Jawa Day 4-6 ภูเขาไฟ Indonesia 12เท้าก้าวเดิน 4เมือง 100พันภูเขาทะเลวัดวาโบราณสถาน 10,000แสนเรื่องราว(เล่า)

วันที่สี่
วันนี้เริ่มต้นไวไปนิด ต้องตื่นมาเตรียมตัวกันตั้งแต่เที่ยงคืนครึ่ง จุดหมายของเราคือ ภูเขาไฟ kawah Ijen ก่อนนอนเราก็หาข้อมูลไว้ เพราะนี้เป็นการเดินทางไปเยือนภูเขาไฟ เป็นครั้งแรกความปลอดภัยสำคัญเสมอ( ถึงแม้ใครๆจะมองว่าเราทำอะไรเสี่ยงแต่ทุกอย่าง เซฟตี้เฟิร์สค่ะ)  ที่นี้ยังมีควัน กาซ ซัลเฟอร์ พุ่งออกมาตลอดเวลา ก็ใช้ผ้าปิดจมูกธรรมดา แต่ถ้าบางคนทนไม่ไหว เขาแนะนำให้เป็นผ้าชุบน้ำ (แอบเห็นฝรั่งใส่หน้ากากกันสารพิษ ฮึๆ) trekking 3ชม ไม่ใช่ปัญหา เดินไปมึดๆ แต่ดาวสวยดี อ้อ ระหว่างทางเดินก็มี คนงานแบกแร่(miner) เดินคุยมาด้วยตลอดทาง ได้ยินฮีพูด ภาษาอังกฤษ ตอนแรกหันขวับไปดูตอนแรกคิดว่าเป็นฝรั่งมังค่า Lukishบอกว่าเขาไม่ได้เรียนหนังสือ เขาเรียนจากประสบการณ์เขาแบกแร่มา 15ปีแล้วมีเพื่อนอยู่ทั่วโลก คนแบกแร่ที่นี้เขาแบบกกัน ทีละ80-100kgs ส่วนLukish บอกว่าเขาแบกแค่80 กิโลเอง ที่Ijen เขามาดู Blue flame กันว่ากันว่ามีสองที่ในโลก ที่นี้กับอลาก้า ที่Ijen จะเห็นในช่วงเวลา 4:20 จนก่อนฟ้าสว่าง แสงนี้ไม่ได้เห็นกันทุกวัน เป็นอีกหนึ่งความโชคดีที่เราได้เห็น พอฟ้าสว่างคิดว่าหมดแล้วไฮไลท์ของที่นี้ กลับต้องเซอรไพส์และหลงไหลไปกับความงามของภูเขาไฟ ที่ทุกชอต ทุกชัตเตอร์ มากว่าสวยจริง นี้ขนาดเบลอเดินกลับก่อน ที่จะดูช่วงพีคที่แสงมา Lukish บอกว่า7โมงจะเป็นช่วงเวลาที่พีคของแสง ให้ยืนมองมาจากปากปล่อง เพื่อจะเห็นLake กลางปล่องภูเขาไฟ  และก็กลับมานอน พักและเดินทางต่อ คืนนี้เราจะไปนอนกันที่ Bromo นั่งรถกันอีก ถึงหมู่บ้าน เข้าที่พักนอนชาร์ตพลังลุยต่อ ตีสาม
Blue flame


ฟ้าเริ่มสว่าง

มุมขวาเขียวๆนั้นเป็นLake จริงๆกว้างใหญ่มากกก


เหล่าMiner เดินลงมาหาบแร่

มุมมหาชน Ijen

วันที่ห้า
เช้านี้เรานัดรถจีฟเพื่อพาเราไปBromo แต่เขาจะมีจุดชมวิวที่เป็นพีคของที่นี้เพื่อมองBromoยามแสงแรกของวัน และจะเห็นภูเขาไฟที่ยังแอคทีฟอยู่เป็นแบคกราวด้านหลัง สุเมรุ อากาศที่จุดชมวิวค่อนข้างหนาว หนาวเย็นด้วยลมที่พัดแรง และเนื่องด้วยความพีคนี้เอง มวลมหาชนมหาศาลมาก กว่าจะได้รูปเด็ดต้องรอจนสายๆคนไปหมด เราเป็นจีฟคนสุดท้ายของจุดชมวิว คนขับจีฟแอบอารมเสยที่พวกเราช้า พอมาตรงปากปล่อง คนขับบอกให้เวลา แค่ครึ่งชม เชอะ เราแคร์ที่ไหน จัดไปสะเกือบสาม ชม Bromoเป็นอีกที่ ที่สวยด้วยบรรยากาศรอบๆ ตอนขาขึ้นมีบริการขี่มาขึ้นไป1 สเตปและเดินต่อ ค่าม้าก็เริ่มที่75000 และลดเรื่อยๆเหลือ20000 แต่จิตก็จะเดิน มันมีอะไรให้ดูระยะแค่ 1-2 กม ชิลๆ ตอนลงแอบเห็นมีรอยเท้าเดินลงข้างๆ เอาหละซิอยากเดินลงเองบ้าง ไม่ลงบันไดที่เขาทำไว้ แต่มีคนเปรี้ยวกว่า หมอบอกหมออยาก สไลด์ลง นางเลยเอาผ้าปิดกระเป๋ามาลองก้นและสไลด์ลงจากปากปล่องBromo ก็สนุกๆดี แต่ผู้รวมทริปได้หวาดเสียวแทน กลับที่พัก เก็บของเตรียมเดินทางต่อไป หมดBromo ทริปเราก็สบายๆหละ หร๋าาา มาต่อน้ำตก มาดาคูริปุระ คนขับบอกว่าต้องมีไกด์ ท้องถิ่นเพราะเดินไปลำบากอันตราย  ไอเราด้วยความ งก ไม่เป็นไรฉันเดินไปได้ ก็คนขับบอกค่าไกด์ท้องถิ่นคนละ 100000 แหม่แพงไปนะ พอลงรถ เหล่าไกด์ท้องก็มารุมๆ ตอนนั้นคิดหละอะไรที่อันตราย ฮ่าๆๆ เราก็ค่อยๆสลัดไกด์ หลุดไปจนเหลือ สองคน และมีผู้กล้าในกลุ่มทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น เทอบอกกับไกด์ท้องถิ่นว่า เราไม่ต้องการไกด์ท้องถิ่น เราเดินไปได้ เรามีประสบการณ์สูง ทุกคนในทริป สตันไปกับคำพูดของเทอ ใจก็อยากจะขำกันแทบแย่ แต่หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ข้ามขำไปก่อน สุดท้ายเหลือลุงไกด์แก่ หนึ่งคน ตกลงราคาที่ 40000 รูเปียโอ้วไม่นะ  น้ำตกไปยากจริง ความสวยงามสมค่าราคาความลำบาก ฟินๆวินๆกันไป ออกมาจ่ายค่าไกด์ลุงไป 100000รูเปีย คิดเป็นเงินไทย300บาท แต่เสียงเฮ้ของไกด์ เหมือนได้รับแสนบาท(ยังมีคนแซวทีจ่ายค่าไกด์ที่ต้องเดินเท้าฝ่าดงหินไปน้ำตกแค่นี้ทำเป็นอิดออดไม่อยากจ่ายที่จ่ายให้อีนักบวช 200000ไม่ได้อะไรเลยยอมจ่ายได้555 ) ออกจากน้ำตกมุ่งหน้าสู่ สุราบายา คืนนี้เราต้องเข้าไปนอน ที่เมืองสุราบายา เพื่อพรุ่งนี้เช้าเราจะได้นั่งรถไฟไปยอคยากาต้า เข้าที่พักค่ำๆและเดินหาที่แลกเงิน ไปๆมาๆได้เดินชมห้าง สุราบายา ชมเมืองกันไป
จุดชมวิว พีคจริงอะไรจริงยังกะคอนเสิร์ต

Bromo จากจุดชมวิว


รถจีพจอดรอทางขึ้นBromo

สาวๆขี่ม้ากันไป

กำลังโดนตื้อให้ขี่ม้าไปBromo คุยกันว่า20000 รูเปียถึงจะขี่ และเขาก็ให้จริง แต่ก็ไม่ขี่

มองลงมาจากBromo จะเห็นบริรอบๆมีพื้นผิวแปลก สลับกัน สวยดี


มุมม้าที่รอคนลงจากBromo

ปากปล่อง มุมนี้หนุ่มขอบาย บอกใจไม่กล้าพอ แค่ลอดรั้วกันเข้าไปเอง ฮ่าๆๆ


น้ำตกไปยากจริงอะไรจริง

คุณลุงไกด์ท้องถิ่นก็ทุ่มเท ช่วยสุด ลุงแกเอาของทั้งหมดไปแบกและใส่เสื้อกันฝนคลุมเพื่อไม่ให้ของเราเปียก


ไปถึงตรงนี้ก็ฟินสุด หายเหนื่อย หายลำบากเลย สวยสม


วันที่หก
ตื่นกันแต่เช้า นั่งรถไฟรอบ8โมง ไปยอคยา ถึงยอคยาเกือบบ่ายโมงจัดเหมารถต่อไปยังปราสาท พรัมบานัน เนื่องด้วยตัวปราสาท ได้รับผลจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อเดือนก่อนเลยมีจุดที่ปิดปรับปรุง เดินชมถ่ายรูป สาวไทยฮอตมากที่อินโด สาวๆที่ไปด้วยถูกขอถ่ายรูปทั้งรูปคู่รูปหมู่ ทั้งวัยรุ่นหนุมสาวและชายมีอายุ ก็ขำๆเฮฮากันไป จากนั้นออกเดินทางกันต่อ คืนนี้เราจะพักกันที่ยาน บุโรพุทโธ เพื่อให้เช้าพรุ่งนี้ตื่นแล้วเดินเข้าไปชม พระอาทิตยามเช้าที่ บุโรพุทโธ ได้ที่พักที่ใกล้มากก เด็กที่ รร บอกเช้าเราจะมองเห็นบุโรพุธโธ จากระเบียงที่พัก (จริงหรอ)กลางคืนไปเดินเล่นกัน หาข้าวกินและได้เพลงชาติ อินโด มา หมี่ โกเร็ง นาซิ โกเร็ง อายัม สาโต สาเต๊ะ ฮ่าๆๆ ทั้งหมดนี้คือชื่ออาหารอินโดที่กินกันมาทั้งทริป ตอนสั่งอาหาร คนขายส่งกระดาษกับปากกามาให้ ด้วยความฉลาดปราดเปรืองของจิต เลยจัดไป bakmie ayam sato แกรมม่าไม่เน้น แม่ค้าขั้นงง ยิ้มจะกินอะไรกันแน่ ดีนะได้ชาวบ้านแถวนั้นที่พูดอังกิดได้มาช่วยแม่ค้าไว้555 เกือบได้สามจานแล้วไหมหละ

ของวันที่หก ขอติดรูป พรัมบานันไว้ก่อนนะคะ


กระทู้หลัก http://ppantip.com/topic/31848668
กระทู้ Bali Day 1-3 http://ppantip.com/topic/31870993
กระทู้เต้น Happy ของPharrell http://ppantip.com/topic/31852846

***มีคลิปของสามวันนี้ด้วยนะคะ ตามไปดูกันนะ
**วันที่เหลือจะมาทยอยอัพ
*อ้อคำถามที่ถามมาเยอะสุด ค่าใช้จ่ายเดียวมีรายละเอียดมาลงให้ค่ะ (สรุปปิดเป็นกระทู้สุดท้ายนะคะ)
คืนนี้ขอราตรีสวัสไปก่อนค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่