นี่เป็นแค่ประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ได้รังเกียจคนที่นับถือหรืออะไร ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็เพื่อระบายความรู้สึกล้วนๆเลยค่ะ ถ้าไม่ชอบหรือไปกระทบใครต้องขออภัยด้วยจริงๆ คือตอนแรกเราเฉยๆกับศาสนาอิสลามเหมือนคนอื่นๆ แค่เคยมองว่าบางคำสอนหรือจารีตที่เขาปฎิบัติกันบางเรื่องก็ไม่น่าสนับสนุนเท่าไหร่ เพราะศาสนาอิสลามบางอย่างมันก็โยงถึงการเมืองที่ต้องการให้ผู้ชายเหนือกว่า แต่หลังจากที่เจอเรื่องนี้มาทำให้จากที่เฉยๆกลายเป็นไม่ชอบไปเลยค่ะ
คือ..ส่วนตัวคือเรามีประสบการณ์การเจอสาวอิสลามแย่งแฟนมาแล้ว 2 หน เขาไม่ได้มาแย่งแบบออกหน้าออกตาค่ะ แต่เป็นทำนองว่าเขารู้อยู่แล้วว่าแฟนเรามีแฟน แต่เลือกที่จะไปต่อ
อย่าง..คนแรกคือแฟนเราไปดื่มเหล้าที่ห้องของเขา ไปกันหลายคน แต่เราไม่ได้ไปด้วย เพราะเราไม่ได้สนิทกับกลุ่มเพื่อนเขาขนาดนั้น แล้วมารู้อีกทีคือเขาโพสต์สตอรี่ ทำนองว่าด่าเราว่า เราโง่ที่ไม่รู้ว่าแฟนเราทำอะไรไปบ้าง ...แบบไม่เอ่ยชื่อ แต่เราเอ๊ะใจ ก็เลยทักไปถามจึงได้ความว่าแฟนเราในตอนที่ทุกคนเมาจนน๊อคกันไป ซึ่งแฟนเราก็เมาเหมือนกัน สติหลุดไปข่มขืนผู้หญิงอิสลามคนนั้น ซึ่งตอนนั้นเราเชื่อ แต่หลายปีต่อมาก็ได้มาฟังจากปากคนที่อยู่ที่นั่นว่า ที่จริงวันนั้นมันไม่ได้มีอะไรเลย แต่ผู้หญิงคนนั้นเขาต้องการให้เรากับแฟนเลิกกันตั้งแต่แรก
ส่วน คนที่สอง อันนี้เราคบกับแฟนอยู่ค่ะ แต่มันมีช่วงนึงที่ทะเลาะกันหนักมาก เรากับเขาเลยเลิกกันไปได้ไม่ถึง 1 เดือน แฟนเราเขาไปคุยกับคนอื่น ทำนองว่าอยากจะเปิดใจและลืมเราแหละ เราเองก็รู้ แต่เพราะเราเลิกกันจึงไม่ได้คิดอะไร แต่สุดท้ายเราก็กลับมาคืนดีกันค่ะ แต่ทีนี้ผู้หญิงคนนั้นก็ยังคุยอยู่ เราบอกเขาว่าให้คุยกันต่อได้ แต่ในฐานะเพื่อน มิตรภาพที่ดี แฟนเราก็บอกเขาไปค่ะว่าคืนดีกับเราแล้ว อีกฝ่ายก็รับรู้(ที่เรามั่นใจเพราะเขาแคปหน้าจอการสนทนามาให้ดู แถมฝ่ายนั้นยังพูดอีกว่า "ขอเป็นโลกอีกใบให้กันได้ไหมหวังว่าแฟนเธอจะเข้าใจนะ" ซึ่งเราเข้าใจว่าหมายถึงโลกที่เขาไม่ได้เป็นสาวอิสลามในตอนที่ได้คุยกับแฟนเรา) ถึงแม้ว่าฝ่ายนั้นจะไม่เคยเห็นหน้าเรา เราไม่เคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นก็เถอะแต่พอรู้ว่าเป็นใครชื่ออะไร ...เราคบกันต่อได้นานพอสมควรค่ะ จนกระทั่งเราทะเลาะกันอีกครั้ง คราวนี้เขาเป็นฝ่ายขอเลิก ทั้งๆที่มันยังไม่มีเรื่องอะไรเลย แล้วเรามารู้ว่าเขาคบกันหลังจากเราเลิกกับเขาแค่ 1 อาทิตย์ เราไม่พอใจมาก อันนี้โกรธจริงๆ พอเราไปคุยกับผู้หญิงคนนั้น เขาดันพูดทำนองว่าเขาไม่รู้ว่าแฟนเรามีแฟนอยู่แล้ว แต่เราไม่เชื่อค่ะ เขาอาจจะไม่รู้ว่าเราเคยเห็นแชทเขา เขาเลยพูดโกหกมาแบบนั้น
และที่น่าโมโหแฟน กว่าก็คือเขาเอาแต่บอกว่าไม่อยากเป็นคนอิสลามๆ จนแฟนเราเห็นใจ ทั้งๆที่เขาก็กำลังหากินอยู่กับศาสนาอิสลาม หรือก็คือทำงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ศาสนาในเป็นคอนเทนต์ในการหาเงินค่ะ ทั้งๆที่แฟนเราไม่เคยพูดว่าสงสารกับเราด้วยซ้ำ (พอดีบ้านเราแย่กว่าเขาอีก ของเขาแค่เคร่งเรื่องศาสนาแต่รักกันดี แต่ของเราเรียกว่ามีแต่การใช้กำลังกันภายในครอบครัว)
----------
อันนี้คือประสบการณ์ส่วนตัวเราค่ะ ทำให้กลายเป็นว่าเราไม่ชอบศาสนาอิสลามไปเลยแต่ก็ไม่เคยมาระบายกับใคร เพราะของแบบนี้มันเซ้นซีทรีฟมาก ถ้าคนเข้าใจก็จะเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะมองว่าเราอัคติไปเลย : (
ส่วนตัวที่เราสังเกตุนะคะ เราไม่เคยมีปัญหากับคนอิสลามที่เป็นผู้ชายเลยค่ะ แต่กับผู้หญิงคือถ้าไม่ใช่คนที่เลื่อมใสในศาสนามาก ก็กลายเป็นคนร้ายเงียบ หรือน่าสงสารเพราะความเคร่งครัดของที่บ้านไปซะอย่างงั้น แล้วเราดันเจอแบบอย่างที่ 2 มากกว่าไง มันเลยทำให้เราเลยไม่ค่อยอยากสนับสนุนศาสนาอิสลามเลยค่ะ ถ้าเกิดมันทำให้คนเราเก็บกดกันขนาดนั้น
-----------
ปล.แต่ตอนนี้เราดีขึ้นเยอะเลยค่ะ มีแฟนใหม่แล้วดีกว่าคนเก่ามากๆ ถึงขั้นเรียกได้ว่าศีลเสมอกันเลย แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ฝังใจกับอดีตมากจริงๆเพราะมันเป็นจุดที่ทำให้เราอยากฆ่าตัวตายและต้องรักษาโรคซึมเศร้ามาถึงตอนนี้ ขอบคุณที่อ่านกันนะคะ : )
แชร์ประสบการณ์ที่ทำให้ไม่ชอบศาสนาอิสลาม
คือ..ส่วนตัวคือเรามีประสบการณ์การเจอสาวอิสลามแย่งแฟนมาแล้ว 2 หน เขาไม่ได้มาแย่งแบบออกหน้าออกตาค่ะ แต่เป็นทำนองว่าเขารู้อยู่แล้วว่าแฟนเรามีแฟน แต่เลือกที่จะไปต่อ
อย่าง..คนแรกคือแฟนเราไปดื่มเหล้าที่ห้องของเขา ไปกันหลายคน แต่เราไม่ได้ไปด้วย เพราะเราไม่ได้สนิทกับกลุ่มเพื่อนเขาขนาดนั้น แล้วมารู้อีกทีคือเขาโพสต์สตอรี่ ทำนองว่าด่าเราว่า เราโง่ที่ไม่รู้ว่าแฟนเราทำอะไรไปบ้าง ...แบบไม่เอ่ยชื่อ แต่เราเอ๊ะใจ ก็เลยทักไปถามจึงได้ความว่าแฟนเราในตอนที่ทุกคนเมาจนน๊อคกันไป ซึ่งแฟนเราก็เมาเหมือนกัน สติหลุดไปข่มขืนผู้หญิงอิสลามคนนั้น ซึ่งตอนนั้นเราเชื่อ แต่หลายปีต่อมาก็ได้มาฟังจากปากคนที่อยู่ที่นั่นว่า ที่จริงวันนั้นมันไม่ได้มีอะไรเลย แต่ผู้หญิงคนนั้นเขาต้องการให้เรากับแฟนเลิกกันตั้งแต่แรก
ส่วน คนที่สอง อันนี้เราคบกับแฟนอยู่ค่ะ แต่มันมีช่วงนึงที่ทะเลาะกันหนักมาก เรากับเขาเลยเลิกกันไปได้ไม่ถึง 1 เดือน แฟนเราเขาไปคุยกับคนอื่น ทำนองว่าอยากจะเปิดใจและลืมเราแหละ เราเองก็รู้ แต่เพราะเราเลิกกันจึงไม่ได้คิดอะไร แต่สุดท้ายเราก็กลับมาคืนดีกันค่ะ แต่ทีนี้ผู้หญิงคนนั้นก็ยังคุยอยู่ เราบอกเขาว่าให้คุยกันต่อได้ แต่ในฐานะเพื่อน มิตรภาพที่ดี แฟนเราก็บอกเขาไปค่ะว่าคืนดีกับเราแล้ว อีกฝ่ายก็รับรู้(ที่เรามั่นใจเพราะเขาแคปหน้าจอการสนทนามาให้ดู แถมฝ่ายนั้นยังพูดอีกว่า "ขอเป็นโลกอีกใบให้กันได้ไหมหวังว่าแฟนเธอจะเข้าใจนะ" ซึ่งเราเข้าใจว่าหมายถึงโลกที่เขาไม่ได้เป็นสาวอิสลามในตอนที่ได้คุยกับแฟนเรา) ถึงแม้ว่าฝ่ายนั้นจะไม่เคยเห็นหน้าเรา เราไม่เคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นก็เถอะแต่พอรู้ว่าเป็นใครชื่ออะไร ...เราคบกันต่อได้นานพอสมควรค่ะ จนกระทั่งเราทะเลาะกันอีกครั้ง คราวนี้เขาเป็นฝ่ายขอเลิก ทั้งๆที่มันยังไม่มีเรื่องอะไรเลย แล้วเรามารู้ว่าเขาคบกันหลังจากเราเลิกกับเขาแค่ 1 อาทิตย์ เราไม่พอใจมาก อันนี้โกรธจริงๆ พอเราไปคุยกับผู้หญิงคนนั้น เขาดันพูดทำนองว่าเขาไม่รู้ว่าแฟนเรามีแฟนอยู่แล้ว แต่เราไม่เชื่อค่ะ เขาอาจจะไม่รู้ว่าเราเคยเห็นแชทเขา เขาเลยพูดโกหกมาแบบนั้น
และที่น่าโมโหแฟน กว่าก็คือเขาเอาแต่บอกว่าไม่อยากเป็นคนอิสลามๆ จนแฟนเราเห็นใจ ทั้งๆที่เขาก็กำลังหากินอยู่กับศาสนาอิสลาม หรือก็คือทำงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ศาสนาในเป็นคอนเทนต์ในการหาเงินค่ะ ทั้งๆที่แฟนเราไม่เคยพูดว่าสงสารกับเราด้วยซ้ำ (พอดีบ้านเราแย่กว่าเขาอีก ของเขาแค่เคร่งเรื่องศาสนาแต่รักกันดี แต่ของเราเรียกว่ามีแต่การใช้กำลังกันภายในครอบครัว)
----------
อันนี้คือประสบการณ์ส่วนตัวเราค่ะ ทำให้กลายเป็นว่าเราไม่ชอบศาสนาอิสลามไปเลยแต่ก็ไม่เคยมาระบายกับใคร เพราะของแบบนี้มันเซ้นซีทรีฟมาก ถ้าคนเข้าใจก็จะเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็จะมองว่าเราอัคติไปเลย : (
ส่วนตัวที่เราสังเกตุนะคะ เราไม่เคยมีปัญหากับคนอิสลามที่เป็นผู้ชายเลยค่ะ แต่กับผู้หญิงคือถ้าไม่ใช่คนที่เลื่อมใสในศาสนามาก ก็กลายเป็นคนร้ายเงียบ หรือน่าสงสารเพราะความเคร่งครัดของที่บ้านไปซะอย่างงั้น แล้วเราดันเจอแบบอย่างที่ 2 มากกว่าไง มันเลยทำให้เราเลยไม่ค่อยอยากสนับสนุนศาสนาอิสลามเลยค่ะ ถ้าเกิดมันทำให้คนเราเก็บกดกันขนาดนั้น
-----------
ปล.แต่ตอนนี้เราดีขึ้นเยอะเลยค่ะ มีแฟนใหม่แล้วดีกว่าคนเก่ามากๆ ถึงขั้นเรียกได้ว่าศีลเสมอกันเลย แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ฝังใจกับอดีตมากจริงๆเพราะมันเป็นจุดที่ทำให้เราอยากฆ่าตัวตายและต้องรักษาโรคซึมเศร้ามาถึงตอนนี้ ขอบคุณที่อ่านกันนะคะ : )