..คุณเคยคิดว่า คุณจะสามารถมีชีวิตอยู่คนเดียวโดยปราศจากคู่ชีวิตได้ตลอดไปมั้ย?
.
.
สำหรับเรา เราเคยมีแฟนนะ แต่เราไม่เคยรู้สึกรักคนที่เราเรียกว่าแฟนเลย มันเป็นความรู้สึกดีๆ เป็นความรู้สึกผูกพันแต่มันไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่เราก็แอบมีความคิดว่าในอนาคตเราอยากมีครอบครัว อยากมีลูก แต่ในขณะเดียวกันเราก็มีความคิดว่าเราก็อยู่คนเดียวได้หนิ อยู่โดยไม่ต้องมีครอบครัวก็ได้ ปกติเราก็เป็นคนชอบอยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่แล้ว เราเป็นคนไม่ค่อยเหงา เราสามารถทำอะไรๆคนเดียวได้ สองสิ่งนี้เป็นความรู้สึกที่ย้อนแย้งกันอยู่นะ แต่เราให้น้ำหนักไปที่ความรู้สึกแบบหลังมากกว่า
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เราเห็นในเฟสอิเจี๊ยบสมรัก และเฟสเสด็จพ่อ อนันดา ได้มีการแชร์เรื่องราวของผู้หญิงคนนึง เธอเส้นเลือดในสมองแตก เราไม่ได้รู้จักเธอเป็นการส่วนตัว แต่เคยเห็นเธอและแฟนเธอ มาคอมเมนท์ในเฟสเด็จพ่องอยู่บ่อยๆ หลังจากวันที่ทราบข่าว เราเองก็แอบเข้าไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เผือกในเฟสของเธอและแฟนเธอทุกวัน ทำให้ได้เห็นว่ามีเพื่อนๆคอยเข้ามาให้กำลังใจเธอและครอบครัวเธออย่างมากมาย
นับแต่วันที่เกิดเรื่อง แฟนเธอเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นรูปพวกเขาสองคนหันหลังจับมือกัน อย่างที่ได้ยินกันมามากกับคำว่า
“ภาพหนึ่งภาพสื่อความหมายได้ล้านคำ” สำหรับเรานั้นภาพนี้มันดูอบอุ่น มีความหวัง เห็นครั้งแรกเรารู้สึกตื้นตัน ซาบซึ้ง(ทั้งที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับทั้งคู่เลยนะ) ดูเหมือนความหวังทั้งหมดที่ฝ่ายชายมีจะถูกบรรยายผ่านภาพถ่ายภาพนี้ไปซะแล้ว
วันต่อๆมา เราก็ยังคงไปเข้าไปเผือกทั้งในเฟสของฝ่ายชาย เฟสของเพื่อนๆเธอ รวมถึงเฟสเพื่อนสมรัก (นี่ชั้นกลายเป็นผู้หญิงขี้เผือกไปล่าวววหรือ??) ที่คอยอัพเดทอาการของเธอให้เพื่อนๆที่เป็นห่วงได้รับรู้ ได้เห็นเพื่อนๆของเธอเข้ามาให้กำลังใจมากมาย มีการประมูลของเพื่อนำเงินไปช่วยเป็นค่ารักษาพยาบาลให้เธอ นั่นเป็นเรื่องน้ำใจของเพื่อน น้ำใจของเพื่อนมนุษย์ แต่สิ่งที่เปลี่ยนมุมมองเดิมๆที่เราเคยมีต่อเรื่องความรัก มันเกิดจาก
ผู้ชายของเธอ!!! เค้าเข้ามาอัพเดทอาการของแฟนสาวตลอด ทำให้เรารู้ว่าเค้าอยู่กับเธอตลอด คอยดูแลเธอ รวมไปถึงครอบครัวของเธอด้วย ใครอาจจะมองว่าเราเว่อร์หรือยังไงไม่รู้นะ แต่เราอ่านที่ฝ่ายชายมาคอยโพสอัพเดทอาการแล้ว เราซึ้ง เราตื้นตัน รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ารักจริงๆ มันสัมผัสผ่านตัวอักษรได้เลยว่าเค้ารักแฟนเค้า เค้ามีความหวังรอคอยให้เธอตื่นขึ้นมา เมื่อวันที่ 4 เมษาที่ผ่านมา เค้าคอมเมนท์ในสเตตัสที่เค้าโพสเพื่ออัพเดทอาการแฟนเค้าว่า เค้าจะไม่ทิ้งแฟน และแม่ของแฟน เค้ายืนยันโดยให้ทุกคนแคปข้อความนี้ไว้ได้ วันที่ 5 เมษา เค้าโพสอีกว่าเธอโกนหัว เพื่อให้ง่ายการรักษา เค้าเลยพูดไว้ว่าเค้าจะไปตัดสกินเฮดเป็นเพื่อนเธอ เราอ่านข้อความนี้แล้วอมยิ้มเลย แล้วก็เชื่อว่าหลายคนที่เห็นข้อความนี้ต้องอมยิ้มไปกับความน่ารักของผู้ชายคนนี้แน่นอน เราสนับสนุนความคิดนี้ของฝ่ายชายนะ สกินเฮดเป็นเพื่อนเธอ ถ่ายรูปไว้ วันที่เธอตื่นมาเห็นรูปพวกนี้ เธอจะยิ่งสู้ และมีกำลังใจในการทำกายภาพต่อไปอีกแน่นอน ก็เพราะว่าเธอไม่ได้สู้เพียงลำพัง
ความรักของฝ่ายชายที่มีต่อแฟนของเค้าที่นอนป่วยอยู่มันทำให้เรารู้สึกว่า ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ จากที่เราเคยคิดว่าเราอยู่คนเดียวได้ กลายเป็นว่าความเชื่อนี้ของเราถูกสั่นคลอนลงไป พ่อแม่เองก็อยู่กับเราไม่ตลอด วันนึงท่านก็ต้องจากเราไป คนรอบตัวเรา เพื่อนๆ วันนึงเค้าก็ต้องมีครอบครัวให้ต้องดูแล เส้นทางชีวิตของเรา เราจะเดินไปคนเดียวได้จริงหรอ?? ถ้าในวันที่มรสุมชีวิตมาเยือนเรา เราจะสู้คนเดียวไหวหรอ??
ถึงตอนนี้ความคิดเราเปลี่ยนไป ถ้านะ ถ้าเลือกได้เราอยากมีคนอยู่ข้างๆเรา เดินไปกับเรา ไม่ว่าชีวิตจะเกิดอะไรขึ้น ขอแค่อย่าปล่อยมือกัน แต่คงไม่ใช่ทุกคนบนโลกที่จะโชคดีได้พบเจอคนที่ได้เดินร่วมกันไปตลอดทาง แต่เราว่าแค่ส่วนหนึ่งหรือครึ่งทางของชีวิต มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีแล้วนะ แต่อย่างไรก็ตาม ในชีวิตประจำวัน เราก็ยังพบเห็นคนโสดมากมายหลากหลายอายุ บางคนขึ้นคานไปจนแก่ก็มี นั่นก็หมายความว่า สุดท้ายแล้วโลกนี้ก็ยังคงมีคนที่ต้องเดินไปคนเดียวตลอดชีวิตอยู่ดีซินะ....
สุดท้ายนี้ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่แม้จะมากจากคนในโลกออนไลน์ที่ไม่เคยพบหน้าตากันเลยก็เถอะ แต่เราให้กำลังใจเธอจากใจจริงๆนะ
ขอให้เธอดีขึ้นทุกวันๆ และหายเป็นปกติไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คนข้างๆเธอด้วย ในมุมมองของคนนอก เค้าเป็นผู้ชายที่อบอุ่น และน่ารักมากๆเลยค่ะ คุณคงต้องเหนื่อยกับการดูแลเธอ เราว่าเธอรับรู้นะว่าคุณดูแลเธอดีขนาดไหน อดทนไว้นะคะ ผลตอบแทนมันคุ้มค่าแน่นอน ขอให้คุณสองคนจับมือกันไว้ตลอดไป พายุฝนนั้นต่อให้โหมแรงพัดกระหน่ำแค่ไหน แต่ซักวันมันก็จะหยุดค่ะ ภาวนาให้ฟ้าหลังฝนมาสู่ชีวิตคุณทั้งสองในเร็ววัน
ปล. 1 หากครอบครัวผู้ป่วยมาอ่านเจอ แล้วพบว่าเราเขียนไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น เราขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เนื่องด้วยสิ่งที่เราเขียนทั้งหมดมาจากสายตาและความรู้สึกของคนนอกค่ะ
ปล. 2 เนื่องจากเราเคยตั้งกระทู้เรื่องใครไม่เล่นเฟสบุคบ้าง อาจมีคนมาอ่านแล้วงงๆ ตกลงเธอมีหรือไม่มีเฟสบุคกันแน่ จริงๆแล้วเรามีค่ะ แต่เราแอดเฉพาะคนสนิทในชีวิตจริงๆและก็ร้านค้าบางร้านที่ไม่ทำเพจ ซึ่งมีอยู่สิบคน แต่เวลาใครถามเราจะบอกว่าเราไม่เล่น ซึ่งเวลาเราโพสหรือบ่นๆ หรือแชร์อะไร เราจะตั้งค่า "เฉพาะฉัน" ไว้เสมอ ข้อนี้จะมีคนอยากรู้มั้ยเนี๊ยะ แต่เราตอบดักไว้ก่อนน้าาา อิอิ
ปล. 3 จขกท.โสดนะฮ้าฟฟฟฟฟฟ จีบได้ อิอิ #พื้นที่โฆษณา <<< สาระมันอยู่ที่บรรทัดนี้ซินะ
#อิดิท แก้คำผิด
(( กระทู้ของผู้หญิงขี้เผือก)) เมื่อเรื่องราวของผู้หญิงคนนึง ได้เปลี่ยนมุมมองเรื่องความรักให้แก่เรา....
.
.
สำหรับเรา เราเคยมีแฟนนะ แต่เราไม่เคยรู้สึกรักคนที่เราเรียกว่าแฟนเลย มันเป็นความรู้สึกดีๆ เป็นความรู้สึกผูกพันแต่มันไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่เราก็แอบมีความคิดว่าในอนาคตเราอยากมีครอบครัว อยากมีลูก แต่ในขณะเดียวกันเราก็มีความคิดว่าเราก็อยู่คนเดียวได้หนิ อยู่โดยไม่ต้องมีครอบครัวก็ได้ ปกติเราก็เป็นคนชอบอยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่แล้ว เราเป็นคนไม่ค่อยเหงา เราสามารถทำอะไรๆคนเดียวได้ สองสิ่งนี้เป็นความรู้สึกที่ย้อนแย้งกันอยู่นะ แต่เราให้น้ำหนักไปที่ความรู้สึกแบบหลังมากกว่า
จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เราเห็นในเฟสอิเจี๊ยบสมรัก และเฟสเสด็จพ่อ อนันดา ได้มีการแชร์เรื่องราวของผู้หญิงคนนึง เธอเส้นเลือดในสมองแตก เราไม่ได้รู้จักเธอเป็นการส่วนตัว แต่เคยเห็นเธอและแฟนเธอ มาคอมเมนท์ในเฟสเด็จพ่องอยู่บ่อยๆ หลังจากวันที่ทราบข่าว เราเองก็แอบเข้าไป[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ในเฟสของเธอและแฟนเธอทุกวัน ทำให้ได้เห็นว่ามีเพื่อนๆคอยเข้ามาให้กำลังใจเธอและครอบครัวเธออย่างมากมาย
นับแต่วันที่เกิดเรื่อง แฟนเธอเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นรูปพวกเขาสองคนหันหลังจับมือกัน อย่างที่ได้ยินกันมามากกับคำว่า
“ภาพหนึ่งภาพสื่อความหมายได้ล้านคำ” สำหรับเรานั้นภาพนี้มันดูอบอุ่น มีความหวัง เห็นครั้งแรกเรารู้สึกตื้นตัน ซาบซึ้ง(ทั้งที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับทั้งคู่เลยนะ) ดูเหมือนความหวังทั้งหมดที่ฝ่ายชายมีจะถูกบรรยายผ่านภาพถ่ายภาพนี้ไปซะแล้ว
วันต่อๆมา เราก็ยังคงไปเข้าไปเผือกทั้งในเฟสของฝ่ายชาย เฟสของเพื่อนๆเธอ รวมถึงเฟสเพื่อนสมรัก (นี่ชั้นกลายเป็นผู้หญิงขี้เผือกไปล่าวววหรือ??) ที่คอยอัพเดทอาการของเธอให้เพื่อนๆที่เป็นห่วงได้รับรู้ ได้เห็นเพื่อนๆของเธอเข้ามาให้กำลังใจมากมาย มีการประมูลของเพื่อนำเงินไปช่วยเป็นค่ารักษาพยาบาลให้เธอ นั่นเป็นเรื่องน้ำใจของเพื่อน น้ำใจของเพื่อนมนุษย์ แต่สิ่งที่เปลี่ยนมุมมองเดิมๆที่เราเคยมีต่อเรื่องความรัก มันเกิดจาก ผู้ชายของเธอ!!! เค้าเข้ามาอัพเดทอาการของแฟนสาวตลอด ทำให้เรารู้ว่าเค้าอยู่กับเธอตลอด คอยดูแลเธอ รวมไปถึงครอบครัวของเธอด้วย ใครอาจจะมองว่าเราเว่อร์หรือยังไงไม่รู้นะ แต่เราอ่านที่ฝ่ายชายมาคอยโพสอัพเดทอาการแล้ว เราซึ้ง เราตื้นตัน รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ารักจริงๆ มันสัมผัสผ่านตัวอักษรได้เลยว่าเค้ารักแฟนเค้า เค้ามีความหวังรอคอยให้เธอตื่นขึ้นมา เมื่อวันที่ 4 เมษาที่ผ่านมา เค้าคอมเมนท์ในสเตตัสที่เค้าโพสเพื่ออัพเดทอาการแฟนเค้าว่า เค้าจะไม่ทิ้งแฟน และแม่ของแฟน เค้ายืนยันโดยให้ทุกคนแคปข้อความนี้ไว้ได้ วันที่ 5 เมษา เค้าโพสอีกว่าเธอโกนหัว เพื่อให้ง่ายการรักษา เค้าเลยพูดไว้ว่าเค้าจะไปตัดสกินเฮดเป็นเพื่อนเธอ เราอ่านข้อความนี้แล้วอมยิ้มเลย แล้วก็เชื่อว่าหลายคนที่เห็นข้อความนี้ต้องอมยิ้มไปกับความน่ารักของผู้ชายคนนี้แน่นอน เราสนับสนุนความคิดนี้ของฝ่ายชายนะ สกินเฮดเป็นเพื่อนเธอ ถ่ายรูปไว้ วันที่เธอตื่นมาเห็นรูปพวกนี้ เธอจะยิ่งสู้ และมีกำลังใจในการทำกายภาพต่อไปอีกแน่นอน ก็เพราะว่าเธอไม่ได้สู้เพียงลำพัง
ความรักของฝ่ายชายที่มีต่อแฟนของเค้าที่นอนป่วยอยู่มันทำให้เรารู้สึกว่า ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ จากที่เราเคยคิดว่าเราอยู่คนเดียวได้ กลายเป็นว่าความเชื่อนี้ของเราถูกสั่นคลอนลงไป พ่อแม่เองก็อยู่กับเราไม่ตลอด วันนึงท่านก็ต้องจากเราไป คนรอบตัวเรา เพื่อนๆ วันนึงเค้าก็ต้องมีครอบครัวให้ต้องดูแล เส้นทางชีวิตของเรา เราจะเดินไปคนเดียวได้จริงหรอ?? ถ้าในวันที่มรสุมชีวิตมาเยือนเรา เราจะสู้คนเดียวไหวหรอ??
ถึงตอนนี้ความคิดเราเปลี่ยนไป ถ้านะ ถ้าเลือกได้เราอยากมีคนอยู่ข้างๆเรา เดินไปกับเรา ไม่ว่าชีวิตจะเกิดอะไรขึ้น ขอแค่อย่าปล่อยมือกัน แต่คงไม่ใช่ทุกคนบนโลกที่จะโชคดีได้พบเจอคนที่ได้เดินร่วมกันไปตลอดทาง แต่เราว่าแค่ส่วนหนึ่งหรือครึ่งทางของชีวิต มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีแล้วนะ แต่อย่างไรก็ตาม ในชีวิตประจำวัน เราก็ยังพบเห็นคนโสดมากมายหลากหลายอายุ บางคนขึ้นคานไปจนแก่ก็มี นั่นก็หมายความว่า สุดท้ายแล้วโลกนี้ก็ยังคงมีคนที่ต้องเดินไปคนเดียวตลอดชีวิตอยู่ดีซินะ....
สุดท้ายนี้ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่แม้จะมากจากคนในโลกออนไลน์ที่ไม่เคยพบหน้าตากันเลยก็เถอะ แต่เราให้กำลังใจเธอจากใจจริงๆนะ
ขอให้เธอดีขึ้นทุกวันๆ และหายเป็นปกติไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คนข้างๆเธอด้วย ในมุมมองของคนนอก เค้าเป็นผู้ชายที่อบอุ่น และน่ารักมากๆเลยค่ะ คุณคงต้องเหนื่อยกับการดูแลเธอ เราว่าเธอรับรู้นะว่าคุณดูแลเธอดีขนาดไหน อดทนไว้นะคะ ผลตอบแทนมันคุ้มค่าแน่นอน ขอให้คุณสองคนจับมือกันไว้ตลอดไป พายุฝนนั้นต่อให้โหมแรงพัดกระหน่ำแค่ไหน แต่ซักวันมันก็จะหยุดค่ะ ภาวนาให้ฟ้าหลังฝนมาสู่ชีวิตคุณทั้งสองในเร็ววัน
ปล. 1 หากครอบครัวผู้ป่วยมาอ่านเจอ แล้วพบว่าเราเขียนไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น เราขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เนื่องด้วยสิ่งที่เราเขียนทั้งหมดมาจากสายตาและความรู้สึกของคนนอกค่ะ
ปล. 2 เนื่องจากเราเคยตั้งกระทู้เรื่องใครไม่เล่นเฟสบุคบ้าง อาจมีคนมาอ่านแล้วงงๆ ตกลงเธอมีหรือไม่มีเฟสบุคกันแน่ จริงๆแล้วเรามีค่ะ แต่เราแอดเฉพาะคนสนิทในชีวิตจริงๆและก็ร้านค้าบางร้านที่ไม่ทำเพจ ซึ่งมีอยู่สิบคน แต่เวลาใครถามเราจะบอกว่าเราไม่เล่น ซึ่งเวลาเราโพสหรือบ่นๆ หรือแชร์อะไร เราจะตั้งค่า "เฉพาะฉัน" ไว้เสมอ ข้อนี้จะมีคนอยากรู้มั้ยเนี๊ยะ แต่เราตอบดักไว้ก่อนน้าาา อิอิ
ปล. 3 จขกท.โสดนะฮ้าฟฟฟฟฟฟ จีบได้ อิอิ #พื้นที่โฆษณา <<< สาระมันอยู่ที่บรรทัดนี้ซินะ
#อิดิท แก้คำผิด