เรื่องราวในอดีต....ที่ฉันเคยเล่าให้ลูกฟัง

ฉันเกิดและโตในสลัม

รอบๆบ้านที่ฉันอยู่ก็จะแวดล้อมไปด้วยบ้านหลังเล็กหลังน้อย
ผู้คนหาเช้ากินค่ำ
เป็นศูนย์รวมของเหล่ามิจฉาชีพ ลัก วิ่ง ชิง ปล้น
เป็นศูนย์รวมยาเสพติด เหล้าบุหรี่นี่เป็นพื้นฐานค่ะ เฮโรอีน ยาม้า(สมัยนั้น) พวกดมกาว(สามเค)
ส่วนการพนันนี่ไม่ไกลเลยค่ะ แม่ฉันเอง^^




บ้านของฉันอยู่ใกล้สถานีรถไฟ ผู้คนจึงทำมาหากินกับรถไฟ
สมัยนั้นการเดินทางยังไม่เจริญเหมือนสมัยนี้
การเดินทางด้วยรถไฟจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นสุดๆ

บางคนจะเดินทางไปจังหวัดอื่นๆ ต้องมาลงต่อรถที่สถานีรถไฟบ้านฉัน
มันจึงเป็นศูนย์รวม เป็นแหล่งใหญ่ ในการทำมาหากินของผู้คนและ  ของพวกมิจฉาชีพ

แหล่งทำมาหากินคือ ค้าขายกันบนรถไฟหรือข้างๆรถไฟเวลาที่รถมาจอดที่สถานี
เด็กๆก็จะหิ้วของขายข้างรถไฟ ถ้าโตหน่อยก็จะติดรถไฟไปขายข้ามจังหวัดเลย

ขายข้าวห่อ ขายน้ำ(น้ำแข็งใส่น้ำชากรอกใส่ถุงหิ้วขาย) ขายถั่วต้ม ไข่ต้ม ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ฯลฯ

จึงมีคำร้องขายที่ล้อเลียนคนขายของข้างรถไฟว่า "จับ ไข่ แข็ง ปัง"

ข้าวห่อ ก็จะมีข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ ข้าวผัดกระเพราไก่
ข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่นี่รับเค้ามาขาย กิน%ฉันไม่รู้วิธีทำ แต่ข้าวผัดใบกระเพราะนี่ฉันเห็นป้าข้างบ้านทำ
คุณๆเห็นเครื่องปรุงแล้ว คุณๆอาจจะเลิกกินของที่ขายข้างทางไปเลยก็ได้
เพราะฉันเองเมื่อมีลูกฉันได้เล่าให้ลูกๆฟัง ลูกฉันเวลาขึ้นรถไฟไปไหนๆ ไม่เคยร้องกินของที่ขายบนรถไฟเลย T____T

ข้าวผัดใบกระเพราะ ก็จะมี ข้าวสารหนึ่งลิตร
ใบกระเพราะกำเล็กหนึ่งกำ พริกขี้หนูหนึ่งขีด คอไก่สองคอ Y____Y
นั่นคือส่วนผสม ที่เค้าใช้ทำข้าวผัดใบกระเพรา
คอไก่ก็สับๆๆๆ ผัดกับพริกขี้หนูกระเทียมตำปรุกรสแล้วเอาข้าวที่หุงสุกแล้วคลุกๆๆ ใส่ซี้อิ้วดำ ใส่ใบกระเพรา ...เสร็จ

ตักใส่กระดาษสำหรับห่ออาหารรองรองด้วยถุงพลาสติก หนังยางรัด แล้วให้เด็กตัวเล็กๆวิ่งไปขายข้างรถไฟกินเปอร์เซ็นต์

ครั้งหนึ่งฉันเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นฉันเคย ติดรถไฟไปขายกับเพื่อน ถึงสถานีรถไฟลพบุรี(ทางเหนือไกลสุดพิษณุโลก)
ตอนนั้นขายข้าวหมูแดง
ที่ห่อด้วยกระดาษสำหรับห่ออาหารหลายๆห่อรวมกันใส่ตะกร้าหิ้ว
เมื่อถึงสถานีรถไฟลพบุรีก็ลงเพื่อรอรถเที่ยวขี้น(ไป กทม เรียกเที่ยวล่อง ไป เชียงใหม่เรียกเที่ยวขึ้น)

ห่อข้าวเมื่ออยู่ในตะกร้ามันทับๆกัน ห่อมันก็แฟบๆ เพื่อนฉัน จัดแจงเอามาแต่งใหม่
โดยการเปิดห่อ แล้วก็จับๆๆให้มันเข้ารูปที่สวยงาม

แล้วก็หยิบหมูที่อยู่ในห่อใส่ปาก
ทำแบบนี้ทุกห่อ ... แล้วหมูมันจะเหลือถึงลูกค้ากี่ชิ้น ?????


อีกครั้งที่ฉันประทับใจ ฉันติดรถไปขายกับน้องชาย
ช่วงนั้นสงกรานต์ คนเยอะมากกกกก เรียกว่าแน่นเลย
ตอนนั้นขายลิโพกระทิงแดงเป็นกระติกใหญ่ๆ

น้องชายบอกให้ฉันเฝ้ากระติกไม่ให้ฉันเดินขายเพราะคนแน่น

น้องบอก เมิงเฝ้านั่นแหละไม่ต้องเดิน เดี๋ยวกรุเดินเอง
ฉันจำได้ไม่ลืม



ของที่ขายที่ฉันบอกว่ามันไม่น่ากิน คือ ถ้ารถไฟมาก็จะวิ่งไปขายข้างรถไฟ
แต่พอรถเลยไปแล้ว พวกเราเด็กๆก็จะต้องรอรถขบวนต่อไป

ระหว่างที่รอก็วางถาดไว้แล้วเล่นอ๋อยต๊อกบ้าง(รู้จักกันมั้ย) ปั่นแปะบ้าง หรือโยนเหรียญให้คาบเส้น(เล่นการพนัน)
ถาดขายของ ถ้าเป็นถั่วต้ม ไข่ต้มนี่ไม่เท่าไหร่
แต่ถ้าไก่ย่าง ลูกชิ้นปิ้งนี่ แมงวันตอม เด็กๆก็จะไม่สนใจ
จะสนใจอีกทีตอนรถไฟไกล้มา
ก็จะมา ปัดๆๆ อันไหนมีไข่แมงวันก็หยิบออก
แล้วเอาไปขายต่อ ดีนะที่สมัยนั้น โรคภัยไม่เยอะเหมือนสมัยนี้

เดี๋ยวนี้คงพัฒนาแล้วมั้ง


ลัก ขโมย นี่เยอะมาก

เป้นกันตั้งแต่เด็กหัวเท่ากำปั้นยันคนแก่ที่เรี่ยวแรงแทบจะไม่มี....ก็ยังเป็นหัวขโมย
สมัยก่อนเวลาที่เค้าขนส่งผักผลไม้ เค้าส่งกันทางรถไฟ ไปลงที่สถานีใหญ่ๆแล้วกระจายสินค้าไปยังที่ต่างๆ
เค้าจะใส่ลังไม้ที่ต่อเป็นลัง
ตีไม้ห่างๆปูพื้นด้วยกระดาษตัดเป็นฝอยๆ(ไม่รู้ว่านึกภาพกันออกมั้ย)
ช่องไม้ห่างๆนั่นแหละ มันพอเหมาะกับมือของขโมยเด็ก ที่ล้วงเข้าไปหยิบผลไม้ได้พอดีเช่นส้ม(ส่วนใหญ่จะเป็นส้ม)


พอเริ่มโตเข้าสู่วัยรุ่นก็จะขโมยใหญ่ขึ้น

(มีต่อค่ะขอกดส่งก่อน)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่