื่องเปื่อยมาเล่าให้แม่ฟังว่ามันป่วย อย่างนั่นอย่างนี้ คือแกไม่รู้จะบ่นกะใคร แม่ก็จะแค่แนะนำว่าพามันไปหาหมอซะบ้างสิ แค่นั้น
สรุปคือ แม่ปลงได้แล้ว เราก็เฉย ๆ แล้วอ่ะ คือบ้านเมียน้อยพ่อกะบ้านเราเนี่ย เดินไป 5 นาทีก็ถึงละ
เรากัแม่ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับเค้าเลย พ่อก็ยังไปนอนนู่นเหมือนเดิม กลับมาตอนเช้าเหมือนเดิม แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ตอนเช้าพ่อกลับมาซักผ้ารดน้ำต้นไม้
แล่วก็นั่งกินข้าวกับแม่ เราก็เดินผ่านบ้านเมียน้อยพ่อเกือบทุกวัน ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเกลียดอะไร บางครั้งสงสารด้วยซ้ำ เพราะชาวบ้านก็นินทานางจนเละแล้ว เราก็คุยกะพ่อปกติ
อยากให้ จขกท. ปลงค่ะ เข้าวัด ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เขาจะทำอะไรปล่อยเขา จะทำลายข้าวของ หรือจะอะไร ปล่อยเลยค่ะ ยืนดูเฉย ๆ จะเอาปืนมาจ่อ หรือจะโวยวายอะไรก็ให้เค้าทำไปเดี๋ยวก็สงบไปเอง อย่าไปโกรธหรือเกลียดเขา เพราะอย่างไรเสีย เค้าก็พ่อเรา ถ้าเราคิดโกรธเกลียดพ่อตัวเอง เราก็จะบาปด้วยนะ คิดซะว่าเค้ายังไม่หมดเวรหมดกรรมค่ะ เพราะเค้ายังตัด ยังละไม่ได้ หรือไม่ก็ทำเหมือนเค้าไม่มีตัวตนไปเลยค่ะ คือก็ใช้ชีวิตปกติแหละ เค้าก็กลับบ้านนอนกินข้าวปกติ เราก็อยู่ปกติของเรา ไม่ต้องพูดคุยกัน สักพักเราก็จะปลงได้ค่ะ ต้องให้อภัยกันนะ อย่าโกรธ เกลียด เคียดแค้นเด็ดขาด สวดมนต์นั่งสมาธิให้ใจสงบค่ะ ถ้าทำไม่ได้ หาตัวช่วยค่ะ ไปวัดเลย หรือไม่ก็ไปบ้านคนรู้จัก ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ทำให้เราจิตใจเบิกบานขึ้นค่ะ
แต่ถ้า จขกท. อยู่ต่อไปแบบที่เราอยู่กับพ่อกับแม่ปัจจุบันนี้ไม่ได้แน่ หย่าเลยค่ะ หย่าให้ขาด ถ้าเค้าไม่ยอม ก็ฟ้องหย่าค่ะ หาทนายมาไกล่เกลี่ยให้มันจบ ๆ ค่ะ
ก่อนที่เรา แม่ และน้อง จะปลงกันได้แบบนี้ (ปลงจนถึงขั้นหยิบมาพูดหันเป็นเรื่องโจ๊กไปแล้ว) เราก็ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาก่อนเหมือนกัน พอ ๆ กับ จขกท. เลยค่ะ ทั้งนั่งรถซิ่งมันส์ดีแท้ 555 ทั้งโดนปืนกราดจ่อทั้งบ้าน ทั้งหลังคาบ้านทะลุเพราะยิงขึ้นหลังคา ทั้งคิดสมคบกะน้องว่าเผาบ้านเมียน้อยดีมั้ย ทั้งชวนแม่ไปทำคุณไสย (แต่ไม่ได้ทำนะ แม่บอกกลัวบาป) ทั้งเห็นพ่อตบแม่ใต้ต้นมะม่วง (ปัจจุบันนนี้ก็เรียกว่ามะม่วงตีกัน โดนน้ำท่วมตายไปละ เป็นต้นที่อร่อยที่สุดด้วย555) ทั้งทะเลาะกันกลางงานเลี้ยงในโต๊ะจีน โหวว เยอะมาก แต่ปัจจุบันก็อยู่ด้วยกันแบบค้างคาแบบเนี๊ยะ ซึ่งทุกคนไม่ได้คิดอะไรแล้วจริง ๆ คุยกันเฮฮาปกติ เหมือนเพื่อนร่วมโลกที่สนิทกันมากก็เท่านั้น มีอะไรช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยกันไป อ้อ แล้วเรื่องเงิน คือของใครของมันไม่เกี่ยวกัน เรื่องลูกรับผิดชอบร่วมกัน คนละครึ่ง แต่ตอนนี้เราเรียนจบละ
อยากให้ จขกท. มีสติมาก ๆ มีสติก่อนคิดทำอะไรนะคะ ข่มอารมณ์ตัวเอวให้ได้ก่อน แล้วอย่าไปว่าพ่อเด็ดขาด ถึงแม้เค้าจะทำตัวแย่แค่ไหนก็ตาม
แม่ จขกท. น่าจะปลงได้ระดับหนึ่งแล้ว ถ้าได้สวดมนต์ทำสมาธิบ้าง หรือหาอะไรอย่างอื่นทำให้ไม่เครียดก่อน แล้วมาตั้งสติแก้ปัญหากันค่ะ
คือมันอาจจะทำใจยากสักหน่อย แต่ถ้าเราเข้าใจความคิดและการกระทำของพ่อและอภัยกัน มันจะดีขึ้นเอง
ที่พ่อ จขกท. โกรธและทำร้ายแม่ ถึงแม้แม่ไม่ได้เริ่ม แต่ถ้าเค้าฟังจากชาวบ้านที่พูเกันมา เค้าจะคิดว่าแม่ต้องรู้เรื่องค่ะ (ถึงแม้แม่จัไม่รู้ก็ตาม) เค้าจะเกิดความรู้สึกอายจนโมโหแล้วก็หาที่รองรีบอารมณ์ (อันนี้เอาพ่อเราเป็นบรรทัดฐานนะคะ)
สู้ ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้
อ้อ อีกอย่าง ชาวบ้านยางทีก็ชอบพูดกรอกหูค่ะ ว่า พ่อเอ็งไม่กลับบ้านรึไง พ่อเอ็ง้ลิกกะแม่เอ็งแล้วเรอะ เห็นไปอยู่กับ...มัน เยอะแยะค่ะ
อีนนี้ ให้ตีดไปจากชีวิตเลยค่ะ อย่าไปสนใจ้ด็ดขาด อย่าให้เค้ามามีอิทธิพลต่อความคิดของเรา ไม่มีใครรู้เรื่องคนในครอบครัวเราดีเท่าตัวเราค่ะ
เอิ่ม ยาว เรียบเรียงวกวนบ้าง จออภัย แหะ ๆ
แสดงความคิดเห็น
พ่อมีเมียน้อย และชอบขู่ทำร้ายร่างกาย
เค้าทำร้ายร่างกายแม่ผมตั้งแต่ผมยังจำความได้เลยครับ ทั้งๆที่แม่ไม่ผิดอะไร แต่ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้เลยครับ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ยอมมาตลอด ไม่ว่าพ่อจะมีกี่คน ได้แค่รับรู้ แต่พูดไปก็โดนทำร้ายร่างกายมาตลอด
พ่อผมเค้าเป็นคนที่ชอบเข้าสังคมครับ พอดีเป็น สท.(สมาชิคสภาเทศบาล) คือเป็นคนที่เงินเดือนไม่พอใส่ซอง
การปฎิบัติข้างนอกบ้านเป็นอย่างนึง เข้ามาในบ้านเป็นอีกอย่าง ข้างนอกเค้ายกมือไหว้สวัสดีชาวบ้านพูดจาไพเราะ
ออลืมบอกไปครับเค้าเป็นโฆศก เวลามีอะไรเค้าก็จะประกาศช่วยงานวัดประจำครับ ทุกคนข้างนอกเลยมองว่าเค้าเป็นคนดี
แต่พฤติกรรมในบ้านมันไม่ใช่เลยครับ ทำตัวเป็นเจ้านายในบ้าน คนในบ้านต้องฟัง กินต้องหามาให้ กินเสร็จต้องเก็บล้างให้
เรียกแม่ผมต่อหน้าคนอื่นว่า "แม่หวาน" คนอื่นเค้าฟังเค้าคงคิดว่า เออครอบครัวนี้น่ารักเน๊อะ น่าอิจฉารักกันดี
...............................................................................................................................................................
เรื่องนิสัยคร่าวๆก็จบไป นะครับ ที่ผมอยากออกมาบอกตอนนี้ก็คือ ผมสงสารแม่มากครับ ทุกครั้งที่จับได้แม่ก็จะกลายเป็นคนผิดตลอด
ทั้งๆที่แม่ไม่เคยไปยุ่งเรื่อง แอบดูโทรศัพท์ แอบตาม หรือแม้กระทั่งอยากรู้เรื่องราวใดๆที่จะทำให้เดือดร้อน แม่ไม่เคยทำครับ
พ่อเป็นคนเริ่มทั้งนั้นครับ เพราะพ่อไปมีเมียน้อยมาแล้วปากชาวบ้านเค้าก็เล่าต่อๆกันมา พ่อถามก็กลายเป็นว่าเราผิด เค้าหาว่าเรา
กับเมียน้อยคนล่าสุด ผมเป็นคนจับได้เองแหละครับ เพราะแม่ผมไม่ยุ่งอะไรอยู่แล้วครับ ผมก็บอกให้แม่อยู่เฉยๆด้วยครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า
ปลายปีก่อนพ่อหัดใช้ Smart Phone แล้วอยากเล่ยเฟรสเล่นไลน์ บอกว่าจะเอาไว้คุยงานส่งงาน ผมก็ไม่ทำให้ครับเพราะรู้นิสัยเค้าอยู่
เค้าก็เลยไปให้พี่ที่รู้จักกันสมัครให้ครับ พอพ่อมีเฟรสมีไลน์ ก็มีผู้ญคนนึงเค้ามาโพสมาไลท์เวลาพ่อเอาอะไรลงเฟรส ผู้ญคนนี้ชื่อพรรณ
อยู่ปากเกร็ด ตอนแรกเค้าเข้ามาโพสประมาณว่า ชมพ่อว่าหล่อ บอกว่าชอบ (ผมกับพ่อไม่ได้เป็นเพื่อนในเฟรสกันนะครับ ผมเข้าไปสอดส่อง)
หลังๆมาเริ่มมาโพสประมาณว่า คิดถึง แต่ผมพลาดครับที่ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ จากนั้นความสัมพันธ์ก็เริ่มเปลี่ยนครับ เค้าส่งข้อความมาบอกพ่อว่า
เค้าขอเข้ามาดูแลพ่อข้างหลังบ้านได้ไหม เค้าอยากทำหน้าที่ตรงนี้ให้พ่อหายเหนื่อย อะไรประมาณนี้ครับ ผมก็ไปเจอเข้า
เพราะเค้าทิ้งโทรศัพท์ให้ผมไว้ แล้วผมต้องเอา E-mail ที่ลูกค้าจ้างงานมามาจัดส่งเมลให้เค้า ผมไปเจอเข้า ผมก็เลยนิ่งๆไว้ครับ
จะรอดูพฤติกรรมคนของเราต่อไป แต่ก็ครับผลสุดท้ายเค้าก็คุยกัน จาดพี่จากน้อง ก็กลายเป็นพ่อและแม่ (เค้าเรียกแทนตัวเองครับ)
แล้วเมื่อวันที่10เมษาที่ผ่านมานี้ เค้าจะขึ้นมาหาพ่อผม (ผมอยู่เชียงใหม่ครับ) วันที่13 แล้วพอดีว่าผมไปอ่านเจอในไลน์ครับ ผมเลยไปบอกแม่
แต่คือบอกแม่แล้วให้แม่อยู่เฉยๆ คนนี้ผมอยากจะรู้ว่าพ่อจะหยุดได้รึยัง พอวันที่11แม่ถามว่าวันที่13มีงานที่ไหนบ้าง พ่อก็บอกว่า มีงานตั้งแต่เช้า
ต้องไปวันตอนเช้า แล้วกลับมาขับรถ(เอาคนใส่กระบะหลังรถไปเล่นน้ำ เค้าจ้างมาครับ) แล้วตอนดึกๆเค้าก็ต้องกลับไปเข้าวัด
เพราะว่าคนจะมาฟังเทศฟังธรรมนุ่งขาวห่มขาวเยอะแยะ ต้องไปเฝ้าเครื่องเสียง วันที่13คงจะกลับดึก แม่เลยแซวไปว่าไปหากิ๊กเหรอ
พ่อก็บอกว่ากิ๊กอะไร ไม่ไว้ใจก็ไปด้วยกันไหม? แม่ก็เลยบอกว่า ไม่ไปหรอกไม่ว่าง พอมาถึงวันที่13เมษาจริงๆ เค้าออกบ้านไปแต่เช้า กลับบ้านมาตอนเย็น
แล้วรีบอาบน้ำ แต่ก่อนจะอาบน้ำ แม่ก็บอกว่า ป่ะจะไปวัดใช่ไหมจะไปด้วยจะไปทำบุญ ทีนี้แหละครับ โกรธร้อนตัวเป็นฟืนเป็นไฟ ทำท่าทีไม่พอใจอย่างมาก
เพราะเห็นว่าแม่จะไปด้วย คงจะเกินคาดแหละครับเพราะเค้าเตรียมไว้แล้วว่าจะไปหาเมียน้อยที่ชื่อพรรณคนนี้ เค้าแร่งมอไซต์ตอนออกจากบ้านแบบ
ไม่พอใจ แล้วแม่ผมซ้อนท้าย แม่โทรมาบอกว่าน่ากลัวมากมันขี่พุ่งเหมือนจะไปชนคนนั้นคนนี้ แบลกแรกๆบ้าง สะบัดรถบ้าง แม่กลับมากครับว่ารถจะล้ม
พอถึงวัด สิ่งที่แม่แปลกใจคือ ไหนหละคนเยอะแยะที่มานุ่งขาวห่มขาว ไม่มีเลยครับ มีแต่เครื่องเสียงที่เปิดไว้ ซึ่งพระทางวัดก็ดูแลเครื่องเสียงได้ครับ
พอแม่เดินขึ้นไปไหว้พระบนวิหารครับ ทีนี้ซิครับ พ่อรีบวิ่งไปหลบหลังกุติ แม่รีบกราบพระแล้ววิ่งตาม แล้วไปได้ยินพ่อคุยโทรศัพท์ว่า
"พี่ไปหาพรรณไม่ได้แล้วนะ วันนี้เมียพี่มาด้วย พี่คิดถึงพรรณนะ" หลังจากนั้น แม่ก็เดินออกมาหน้าวัด แล้วโทรเรียกพ่อออกมาหน้าวัด พอพ่อเดินออกมา
แม่ก็บอกว่า ถ้าอยากจะไปอยู่กับเค้าก็ไปเลย นัดกันไว้แล้วหนิ ไม่อยากให้เสียเวลา (ประมาณนี้นะครับแม่บอกผม) งานเข้าแม่เลยครับ
พ่อ: บอกว่ามาอะไรเรื่องของกู
แม่: ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของตัวเองเลย ถ้าอยากจะไปก็ไปเลย ไม่อยากให้ยุ่งแล้วจะมายุ่งกันทำไม
พ่อ: อยากเจ็บตัวใช่ไหม กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู กูไม่เคยเอาเงินไปให้ใคร
แม่: หยุดทำบาปต่อกันเลย ถ้าเค้าดีก็ไปอยู่กับเค้าซะ เราก็จบกันด้วยดี
พ่อ: เออ เดี๋ยวกูจะกลับไปเอาของกูขายให้หมดแล้วกูจะไป (เคยพูดหลายครั้งครับ แต่ก็ยังอยู่) ได้ อยากจบใช่ไหม เดี๋ยวไอ่ที่ซื้อมา4หมื่น5หมื่นนั่นหนะกูได้ใช้แน่ๆ (เอาปืนมาขู่ฆ่าตลอดเลยครับ) ทีนี้พ่อก็วิ่งไปเอามอไซต์ออกมาแล้วบอกให้แม่ซ้อนท้าย แต่แม่โทรบอกผมให้มารับแล้ว พ่อเลยออกไปเมียน้อย ก่อนจะไปยังบอกแม่ว่า เอากุนแจบ้านใส่ไว้ที่....(ไม่ได้พกกุนแจบ้านไป ถ้าเข้าบ้านก่อนเอาออกมาไว้ให้ก็จะได้เปิดเข้าได้ ถ้าผมกับแม่ยังไม่เข้าบ้าน)
พอผมไปรับแม่กลับ ตอนขับรถกลับพ่อโทรมาครับ
พ่อ: บอกแม่ด้วยว่าไม่ต้องมาไม่ต้องมายุ่งเรื่องของพ่อให้มาก
ผม: อ่าว พูดอย่างงี้ได้ยังไง ไม่ต้องมาแล้วจะมายุ่งกันทำไม นี่ครอบครัวใช่ไหม
พ่อ: มันมาอะไรด้วย พ่อจะคุยกับใครก็เรื่องของพ่อ บอกแม่ระวังตัวไว้ให้ดี
ผม: ทำไมพ่อพูดอย่างนี้ แล้วไปเอากับมันทำไม
พ่อ: พ่ออยู่เฉยๆ เค้าเข้ามาหาพ่อเอง พ่อก็ไม่เคยเอาเงินไปให้เค้าด้วย (ไม่เคย?)
ผม: ถ้าเค้าเข้ามาแล้วเราไม่ไปเล่นด้วยมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก พ่อหนะหยุดทำบาปต่อลูกกับแม่ได้แล้ว
สร้างบาปต่อกันมาตั่งแต่ลูกยังเด็กๆแล้ว พอได้แล้ว
พ่อ: ไม่ต้องมายุ่งพ่อจะทำอะไรก็เรื่องของพ่อ พ่อจะจัดการชีวิตพ่อเอง
ผม: ถ้าไม่ให้ยุ่งแล้วจะเรียกว่าครอบครัวทำไมหละ
พ่อ: ไม่ต้องยุ่ง เดี๋ยวคงได้ใช้แน่ๆไอ่สี่หน้าหมื่นที่ซื้อมาหนะ(ปืน)
ผม: อ๋ออออออ ได้ๆ ไม่ยุ่งก็ได้ จบกันด้วยดี ไม่ต้องมาตบตีฆ่าฟัน
พ่อ: ไม่รู้............เตรียมตัวไว้เลย ใครบอกให้มายุ่ง พ่อจัดการตัวเองได้ชีวิตพ่อ พ่อจะอยู่ไหนทำอะไรก็เรื่องของพ่อ
ผม: แล้วตอนนี้อยู่ไหน
พ่อ: ไม่ต้องรู้.........(จบการสนทนาทางโทรศัพท์)
จากนั้นผมก็ขับรถพาแม่ไปหาคนที่เค้าสนิทกับพ่อ เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งอดีตและปัจจุบัน และเข้าบ้านมาเพื่อเอากุนแจบ้านไปไว้ให้ที่ลับ
เผื่อกลับมาตอนผมไม่อยู่จะได้เข้าบ้านได้ (ผมทำงานตอนกลางคืนครับ เป็นพนักงานทำความสะอาด เรียนมหาลัยไปด้วยทำงานไปด้วย ทำที่เดียวกับแม่)
จะได้ไม่ต้องพังเข้ามา เพราะพ่อเป็นคนที่ชอบทำลายข้าวของด้วยครับ ผมให้แม่มาด้วยเพื่อความปรอดภัย ให้แม่นอนในรถรอครับ พอผมออกงาน
แม่ก็บอกไม่อยากเข้าบ้าน ผมก็เลยพาแม่ไปกราบไหว้พระครูบาเจ้าศรีวิชัยครับ เสร็จแล้วผมกะจะกลับบ้าน เพราะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ตายเป็นตาย
แม่ก็บอก ไม่อยากกลับบ้าน ไปหาที่เดินเล่นเถอะ ผมก็ไม่รู้จะไปไหนเพราะเวลาตอนนั้นตี4เกือบจะตี5แล้วครับ ผมเลยพาแม่ไปที่โครงการที่เหมือนศูนย์การค้าเล็กๆ แล้วก็จอดรถนอนกันในรถเลยครับ ตี5เกือบหกโมงก็ตื่นครับ กลับบ้านมา อ่าวประตูล๊อคยังไม่ได้เปิด ซัก10นาทีต่อมา พ่อขี่มอไซต์เข้ามาครับ
ผมกับพ่อต่างคนต่างตาขวางซึ่งกัน แล้วก็จ้องไปที่แม่ผม ซึ่งผมกับแม่ก็ไม่ได้สนใจมากนักครับ แต่สั่นมากครับกลั้นน้ำตาเอาไว้ แม่หลบไปซักผ้าแล้วร้องไห้ ผมแอบเห็นแต่ไม่พูด เพราะพ่อจะสะใจ ซักพัก พ่อเดินเข้าไปเอาปืนที่เก็นไว้ในตู้ออกมา ทำท่าทางตรวจดูปืน ผมก็เลยของขึ้นครับ
ผม: มีอะไรก็พูดๆมา ไม่ต้องเอาปืนมาขู่ ไม่ชอบ
พ่อ: พูดดีดี ๆ
ผม: นี่พูดดีแล้ว ลูกกับแม่ไม่เคยเริ่มก่อน
จากนั้นทำหน้าตาเหมือนเคร่งเครียด ปืนก็อยู่ในมือ ผมก็กลัวจายนะ แต่เวลานั้นตายผมก็หมดเวรหมดกรรมกับคนคนนี้แล้วหละครับผมคิดไว้
แต่ก็ไม่มีอะไรครับ เอาปืนใส่กระเป๋าแล้วเดินเอาออกไปเก็บไว้ในรถยนต์อีกคัน หลังจากนั้นก็ไม่พูดกันครับ เค้าก็ออกไปวันนี้ทั้งวัน ผมก็อยู่กับแม่ทั้งวัน
ช่วยกันย้ายที่นอนแม่มาห้องผม ให้แม่นอนกับผม
ประมาณ 3ทุ่มของวันนี้ (14/03/57) พ่อกลับเข้าบ้านซื้อเบียร์มากิน แล้วก็เดินไปหยิบปืนจากในรถมาวางที่โต๊ะ ตอนนี้ 22.40 พ่อเข้านอนพร้อมกับเอาปืนไปไว้ในห้องนอนด้วยแล้วครับ ผมก็กำลังจะออกไปส่งแม่ทำงานแล้วครับ (วันนี้ผมหยุด)
ต้องขอโทษด้วยนะครับ ถือว่าผมขอระบายความเครียดที่หาทางออกไม่ได้จริงๆ แม่ทำให้ทุกอย่างที่เป็นงานบ้าน ดูแลเสื้อผ้าของใช้ คือแทบจะทุกอย่างครับที่แม่ทำ แต่สิ่งที่พ่อทำไม่เคยแม้แต่จะรักษาน้ำใจคนในบ้านแม้แต่น้องครับ อาจจะมองว่าผมไม่ดียังไงก็ได้นะครับที่มาขายพ่อตัวเองให้คนอื่นเค้าฟัง