ด้วยความที่ผมกำลังศึกษาอยู่คณะครุศาสตร์ ภาพยนต์เรื่องนี้ทำให้ผมเข้าถึงความเป็นครูได้ไม่ยาก และเป็นภาพยนต์โรแมนติก - คอมเมดี้ (นิดๆ) ที่ทำให้หน้าตาของคนดูรอบเดียวกับตัวผม เดินออกมาในสภาพยิ้มกริ่ม ไม่มีใครขมวดคิ้วเลยซักกะคน
คิดถึงวิทยา เป็นเรื่องราวของ สอง (บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) อดีตนักมวยปล้ำ ที่ชีวิตต้องผลิกผันมาเป็นครู ณ โรงเรียนบ้านแก่งวิทยา สาขาเรือนแพ ตั้งอยู่กลางเขื่อน มีภูเขาล้อมรอบ ซึ่งขึ้นชื่อว่าโรงเรียน แต่ทั้งโรงเรียน ดันมีนักเรียนแค่ 4 คน หนำซ้ำ ทั้ง 4 คน ก็เรียนกันคนละชั้น แต่ต้องสอนกันทีเดียว แต่เรื่องเศร้าคือ โรงเรียนนี้เป็นที่สุดแห่งความยากลำบาก ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปา แต่ที่สุดของความโหดคือ แมร่ง...ไม่มีสัญญานโทรศัพท์!!!
สิ่งเดียวที่คลายเหงา คือ ไดอารี่เล่มนึง ที่เคยเป็นของ แอน หรือ ครูแอน (พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ที่เขียนทิ้งไว้ในตอนที่เธอได้มาสอนที่นี่ ทำให้ สอง เกิดปิ๊งรัก ครูแอน ผ่านตัวหนังสือ และรูปถ่ายที่เห็นเพียงแขน!!!
สุดท้ายทั้งคู่จะได้เจอหน้ากันไหม รักกันในอย่างที่เราชาวละครน้ำเน่าหวังไว้ได้หรือเปล่า ต้องติดตามชมล่ะครับ (ล่าสุด 100 ล้าน แล้ว แม่เจ้าประคุ๊ณ!!!)
ความเห็นส่วนตัว - เนื่องจากการที่โทนของภาพยนต์ต้องการให้ไปในทิศทางของความโรแมนติก แต่สิ่งนึงที่ผม และเชื่อว่าคนที่ได้ชมไปแล้วสัมผัสได้นอกเหนือจากความโรแมนติกคือ หน้าที่ของความเป็นครู ที่มันกินใจผมซะเหลือเกิน และด้วยความกล่อมกล่อมในการเล่าเรื่อง จึงทำให้ Main ของเรื่องทั้ง 2 อย่างนี้ไปด้วยกันได้ พร้อมกับคำถามที่หนังยื่นให้ว่า มันจะเป็นไปได้ไหม ที่เราจะรู้สึกดีกับคนที่เราไม่เคยเห็นหน้า? (แต่ในหัวของผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเกิดครูแอน ไม่ใช่พลอย เฌอฯ ล่ะ สมมุติว่าเป็น ตุ๊กกี้เงี้ยยย!!!) ส่วนในเรื่องของ Location เนี่ย มันสวยงามซะเหลือเกิน อีกทั้งเทคนิคการถ่ายทำ ซึ่งเราเคยเห็นภาพสวยๆ งามๆ แบบนี้กันมาแล้วจาก ผกก. คนนี้ (นิธิวัฒน์ ธราธร) จากเรื่อง Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ด้าน 2 นักแสดงนำ บี้ ยังมีมาตรฐานที่คงเส้นคงวา คือ...ไม่ดีกว่านี้!!! และไม่แย่กว่านี้ แต่ผมเชื่อว่านั่นคือ ครูสองผู้ไม่เอาไหน ส่วนพลอย สอบผ่านมากๆ กับการเป็นครูแอนผู้เต็มไปด้วยจรรยาบรรณของความเป็นครู ถือว่าเป็นการแสดงที่ดีมากของพลอยเรื่องนึง และการไม่ค่อย Make Up ในภาพยนต์เรื่องนี้ของพลอย ทำให้ผมหลงรักครูแอนเข้าเต็มๆ (พี่กั้งของกรูหายไปหน๊ายยยยย) แน่นอน...ผมเชื่อว่าหลายคนคงตั้งความหวังหลังจากความสำเร็จของ พี่มาก ไว้เยอะ หนังเรื่องนี้ไม่ได้ตอบโจทย์นั้นครับ หากแต่คุณมองว่าภาพยนต์เรื่องนี้ก็แค่ภาพยนต์เรื่องนึง โดยไม่ต้องเอาความสำเร็จของเรื่องไหนมาวัด ผมคิดว่า เรื่องนี้ตอบโจทย์นั้นเลยครับ และพร้อมที่จะเป็นหนังไทยที่ดีที่สุดตั้งแต่เริ่มปี พ.ศ. นี้ เลยทีเดียว
และสิ่งนึงที่ผมชอบหนังเรื่องนี้ คือการเล่นกับคนดู ในจังหวะต่างที่ลุ้นว่าครูแอน จะเจอครูสองหรือเปล่า เช่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- ตอนครูแอน เจอครูสองครั้งแรก อันนี้อีครูแอนก็มโนไปเอง (อันนี้มุกเก่า)
- ตอนที่ครูแอนทำความสะอาดโรงเรียน รอต้อนรับครูสอง แล้วมีคนนั่งเรื่องมา แต่เป็นไอ้หนุ่ย (เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ) ฆาตกรข่มขืนเด็ก(555)...ซะงั้น
- ตอนครูแอน ตัดสินใจจะไปอยู่กับหนุ่ย ในตอนท้ายเรื่อง และมีคนขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมา ซึ่งจุดนี้ หนังหลอกเราว่า ครูสองหรือเปล่าน้าาาา?
- ตอนที่รถไฟผ่านหน้ารถของครูแอนและหนุ่ย ซึ่งมันทำให้ผมคิดว่า ไอ้ครูสองมันต้องอยู่อีกฝั่งของถนนแน่ๆ เพราะมุมกล้องมันฟ้อง (ซึ่งผู้กำกับก็ตบหน้าผม พร้อมฟันศอกเข้าเบ้าตาของผมเข้าอย่างจัง ซ้ำยังขึ้นคร่อมผม และตะโกนใส่หน้าของผมว่า "ตูแค่เอารถไฟทั้งขบวนมาเพียงแค่ให้อีครูแอนมันคิดถึงเรื่องที่ไอครูสองมันสอนเด็ก ก็เท่านั้น)
นั่นล่ะครับ ล่อซะ 3 - 4 ตลบ
ฉากประทับใจ
- ฉาก Long Take ของครูแอน ที่เดินร้องไห้เมื่อได้ยินข่าวจากผู้หญิงท้อง จนถึงขับรถออกมาจากโรงเรียน แม้จะเป็นฉากสั้นๆ แต่เพียงแค่อยากให้รู้ไว้ ว่าทุกอย่างมันต้องเป๊ะในฉากนั้น ซึ่งประทับใจในความกล้าของ ผกก. และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเลือกว่าควรจะ Long Take ในฉากไหนของหนัง
- ฉากที่ครูแอน พูดกับหนุ่ยบนรถ ถึงเรื่องวิธีการสอนของครูสอง ผมประทับใจองค์ประกอบของบทสนทนานั้น ที่โดนที่สุด คงจะเป็น "ถึงยังไง เด็กๆ ก็ยังได้รู้จักรถไฟนะ" แหม่...มันซาบซึ้งในความเป็นครูของ 2 ตัวละครหลักในเรื่องนี้ซะเหลือเกินนนน
เหตุผลที่ควรไปดู
1. Location ที่สวยงามสบายตาของภาพยนต์
2. ใครชอบอาการจิกหมอน ในส่วนท้ายของเรื่องนี้ มีฉากที่สนองต่ออาการนั้นครับ
3. การตีความของอาชีพครู ที่คนเป็นครูควรดู (แม้ในภาพยนต์ มันขยายเรื่องความเป็นครูได้ไม่ใหญ่พอก็เถอะ)
4. นอกจากอาการจิกหมอนแล้ว อาการเครียดจาการทำงาน หรือ การเรียน ก็แนะนำครับ
5. ติ่งบี้ และ ติ่งพลอย ควรดูครับ (ข้อนี้ ถ้าไม่บอก ไอ้พวกติ่งพวกนี้มันก็ต้องรีบไปดูเองแหละ)
6. แม้จะไม่ซึ้งสุดๆ หรือรักสุดๆ แต่ใครต้องการความอบอุ่นเอาไว้สู้กับแอร์ในโรงภาพยนต์ เรื่องนี้ทำได้ดีมากเรื่องนึงเลยล่ะครับ
ความหมายของคะแนน
0 - 5 : มันห่วยซะเหลือเกิน
5.5 - 6.5 : พอได้
7 : ดูก็ได้ ไม่ดูก็ดี
7.5 - 9 : หนังดีที่ควรดู
9.5 - 10 : พลาดเรื่องนี้ ตายตาไม่หลับ
คะแนน
7.5 / 10
Review บ้านๆ - Teacher's Diary (คิดถึง...ครูจีจี้!!!)
ด้วยความที่ผมกำลังศึกษาอยู่คณะครุศาสตร์ ภาพยนต์เรื่องนี้ทำให้ผมเข้าถึงความเป็นครูได้ไม่ยาก และเป็นภาพยนต์โรแมนติก - คอมเมดี้ (นิดๆ) ที่ทำให้หน้าตาของคนดูรอบเดียวกับตัวผม เดินออกมาในสภาพยิ้มกริ่ม ไม่มีใครขมวดคิ้วเลยซักกะคน
คิดถึงวิทยา เป็นเรื่องราวของ สอง (บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) อดีตนักมวยปล้ำ ที่ชีวิตต้องผลิกผันมาเป็นครู ณ โรงเรียนบ้านแก่งวิทยา สาขาเรือนแพ ตั้งอยู่กลางเขื่อน มีภูเขาล้อมรอบ ซึ่งขึ้นชื่อว่าโรงเรียน แต่ทั้งโรงเรียน ดันมีนักเรียนแค่ 4 คน หนำซ้ำ ทั้ง 4 คน ก็เรียนกันคนละชั้น แต่ต้องสอนกันทีเดียว แต่เรื่องเศร้าคือ โรงเรียนนี้เป็นที่สุดแห่งความยากลำบาก ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปา แต่ที่สุดของความโหดคือ แมร่ง...ไม่มีสัญญานโทรศัพท์!!!
สิ่งเดียวที่คลายเหงา คือ ไดอารี่เล่มนึง ที่เคยเป็นของ แอน หรือ ครูแอน (พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ที่เขียนทิ้งไว้ในตอนที่เธอได้มาสอนที่นี่ ทำให้ สอง เกิดปิ๊งรัก ครูแอน ผ่านตัวหนังสือ และรูปถ่ายที่เห็นเพียงแขน!!!
สุดท้ายทั้งคู่จะได้เจอหน้ากันไหม รักกันในอย่างที่เราชาวละครน้ำเน่าหวังไว้ได้หรือเปล่า ต้องติดตามชมล่ะครับ (ล่าสุด 100 ล้าน แล้ว แม่เจ้าประคุ๊ณ!!!)
ความเห็นส่วนตัว - เนื่องจากการที่โทนของภาพยนต์ต้องการให้ไปในทิศทางของความโรแมนติก แต่สิ่งนึงที่ผม และเชื่อว่าคนที่ได้ชมไปแล้วสัมผัสได้นอกเหนือจากความโรแมนติกคือ หน้าที่ของความเป็นครู ที่มันกินใจผมซะเหลือเกิน และด้วยความกล่อมกล่อมในการเล่าเรื่อง จึงทำให้ Main ของเรื่องทั้ง 2 อย่างนี้ไปด้วยกันได้ พร้อมกับคำถามที่หนังยื่นให้ว่า มันจะเป็นไปได้ไหม ที่เราจะรู้สึกดีกับคนที่เราไม่เคยเห็นหน้า? (แต่ในหัวของผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเกิดครูแอน ไม่ใช่พลอย เฌอฯ ล่ะ สมมุติว่าเป็น ตุ๊กกี้เงี้ยยย!!!) ส่วนในเรื่องของ Location เนี่ย มันสวยงามซะเหลือเกิน อีกทั้งเทคนิคการถ่ายทำ ซึ่งเราเคยเห็นภาพสวยๆ งามๆ แบบนี้กันมาแล้วจาก ผกก. คนนี้ (นิธิวัฒน์ ธราธร) จากเรื่อง Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ด้าน 2 นักแสดงนำ บี้ ยังมีมาตรฐานที่คงเส้นคงวา คือ...ไม่ดีกว่านี้!!! และไม่แย่กว่านี้ แต่ผมเชื่อว่านั่นคือ ครูสองผู้ไม่เอาไหน ส่วนพลอย สอบผ่านมากๆ กับการเป็นครูแอนผู้เต็มไปด้วยจรรยาบรรณของความเป็นครู ถือว่าเป็นการแสดงที่ดีมากของพลอยเรื่องนึง และการไม่ค่อย Make Up ในภาพยนต์เรื่องนี้ของพลอย ทำให้ผมหลงรักครูแอนเข้าเต็มๆ (พี่กั้งของกรูหายไปหน๊ายยยยย) แน่นอน...ผมเชื่อว่าหลายคนคงตั้งความหวังหลังจากความสำเร็จของ พี่มาก ไว้เยอะ หนังเรื่องนี้ไม่ได้ตอบโจทย์นั้นครับ หากแต่คุณมองว่าภาพยนต์เรื่องนี้ก็แค่ภาพยนต์เรื่องนึง โดยไม่ต้องเอาความสำเร็จของเรื่องไหนมาวัด ผมคิดว่า เรื่องนี้ตอบโจทย์นั้นเลยครับ และพร้อมที่จะเป็นหนังไทยที่ดีที่สุดตั้งแต่เริ่มปี พ.ศ. นี้ เลยทีเดียว
และสิ่งนึงที่ผมชอบหนังเรื่องนี้ คือการเล่นกับคนดู ในจังหวะต่างที่ลุ้นว่าครูแอน จะเจอครูสองหรือเปล่า เช่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นั่นล่ะครับ ล่อซะ 3 - 4 ตลบ
ฉากประทับใจ
- ฉาก Long Take ของครูแอน ที่เดินร้องไห้เมื่อได้ยินข่าวจากผู้หญิงท้อง จนถึงขับรถออกมาจากโรงเรียน แม้จะเป็นฉากสั้นๆ แต่เพียงแค่อยากให้รู้ไว้ ว่าทุกอย่างมันต้องเป๊ะในฉากนั้น ซึ่งประทับใจในความกล้าของ ผกก. และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเลือกว่าควรจะ Long Take ในฉากไหนของหนัง
- ฉากที่ครูแอน พูดกับหนุ่ยบนรถ ถึงเรื่องวิธีการสอนของครูสอง ผมประทับใจองค์ประกอบของบทสนทนานั้น ที่โดนที่สุด คงจะเป็น "ถึงยังไง เด็กๆ ก็ยังได้รู้จักรถไฟนะ" แหม่...มันซาบซึ้งในความเป็นครูของ 2 ตัวละครหลักในเรื่องนี้ซะเหลือเกินนนน
เหตุผลที่ควรไปดู
1. Location ที่สวยงามสบายตาของภาพยนต์
2. ใครชอบอาการจิกหมอน ในส่วนท้ายของเรื่องนี้ มีฉากที่สนองต่ออาการนั้นครับ
3. การตีความของอาชีพครู ที่คนเป็นครูควรดู (แม้ในภาพยนต์ มันขยายเรื่องความเป็นครูได้ไม่ใหญ่พอก็เถอะ)
4. นอกจากอาการจิกหมอนแล้ว อาการเครียดจาการทำงาน หรือ การเรียน ก็แนะนำครับ
5. ติ่งบี้ และ ติ่งพลอย ควรดูครับ (ข้อนี้ ถ้าไม่บอก ไอ้พวกติ่งพวกนี้มันก็ต้องรีบไปดูเองแหละ)
6. แม้จะไม่ซึ้งสุดๆ หรือรักสุดๆ แต่ใครต้องการความอบอุ่นเอาไว้สู้กับแอร์ในโรงภาพยนต์ เรื่องนี้ทำได้ดีมากเรื่องนึงเลยล่ะครับ
ความหมายของคะแนน
0 - 5 : มันห่วยซะเหลือเกิน
5.5 - 6.5 : พอได้
7 : ดูก็ได้ ไม่ดูก็ดี
7.5 - 9 : หนังดีที่ควรดู
9.5 - 10 : พลาดเรื่องนี้ ตายตาไม่หลับ
คะแนน
7.5 / 10