เอ่ยชื่อ โจวาเน เอลแบร์ ไม่เพียงแค่แฟน ๆ บาเยิร์น มิวนิค แต่แฟนฟุตบอลยุค 90 ตอนปลายต่างจดจำลีลาการทำประตูของกองหน้าแซมบ้าได้ติดตา เขาคือหนึ่งในดาวยิงที่ผลงานเอกอุที่สุดของเสือใต้ แต่เจ้าตัวคงอยากเพิ่มสถิติ 138 ประตูที่ยิงให้กับบาเยิร์นขึ้นอีกสักประตูสองประตู ในเกมที่พวกเขาฟาดแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คัมป์ นู บาร์เซโลนา - ยูฟา แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 1998-99 นัดชิงถ้วยยุโรปที่อยู่ในความทรงจำที่สุดตลอดกาลนัดหนึ่ง เมื่อปีศาจแดงที่ถูกเสือใต้ขึ้นนำไปก่อน 1-0 และถูกบดอย่างหนัก พลิกกลับมาชนะ 2-1 จากสองประตูท้ายเกม แฟน ๆ ยูไนเต็ดอาจเรียกมันว่า "โกงความตาย" แต่กับบาเยิร์น มันคือวันใจสลาย
"แพ้เกมนัดชิงอย่างนั้น มันเป็นเรื่องครั้งหนึ่งในชีวิตเลย ผมหาความสนุกจากฟุตบอลไม่ได้ไปหลายเดือน" เอลแบร์บอกกับโกล "มองไปทางไหนก็นึกถึงแต่มัน ถูกแย่งถ้วยไปจากมือในวินาทีสุดท้ายแบบนั้น มันสุดจะทำใจจริง ๆ มันยากมากสำหรับทุกคนในทีม กว่าจะกลับมามีสมาธิในเกมฟุตบอลได้อีกครั้ง
"ออตมาร์ ฮิต์เฟลด์(ผู้จัดการทีมบาเยิร์นในขณะนั้น) ต้องปลอบเราอยู่จนถึงเดือนธันวาคม เขากระตุ้นเรา บอกเราให้เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตัวเอง เราทำผลงานได้ดีในลีก และผ่านรอบแบ่งกลุ่มแชมเปียนส์ลีกไปได้ จากนั้นมาทุกอย่างก็กลับมาราบรื่นอีกครั้ง"
ให้หลังไปสองฤดูกาล เสือใต้ลบแผลใจได้สำเร็จที่ซาน ซิโร เมื่อพวกเขาดวลจุดโทษชนะบาเลนเซียหลังเสมอกันในเวลา 1-1 "เราต้องเจอกับบาเลนเซีย และเราสาบานเลยว่า ครั้งนี้จะแพ้ไม่ได้ หลายคนในทีมอายุขึ้นเลขสามแล้ว นี่จึงอาจเป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิต แต่เราก็ดันเสียประตูก่อน(นาทีที่ 3 โดย กาอิซก้า เมนดิเอต้า ก่อน สเตฟาน เอฟเฟนแบร์ก จะตีเสมอในครึ่งหลัง) แถมช่วงยิงจุดโทษ โชลลี(เมห์เม็ต โชล) ก็ดันยิงพลาดอีก โอลิเวอร์ คาห์น คือความแตกต่างในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน และเราก็ได้ถ้วยนั่นมาครองในที่สุด"
หมุนนาฬิกากลับมาที่ปัจจุบัน บาเยิร์น-แมนฯ ยู กลับมาพบกันในแชมเปียนส์ลีกอีกครั้ง แต่ในสถานะที่ต่างออกไป แชมป์เก่าพรีเมียร์ลีกมีผลงานลุ่ม ๆ ดอน ๆ หมดลุ้นทุกรายการเว้นเพียงถ้วยยุโรปใบใหญ่ ส่วนเสือใต้ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา สอยแชมป์บุนเดสลีกามาด้วยความเร็วที่เป็นสถิติใหม่ แต่กลายเป็นปีศาจแดงที่เล่นได้ประทับใจเหลือเกินในเลกแรกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด แม้สุดท้ายจะเสมอกัน 1-1 แต่ทีมของเดวิด มอยส์ พิสูจน์แล้ว ว่าเกมรุกไหลบ่าเป็นน้ำป่าของแชมป์เยอรมันนั้น ไม่เหนือบ่ากว่าแรงแนวรับของพวกเขา
"ลองซ้ายก็แล้ว ลองขวาก็แล้ว เจาะกลางก็แล้ว คุณลองแล้วทุกอย่าง ถึงจุดหนึ่งคุณจะล้า ในหัวเกิดความคิดว่า "แล้วไงต่อดี ต้องทำยังไงถึงจะยิงได้?"
"คุณก็ลองเปลี่ยนไปเล่นดวลหนึ่งต่อหนึ่งดูบ้าง กดดันพวกเขาไว้ อย่าให้ได้หายใจหายคอ แล้วรอรับมือจังหวะสวนกลับดี ๆ คืนวันพุธนี้ ผมเชื่อว่า บาเยิร์นจะบุกทุกวินาที และมีโอกาสทำประตูมากมาย"
แม้บาเยิร์นของเป๊ป กวาร์ดิโอลา จะนิยมใช้นักเตะ 'กึ่งกองหน้า' มากกว่าดาวยิงพันธุ์แท้ แต่เอลแบร์ยังเห็นว่า มาริโอ มานด์ซูคิช คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เสือใต้เผด็จศึกคู่แข่งได้
"สำหรับผม มันชัดเจนว่า บาเยิร์นเป็นทีมที่ดีขึ้นเมื่อมีมานด์ซูคิช ผมชอบเขาเลย เขาค่อย ๆ สร้างบทบาทในทีมจนกลายเป็นคนสำคัญ อาร์เยน ร็อบเบน กับ ฟรองก์ ริเบรี เป็นปีกเวิลด์คลาส และมักจะพาตัวเองเข้าสู่จังหวะดวลหนึ่งต่อหนึ่ง ถ้ามีมานด์ซูคิชในสนาม บาเยิร์นจะเป็นทีมที่คาดเดาได้ยากกว่าเดิม แม้จะแทบไม่มีโอกาสเมื่อเจอกับคู่แข่งที่ระแวดระวังและมีสมาธิตลอดเวลา แต่คุณแค่จดจ่อกับเกมไว้ หาโอกาสส่งบอลเข้าตาข่ายให้ได้ก็พอ ประตูแรก(ในเกมกับยูไนเต็ด)ถ้าได้มาเร็ว มันจะมีความหมายมาก บาเยิร์นจะเล่นเกมของตัวเองได้ถนัดขึ้น
เมื่อถามถึงการเสริมทัพให้ทีมที่แข็งแกร่งอยู่แล้วทีมนี้ เอลแบร์เห็นว่านั่นคือสิ่งจำเป็น เมื่อมองดูสถานการณ์ของคู่แข่งทั่วยุโรปแล้ว
"ทีมสเปน ทีมฝรั่งเศส พวกนี้ซื้อผู้เล่นไม่ได้หยุด จะอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา คุณก็ต้อทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นทุก ๆ ปี ไม่ว่าตอนนั้นทีมจะดีแค่ไหน ทำแบบนี้จะป้องกันไม่ให้นักเตะย่อหย่อนด้วย ทุกคนต้องพิสูจน์ตัวเองอยู่ทุกวัน ไม่เช่นนั้นทีมก็จะเสื่อมลงไป บาเยิร์นมีการแข่งขันอย่างหนักในทุกตำแหน่ง ทุกคนอยากลงเล่น ทุกคนอยากติดทีมชาติ เรื่องดีก็คือตอนนี้ทีมโอเคอยู่แล้ว คุณแค่ต้องซื้อตัวที่ใช่จริง ๆ เข้ามา บอสเขามองออกว่าทีมต้องมีกองหน้าเข้ามาสักคน เพราะอนาคตของเคลาดิโอ ปิซาร์โร ยังไม่ชัดเจน ส่วนมานด์ซูคิชก็ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้นการคว้าตัวเลวานดอฟสกี้จึงเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก
"เรื่องมันง่าย ๆ นะ ถ้าไม่ไปมิวนิค เขาอาจไปบาร์เซโลนา, แมนเชสเตอร์, เรอัล หรือปารีสก็ได้ ทีนี้ บาเยิร์นเห็นนักเตะดี ๆ ในตลาด ก็เลยจัดมา พวกเขามีเงิน จ่ายค่าเหนื่อยไหว แต่สำหรับดอร์ทมุนด์ มันก็หนักหนาเอาการ เมื่อต้องเจออย่างนี้อีกครั้ง หลังกรณีมาริโอ เกิตเซ"
เราถามเขาอีกครั้งถึงความเป็นไปได้ในเกมคืนวันพุธ เมื่อบาเยิร์นเองเริ่มแผ่ว และเสียสถิติไร้พ่ายในบุนเดสลีกา ให้ทีมต่างศักดินาอย่างเอาก์สบวร์ก มาหมาด ๆ และคำตอบก็มาดมั่นอย่างยิ่ง
"อาร์แซน เวงเกอร์ บอกว่า บาเยิร์น มิวนิค ชุดนี้ ไม่แข็งแกร่งเท่าปีที่แล้ว แต่ผมว่าทีมนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมแน่ เราอาจจะต้องดูผลการแข่งขันกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในคืนวันพุธเสียก่อน แต่ผมบอกเลยว่า มีเพียงทีมเดียวเท่านั้นในแชมเปียนส์ลีกที่ดีพอจะชนะบาเยิร์นได้ นั่นคือเรอัล มาดริด"
โจวาเน เอลแบร์ - ทีมที่จะล้มบาเยิร์นได้ ไม่ใช่แมนฯ ยูไนเต็ด
เอ่ยชื่อ โจวาเน เอลแบร์ ไม่เพียงแค่แฟน ๆ บาเยิร์น มิวนิค แต่แฟนฟุตบอลยุค 90 ตอนปลายต่างจดจำลีลาการทำประตูของกองหน้าแซมบ้าได้ติดตา เขาคือหนึ่งในดาวยิงที่ผลงานเอกอุที่สุดของเสือใต้ แต่เจ้าตัวคงอยากเพิ่มสถิติ 138 ประตูที่ยิงให้กับบาเยิร์นขึ้นอีกสักประตูสองประตู ในเกมที่พวกเขาฟาดแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คัมป์ นู บาร์เซโลนา - ยูฟา แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 1998-99 นัดชิงถ้วยยุโรปที่อยู่ในความทรงจำที่สุดตลอดกาลนัดหนึ่ง เมื่อปีศาจแดงที่ถูกเสือใต้ขึ้นนำไปก่อน 1-0 และถูกบดอย่างหนัก พลิกกลับมาชนะ 2-1 จากสองประตูท้ายเกม แฟน ๆ ยูไนเต็ดอาจเรียกมันว่า "โกงความตาย" แต่กับบาเยิร์น มันคือวันใจสลาย
"แพ้เกมนัดชิงอย่างนั้น มันเป็นเรื่องครั้งหนึ่งในชีวิตเลย ผมหาความสนุกจากฟุตบอลไม่ได้ไปหลายเดือน" เอลแบร์บอกกับโกล "มองไปทางไหนก็นึกถึงแต่มัน ถูกแย่งถ้วยไปจากมือในวินาทีสุดท้ายแบบนั้น มันสุดจะทำใจจริง ๆ มันยากมากสำหรับทุกคนในทีม กว่าจะกลับมามีสมาธิในเกมฟุตบอลได้อีกครั้ง
"ออตมาร์ ฮิต์เฟลด์(ผู้จัดการทีมบาเยิร์นในขณะนั้น) ต้องปลอบเราอยู่จนถึงเดือนธันวาคม เขากระตุ้นเรา บอกเราให้เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตัวเอง เราทำผลงานได้ดีในลีก และผ่านรอบแบ่งกลุ่มแชมเปียนส์ลีกไปได้ จากนั้นมาทุกอย่างก็กลับมาราบรื่นอีกครั้ง"
ให้หลังไปสองฤดูกาล เสือใต้ลบแผลใจได้สำเร็จที่ซาน ซิโร เมื่อพวกเขาดวลจุดโทษชนะบาเลนเซียหลังเสมอกันในเวลา 1-1 "เราต้องเจอกับบาเลนเซีย และเราสาบานเลยว่า ครั้งนี้จะแพ้ไม่ได้ หลายคนในทีมอายุขึ้นเลขสามแล้ว นี่จึงอาจเป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิต แต่เราก็ดันเสียประตูก่อน(นาทีที่ 3 โดย กาอิซก้า เมนดิเอต้า ก่อน สเตฟาน เอฟเฟนแบร์ก จะตีเสมอในครึ่งหลัง) แถมช่วงยิงจุดโทษ โชลลี(เมห์เม็ต โชล) ก็ดันยิงพลาดอีก โอลิเวอร์ คาห์น คือความแตกต่างในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน และเราก็ได้ถ้วยนั่นมาครองในที่สุด"
หมุนนาฬิกากลับมาที่ปัจจุบัน บาเยิร์น-แมนฯ ยู กลับมาพบกันในแชมเปียนส์ลีกอีกครั้ง แต่ในสถานะที่ต่างออกไป แชมป์เก่าพรีเมียร์ลีกมีผลงานลุ่ม ๆ ดอน ๆ หมดลุ้นทุกรายการเว้นเพียงถ้วยยุโรปใบใหญ่ ส่วนเสือใต้ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา สอยแชมป์บุนเดสลีกามาด้วยความเร็วที่เป็นสถิติใหม่ แต่กลายเป็นปีศาจแดงที่เล่นได้ประทับใจเหลือเกินในเลกแรกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด แม้สุดท้ายจะเสมอกัน 1-1 แต่ทีมของเดวิด มอยส์ พิสูจน์แล้ว ว่าเกมรุกไหลบ่าเป็นน้ำป่าของแชมป์เยอรมันนั้น ไม่เหนือบ่ากว่าแรงแนวรับของพวกเขา
"ลองซ้ายก็แล้ว ลองขวาก็แล้ว เจาะกลางก็แล้ว คุณลองแล้วทุกอย่าง ถึงจุดหนึ่งคุณจะล้า ในหัวเกิดความคิดว่า "แล้วไงต่อดี ต้องทำยังไงถึงจะยิงได้?"
"คุณก็ลองเปลี่ยนไปเล่นดวลหนึ่งต่อหนึ่งดูบ้าง กดดันพวกเขาไว้ อย่าให้ได้หายใจหายคอ แล้วรอรับมือจังหวะสวนกลับดี ๆ คืนวันพุธนี้ ผมเชื่อว่า บาเยิร์นจะบุกทุกวินาที และมีโอกาสทำประตูมากมาย"
แม้บาเยิร์นของเป๊ป กวาร์ดิโอลา จะนิยมใช้นักเตะ 'กึ่งกองหน้า' มากกว่าดาวยิงพันธุ์แท้ แต่เอลแบร์ยังเห็นว่า มาริโอ มานด์ซูคิช คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เสือใต้เผด็จศึกคู่แข่งได้
"สำหรับผม มันชัดเจนว่า บาเยิร์นเป็นทีมที่ดีขึ้นเมื่อมีมานด์ซูคิช ผมชอบเขาเลย เขาค่อย ๆ สร้างบทบาทในทีมจนกลายเป็นคนสำคัญ อาร์เยน ร็อบเบน กับ ฟรองก์ ริเบรี เป็นปีกเวิลด์คลาส และมักจะพาตัวเองเข้าสู่จังหวะดวลหนึ่งต่อหนึ่ง ถ้ามีมานด์ซูคิชในสนาม บาเยิร์นจะเป็นทีมที่คาดเดาได้ยากกว่าเดิม แม้จะแทบไม่มีโอกาสเมื่อเจอกับคู่แข่งที่ระแวดระวังและมีสมาธิตลอดเวลา แต่คุณแค่จดจ่อกับเกมไว้ หาโอกาสส่งบอลเข้าตาข่ายให้ได้ก็พอ ประตูแรก(ในเกมกับยูไนเต็ด)ถ้าได้มาเร็ว มันจะมีความหมายมาก บาเยิร์นจะเล่นเกมของตัวเองได้ถนัดขึ้น
เมื่อถามถึงการเสริมทัพให้ทีมที่แข็งแกร่งอยู่แล้วทีมนี้ เอลแบร์เห็นว่านั่นคือสิ่งจำเป็น เมื่อมองดูสถานการณ์ของคู่แข่งทั่วยุโรปแล้ว
"ทีมสเปน ทีมฝรั่งเศส พวกนี้ซื้อผู้เล่นไม่ได้หยุด จะอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขา คุณก็ต้อทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นทุก ๆ ปี ไม่ว่าตอนนั้นทีมจะดีแค่ไหน ทำแบบนี้จะป้องกันไม่ให้นักเตะย่อหย่อนด้วย ทุกคนต้องพิสูจน์ตัวเองอยู่ทุกวัน ไม่เช่นนั้นทีมก็จะเสื่อมลงไป บาเยิร์นมีการแข่งขันอย่างหนักในทุกตำแหน่ง ทุกคนอยากลงเล่น ทุกคนอยากติดทีมชาติ เรื่องดีก็คือตอนนี้ทีมโอเคอยู่แล้ว คุณแค่ต้องซื้อตัวที่ใช่จริง ๆ เข้ามา บอสเขามองออกว่าทีมต้องมีกองหน้าเข้ามาสักคน เพราะอนาคตของเคลาดิโอ ปิซาร์โร ยังไม่ชัดเจน ส่วนมานด์ซูคิชก็ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดังนั้นการคว้าตัวเลวานดอฟสกี้จึงเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก
"เรื่องมันง่าย ๆ นะ ถ้าไม่ไปมิวนิค เขาอาจไปบาร์เซโลนา, แมนเชสเตอร์, เรอัล หรือปารีสก็ได้ ทีนี้ บาเยิร์นเห็นนักเตะดี ๆ ในตลาด ก็เลยจัดมา พวกเขามีเงิน จ่ายค่าเหนื่อยไหว แต่สำหรับดอร์ทมุนด์ มันก็หนักหนาเอาการ เมื่อต้องเจออย่างนี้อีกครั้ง หลังกรณีมาริโอ เกิตเซ"
เราถามเขาอีกครั้งถึงความเป็นไปได้ในเกมคืนวันพุธ เมื่อบาเยิร์นเองเริ่มแผ่ว และเสียสถิติไร้พ่ายในบุนเดสลีกา ให้ทีมต่างศักดินาอย่างเอาก์สบวร์ก มาหมาด ๆ และคำตอบก็มาดมั่นอย่างยิ่ง
"อาร์แซน เวงเกอร์ บอกว่า บาเยิร์น มิวนิค ชุดนี้ ไม่แข็งแกร่งเท่าปีที่แล้ว แต่ผมว่าทีมนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมแน่ เราอาจจะต้องดูผลการแข่งขันกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในคืนวันพุธเสียก่อน แต่ผมบอกเลยว่า มีเพียงทีมเดียวเท่านั้นในแชมเปียนส์ลีกที่ดีพอจะชนะบาเยิร์นได้ นั่นคือเรอัล มาดริด"