อย่าลืมฉัน (คาแร็คเตอร์รีวิว) : รู้จักเขา ... "เขมชาติ" กระดาษห่อไฟใต้ภูเขาน้ำแข็ง (สปอยด์นิยายนิดหน่อย)




ในวังวนเรื่องราว "อย่าลืมฉัน" จากบรรดาตัวละครหลักทั้ง ๔ ตัว พินิจพิจารณาแล้วก็คิดว่าคนที่น่าจะเดินตลาดไม่ได้ไปพักใหญ่ ... ก็น่าจะเป็นมิสเตอร์เขมชาตินี่แหละนะ ทั้งเหวี่ยง ทั้งวีน ทั้งร้าย และ สารพัดจะสับปลับ แทงข้างหลัง และ ฯลฯ  แต่ในฐานะที่เป็นพระเอก(หืมม์ !!) ก็อยากแก้ต่างให้ซักหน่อย(หา !!) ไม่หรอก ... เรียกว่าจิตวิแคะ(เป็นเสี้ยวขี้เล็บของการวิเคราะห์)เขมชาติดีกว่าว่าเดินมาถึงจุดที่กำลังเป็นอยู่นี้ได้อย่างไร

เขมชาติ หรือ คุณเขม หรือ ผู้อำนวยการ คือชายหนุ่มหน้าตาดี เขร่งขรึม แต่พร้อมอาละวาดเมื่องานการไม่ได้ดั่งใจ แต่ก็ธรรมดานะสำหรับผู้ชายที่กุมธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังไม่มาก รอบด้านของเขมชาติแลดูพรั่งพร้อมสมบูรณ์ การงานรึก็ไปได้สวย ผู้หญิงที่คบหาก็สวยรวยมีเสน่ห์และนิสัยดีติดดินหาตัวจับยาก ชีวิตดำเนินไปได้อย่างไม่ติดขัด ... มีรอยยิ้มได้ หัวเราะได้ ไม่คิดว่ามีอุปสรรคอะไร บริหารงานไปอย่างที่เคยทำ ต่อไปก็คงแต่งงานกับคนที่คบหาอยู่ อดีตที่ผ่านมาเรื่องอะไรไม่รู้แทบจะจำไม่ได้แล้ว แต่โชคไม่ดีเลยที่มันไม่จริง ... ไม่ว่าจะนานแค่ไหน แผลมันก็ยังคงเป็นแผลที่พร้อมกลัดหนองได้ตลอดเวลา

มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจ ... เพียงแค่สบตากับผู้หญิงที่คิดเอาไว้ในใจแล้วว่าจะเกลียด จะไม่สนใจ จะปล่อยเอาไว้ให้เป็นธาตุอากาศ แต่กลายเป็นว่าอดีตสิบกว่าปีผ่านไปกลับย้อนมาอยู่ตรงหน้า ในวันที่เขาเป็นเพียงชายหนุ่มฐานะปานกลางค่อนไปทางต่ำกำลังเสียใจเป็นบ้าเป็นหลัง กำลังคิดว่าตัวเองผิดอะไร ทำไมเธอคนนั้นถึงจากไป จนพบความจริงที่ว่าเธอแต่งงานไปแล้วกับชายแก่คราวพ่อฐานะขั้นมหาเศรษฐี ตอนที่อ่านก็คิดไว้ว่าเรื่องแบบนี้ถ้ามีสติสตังหน่อยก็น่าจะสืบเสาะได้ไม่ยากว่าเพราะเหตุอะไร แล้วทำไมเขมชาติ ... ที่ดูท่าทางฉลาด ดันคิดไม่ได้ เจ้าตัวก็ท่าทางไม่ใช่คนมโนขั้นเทพ

ส่วนหนึ่งก็คือความแตกต่างกันระหว่างฐานะระหว่างเธอคนนั้น "สุริยาวดี" และ เขา "เขมชาติ" ยังจำฉากบริการหิ้วข้าวผัดและน้ำตอนซ้อมเชียร์ในนิยายได้ดี ในบริบทนั้นที่เขมชาติถามว่าวดีกินได้ไหม ... มอง ๆ แล้วเขมชาติดูสะท้อนใจยังไงอยู่ เพราะวดีเป็นสาวสวยหวานอ่อนโยนและมีความละเอียดอ่อน ถึงจะง่าย ๆ สบาย ๆ แต่ก็รู้ได้ว่ามาจากครอบครัวที่เลี้ยงดูขัดเกลามาอย่างดีมีความปราณีตในการใช้ชีวิต มันเหมือนกับว่าเขมชาติในตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองดูแลวดียังไม่ได้ระดับตามที่เธอเติบโตมา

เขมชาติจึงมีท่าทีที่วางวดีเอาไว้สูง รักแบบเทอดทูน แล้วก็เจียมตัวหน่อย ๆ ด้วย อย่างที่บอก ไม่ใช่ว่าวดีวางตัวข่มแต่ gap แบบนี้ก็กระทบ ego ผู้ชายอยู่บ้าง (โดยเฉพาะถ้าถูกสอนสั่งมาว่าจงเป็นหัวหน้าครอบครัว) ไม่กล้าฟันธงในจุดนี้แต่คิดว่าคุณเขมแกอาจจะรู้สึกนิด ๆ ว่าวดีเป็นดอกฟ้าโน้มมาหาอะไรเทือก ๆ นั้น เอาเป็นว่าวดีเป็นดอกฟ้าที่ไม่เหมือนคนอื่น ไม่ได้แบ่งแยกคนที่ฐานะ มาคบกับเราคนธรรมดา พอมองวดีเป็นนางฟ้านางสวรรค์เข้าแล้วเจอวิกฤตชีวิตที่ตรงกันข้ามกับที่เข้าใจ คุณเขมก็เลยพลิกแนวคิด 360 องศา อ้อ ... เพราะเงินใช่ไหม ... ได้ ชุดความคิดแบบใหม่จึงเริ่มที่ตรงนี้

จะทำอะไรยังไงก็ได้ให้ประสบความสำเร็จ ให้เร็ว ให้ไว้ ให้รวย ซึ่งเมื่อพื้นฐานเป็นคนฉลาด ขยัน อดทน สิ่งที่ต้องการก็ได้มาโดยไม่ยาก เพียงแต่ระหว่างทางที่ต้องถีบตัวต่อสู้ดิ้นรน ความกร้าวความกร้านในชีวิตก็ตามติดมาโดยไม่อาจเลี่ยง จากหนุ่มน้อยเงียบขรึมแต่มีรอยยิ้มอ่อนหวาน ก็กลายเป็นคนหนุ่มเต็มตัวที่เหลี่ยมคูทางธุรกิจแพรวพราวเข้านอกออกในสังคมไม่ขัดเขิน แต่รอยยิ้มจริงใจอ่อนหวานแห้งหายไปกับวันเวลาที่ขมขื่นยาวนาน

ถ้าจะเปรียบก็คงเปรียบเขมชาติเป็นกระดาษที่พยายามจะห่อไฟ อดีตสำหรับเขมชาติก็เหมือนไฟที่เพียรกดและเก็บเอาไว้ บอกตัวเองว่าลืมแล้ว ไฟมอดหมดแล้ว แต่สุดท้ายเมื่อเจอกับวดีก็ตระหนักว่าที่คิดว่ามอดน่ะไม่ใช่ ไฟลุกยิ่งกว่าราดเบนซินไฮออกเทนอีก ทั้ง ๆ ที่มีคุณเกนหลงที่คุณสมบัติไม่ด้อยกว่าวดีอยู่ข้าง ๆ แต่ด้วยประสบการณ์ของชีวิตที่ผ่านมาเขมชาติเรียนรู้ที่จะสร้างเกราะน้ำแข็งควบคุมไฟไว้ต่างหาก เมื่อพิจารณาไป ... ที่ดำเนินชีวิตได้ปกติเป็นเพราะสร้างเกราะคุ้มตัวเองไว้ ไม่ให้มีอะไรย้อนกลับมาคิดถึงวดีได้อีก ซึ่งถ้าไฟมอดจริงดับจริงเป็นธาตุอากาศจริง  ไม่ว่าเห็นอะไรก็ต้องไม่คิดถึงวดีอีกต่อไป

ทีนี้เมื่อไฟมันร้อนแรงขึ้นมาเรื่อย ๆ สิ่งที่พอจะทำได้คือต้องให้มันดับ แต่ผิดที่เขมชาติเลือกวิธีที่ว่า "ความพยาบาทเป็นของหวาน" แต่อย่างว่า "รักมากย่อมแค้นมาก" จริง ๆ แล้วเขมชาติคงจะไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นอะไรแบบนั้นหรอก เพียงแต่เวลาและโอกาสมันประจวบเหมาะพอดี happening มาแบบนี้ก็ต้องจัดไปให้สาแก่ใจ ทุกวิถีทางทั้งลูกล่อลูกชน ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ทั้งหลอกทั้งล่อให้หัวปั่น แต่ไฟมันก็ไม่ดับไม่มอดมีแต่ยิ่งโหมแรงขึ้นเรื่อย ๆ นับวันน้ำแข็งยิ่งละลาย หลุดเผยใจออกไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

เวลาเห็นวดีเจ็บปวด แม้จะยิ้มมุมปากแต่หัวใจก็บอบช้ำ แต่อีกซักพักก็ต้องปลุกมันขึ้นมาใหม่ว่าไม่ใช่ไม่ใช่ฉันเกลียดผู้หญิงคนนี้ นานวันเข้าเปลือกเย็น ๆ ของน้ำแข็งมันละลายออกไปหมด ก็เหลือแต่ตัวของเขมชาติกับเพลิงร้อน ๆ ของอดีตอันอ่อนหวานที่จะผลักจะไสยังไงก็หนีไม่พ้น จะบีบจะเค้นอย่างไรก็ไม่เคยลืม วดีก็ยังเป็นคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดกับเขมชาติอยู่นั่นเอง สุดท้ายเมื่อดับผิดวิธี ... ก็อย่างคำโบราณว่า "สรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ" กระดาษที่จะมอดไหม้ก็คือเขมชาตินั่นเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่