ปัจจุบันในบ้านเรามีธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) เกิดขึ้นมากมาย เพราะหลายฝ่ายได้หันมาให้การสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กหรือที่เรียกว่า SMEs มากยิ่งขึ้น และคนรุ่นใหม่ก็สนใจที่จะทำธุรกิจส่วนตัวหรือค้าขายกันมากขึ้น แต่ธุรกิจขนาดเล็กโดยมากแล้วจะเสียเปรียบธุรกิจขนาดใหญ่ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านเงินทุน การตลาด การโฆษณา รวมไปถึงในเรื่องของเงินทุนต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กหลายรายต้องปิดกิจการไปในเวลาไม่นาน สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กไม่ประสบความสำเร็จนั้นจะพอสรุปได้ดังนี้
1. มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน , ไม่เจาะจงกลุ่มลูกค้า ( ไม่ Niche Market )
การเป็นธุรกิจขนาดเล็กการจะบริการให้ได้ลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกประเภทคงเป็นเรื่องยาก ผิดกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีสินค้าและบริการหลากหลายรูปแบบหลายประเภทจึงสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้เกือบทุกกลุ่ม แต่ธุรกิจขนาดเล็กจะมีเงินทุนจำกัด การจะเจาะกลุ่มลูกค้าให้ได้ทุกกลุ่มจึงเป็นเรื่องยาก เช่น ถ้าเปิดร้านขายเสื้อผ้าทางเว็บไซต์ ถ้าธุรกิจขนาดเล็กขายเสื้อผ้าทั่วๆไป โอกาสที่จะสู้กับเจ้าใหญ่ก็จะยาก แต่ถ้าร้านขายเสื้อผ้าของเราเลือกที่จะหาลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น เปิดเว็บขายเสื้อผ้าคนอ้วน , เปิดเว็บขายเสื้อผ้า Cosplay เราก็มีโอกาสที่จะเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้มากกว่า และใช้เงินลงทุนน้อยกว่า
2. สินค้าหรือบริการไม่มีจุดเด่นที่แข่งขันได้
จุดเด่นของธุรกิจคุณคืออะไร ให้นึกถึง 4 P (Product , Price , Place , Promotion) ต้องดูว่าเรามีจุดแข็งอะไรที่สามารถสู้กับคู่แข่งได้ เพราะถ้าธุรกิจขนาดเล็กไม่มีจุดเด่นใดๆเหนือกว่ากิจการขนาดใหญ่ ลูกค้าก็มีโอกาสที่จะเลือกใช้บริการของธุรกิจขนาดใหญ่มากกว่า เพราะรู้สึกว่าเชื่อถือได้มากกว่า
ดังนั้นการจะประกอบธุรกิจขนาดเล็กให้ประสบความสำเร็จเราต้องมีแนวทางและสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดเเจาะจงลูกค้าเฉพาะที่จะมาเลือกซื้อสินค้าและบริการของเรา โดยลูกค้าในกลุ่มนี้จะมีจำนวนไม่มาก ทำให้ง่ายต่อการตอบสนองความต้องการ ธุรกิจขนาดเล็กจึงควรเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มนี้ ถ้าจะให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นจะขอยกตัวอย่างการเลือกลูกค้าเฉพาะกลุ่มดังนี้เป็นต้น
1. การเลือกลูกค้าจากอาชีพการทำงาน เช่น ทำธุรกิจที่เจาะกลุ่มอาชีพเฉพาะ ครู พยาบาล หมอ พนักงานคอมพิวเตอร์ สาวโรงงาน พนักงานบริษัท เป็นต้น เช่น ขายอาหารเสริมสำหรับบำรุงสายตาสำหรับพนักงานบริษัทที่ใช้คอมพิวเตอร์เยอะ เป็นต้น
2. การเลือกลูกค้าจากอายุ เช่น เด็ก , ผู้หญิงวัยทำงาน , ผู้สูงอายุ เช่น เปิดร้านนั่งเล่นสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น
3. การเลือกลูกค้าจากสิ่งที่ลูกค้าชอบเฉพาะเจาะจง เช่น สัตว์เลี้ยง , กีฬา , รถยนต์ เช่น เปิดร้านอุปกรณ์แต่งรถสำหรับรถ Nissan เป็นต้น
4. การเลือกลูกค้าจากรายได้ เช่น กลุ่มลูกค้ารายได้สูง , ลูกค้ารายได้ต่ำ เช่น เปิดร้านขายอาหารราคาถูกสำหรับผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น
5. ขายสินค้าไม่เป็นที่นิยม เพราะส่วนมากธุรกิจขนาดใหญ่มักขายสินค้าที่เป็นที่นิยม แต่สินค้าที่ไม่เป็นที่นิยมก็ยังมีคนสนใจอยู่ถึงแม้จำนวนลูกค้าจะไม่มาก
หลังจากกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างที่ต้องการแล้วเราก็จะสามารถผลิตสินค้าและบริการออกมาให้ตรงจุดหรือตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนั้นๆ จะช่วยทำให้ธุรกิจของเราสามารถขายสินค้าและบริการได้ตามกลุ่มเป้าหมาย แต่ถ้าอยากรู้ว่าสินค้าที่เรากำลังคิดจะนำมาจำหน่ายนั้นจะสามารถจำหน่ายให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เราสนใจได้หรือไม่นั้น ให้เราพิจารณาได้จากรายละเอียดดังต่อไปนี้ เช่น
1. ดูการแข่งขันของสินค้าในท้องตลาดและทำเล ว่ามีคู่แข่งที่ขายสินค้าแบบเดียวกันเยอะไหม เพราะถ้าการแข่งขันสูงโอกาสที่เราจะจำหน่ายได้ก็จะมีน้อย แต่ถ้าการแข่งขันมีไม่มากและสินค้าของเรามีคุณภาพสู้ได้แบบนี้ก็สามารถเลือกทำธุรกิจนั้นได้
2. สินค้าบางอย่างที่นำมาจำหน่ายต้องดูด้วยว่าลูกค้าในกลุ่มที่เราสนใจมีกำลังซื้อในระดับไหน และเราควรเลือกสินค้าที่คุณภาพในระดับใดถึงจะสามารถนำมาจำหน่ายได้ อย่างเช่น ถ้าต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นสาวโรงงานมีรายได้ไม่มากสินค้าที่นำมาขายควรเป็นสินค้าที่มีราคาไม่แพงมากไม่ว่าจะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เสื้อผ้า หรือแม้แต่ของกิน เป็นต้น แต่ถ้ากำลังคิดเจาะตลาดลูกค้าในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เช่น ในตำบลนั้น หรือในหมู่บ้านนั้น ให้เราพิจารณาจากรายได้แต่ละครอบครัว หรือฐานะและสภาพเศรษฐกิจของผู้คนในละแวกนั้นว่าจะมีกำลังซื้อสินค้าเราได้ในระดับไหน แล้วจึงค่อยตัดสินใจเลือกการประกอบธุรกิจให้เหมาะสมกับท้องถิ่นนั้นๆ เป็นต้น
3. การโฆษณาสินค้าสำหรับตลาดเฉพาะกลุ่ม เราควรรู้ว่าลูกค้าของเราใช้สื่ออะไร เราก็สามารถที่จะเลือกใช้สื่อในการโฆษณาได้เหมาะสม เช่น เราเปิดร้านอาหารสำหรับคนรักแมว (Cat Cafe) เราก็ควรที่จะไปโฆษณาในเว็บไซต์คนรักแมว , นิตยสารสัตว์เลี้ยง ก็จะทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้า โดยใช้เงินไม่มากนัก
การเลือกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมกับธุรกิจส่วนตัวของเรา จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถดำรงอยู่ได้ และช่วยให้คุณสามารถขยับขยายธุรกิจต่อไปจนกลายเป็นธุรกิจขนาดกลางหรือธุรกิจขนาดใหญ่ได้ในอนาคต
ื
ที่มา
http://www.thaismefriend.com/category/%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7/
บทความธุรกิจ : ทำธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) ควรเลือกตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market)
ปัจจุบันในบ้านเรามีธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) เกิดขึ้นมากมาย เพราะหลายฝ่ายได้หันมาให้การสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กหรือที่เรียกว่า SMEs มากยิ่งขึ้น และคนรุ่นใหม่ก็สนใจที่จะทำธุรกิจส่วนตัวหรือค้าขายกันมากขึ้น แต่ธุรกิจขนาดเล็กโดยมากแล้วจะเสียเปรียบธุรกิจขนาดใหญ่ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นในด้านเงินทุน การตลาด การโฆษณา รวมไปถึงในเรื่องของเงินทุนต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กหลายรายต้องปิดกิจการไปในเวลาไม่นาน สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กไม่ประสบความสำเร็จนั้นจะพอสรุปได้ดังนี้
1. มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน , ไม่เจาะจงกลุ่มลูกค้า ( ไม่ Niche Market )
การเป็นธุรกิจขนาดเล็กการจะบริการให้ได้ลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกประเภทคงเป็นเรื่องยาก ผิดกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีสินค้าและบริการหลากหลายรูปแบบหลายประเภทจึงสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้เกือบทุกกลุ่ม แต่ธุรกิจขนาดเล็กจะมีเงินทุนจำกัด การจะเจาะกลุ่มลูกค้าให้ได้ทุกกลุ่มจึงเป็นเรื่องยาก เช่น ถ้าเปิดร้านขายเสื้อผ้าทางเว็บไซต์ ถ้าธุรกิจขนาดเล็กขายเสื้อผ้าทั่วๆไป โอกาสที่จะสู้กับเจ้าใหญ่ก็จะยาก แต่ถ้าร้านขายเสื้อผ้าของเราเลือกที่จะหาลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น เปิดเว็บขายเสื้อผ้าคนอ้วน , เปิดเว็บขายเสื้อผ้า Cosplay เราก็มีโอกาสที่จะเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้มากกว่า และใช้เงินลงทุนน้อยกว่า
2. สินค้าหรือบริการไม่มีจุดเด่นที่แข่งขันได้
จุดเด่นของธุรกิจคุณคืออะไร ให้นึกถึง 4 P (Product , Price , Place , Promotion) ต้องดูว่าเรามีจุดแข็งอะไรที่สามารถสู้กับคู่แข่งได้ เพราะถ้าธุรกิจขนาดเล็กไม่มีจุดเด่นใดๆเหนือกว่ากิจการขนาดใหญ่ ลูกค้าก็มีโอกาสที่จะเลือกใช้บริการของธุรกิจขนาดใหญ่มากกว่า เพราะรู้สึกว่าเชื่อถือได้มากกว่า
ดังนั้นการจะประกอบธุรกิจขนาดเล็กให้ประสบความสำเร็จเราต้องมีแนวทางและสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดเเจาะจงลูกค้าเฉพาะที่จะมาเลือกซื้อสินค้าและบริการของเรา โดยลูกค้าในกลุ่มนี้จะมีจำนวนไม่มาก ทำให้ง่ายต่อการตอบสนองความต้องการ ธุรกิจขนาดเล็กจึงควรเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มนี้ ถ้าจะให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นจะขอยกตัวอย่างการเลือกลูกค้าเฉพาะกลุ่มดังนี้เป็นต้น
1. การเลือกลูกค้าจากอาชีพการทำงาน เช่น ทำธุรกิจที่เจาะกลุ่มอาชีพเฉพาะ ครู พยาบาล หมอ พนักงานคอมพิวเตอร์ สาวโรงงาน พนักงานบริษัท เป็นต้น เช่น ขายอาหารเสริมสำหรับบำรุงสายตาสำหรับพนักงานบริษัทที่ใช้คอมพิวเตอร์เยอะ เป็นต้น
2. การเลือกลูกค้าจากอายุ เช่น เด็ก , ผู้หญิงวัยทำงาน , ผู้สูงอายุ เช่น เปิดร้านนั่งเล่นสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น
3. การเลือกลูกค้าจากสิ่งที่ลูกค้าชอบเฉพาะเจาะจง เช่น สัตว์เลี้ยง , กีฬา , รถยนต์ เช่น เปิดร้านอุปกรณ์แต่งรถสำหรับรถ Nissan เป็นต้น
4. การเลือกลูกค้าจากรายได้ เช่น กลุ่มลูกค้ารายได้สูง , ลูกค้ารายได้ต่ำ เช่น เปิดร้านขายอาหารราคาถูกสำหรับผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น
5. ขายสินค้าไม่เป็นที่นิยม เพราะส่วนมากธุรกิจขนาดใหญ่มักขายสินค้าที่เป็นที่นิยม แต่สินค้าที่ไม่เป็นที่นิยมก็ยังมีคนสนใจอยู่ถึงแม้จำนวนลูกค้าจะไม่มาก
หลังจากกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างที่ต้องการแล้วเราก็จะสามารถผลิตสินค้าและบริการออกมาให้ตรงจุดหรือตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนั้นๆ จะช่วยทำให้ธุรกิจของเราสามารถขายสินค้าและบริการได้ตามกลุ่มเป้าหมาย แต่ถ้าอยากรู้ว่าสินค้าที่เรากำลังคิดจะนำมาจำหน่ายนั้นจะสามารถจำหน่ายให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เราสนใจได้หรือไม่นั้น ให้เราพิจารณาได้จากรายละเอียดดังต่อไปนี้ เช่น
1. ดูการแข่งขันของสินค้าในท้องตลาดและทำเล ว่ามีคู่แข่งที่ขายสินค้าแบบเดียวกันเยอะไหม เพราะถ้าการแข่งขันสูงโอกาสที่เราจะจำหน่ายได้ก็จะมีน้อย แต่ถ้าการแข่งขันมีไม่มากและสินค้าของเรามีคุณภาพสู้ได้แบบนี้ก็สามารถเลือกทำธุรกิจนั้นได้
2. สินค้าบางอย่างที่นำมาจำหน่ายต้องดูด้วยว่าลูกค้าในกลุ่มที่เราสนใจมีกำลังซื้อในระดับไหน และเราควรเลือกสินค้าที่คุณภาพในระดับใดถึงจะสามารถนำมาจำหน่ายได้ อย่างเช่น ถ้าต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นสาวโรงงานมีรายได้ไม่มากสินค้าที่นำมาขายควรเป็นสินค้าที่มีราคาไม่แพงมากไม่ว่าจะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เสื้อผ้า หรือแม้แต่ของกิน เป็นต้น แต่ถ้ากำลังคิดเจาะตลาดลูกค้าในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เช่น ในตำบลนั้น หรือในหมู่บ้านนั้น ให้เราพิจารณาจากรายได้แต่ละครอบครัว หรือฐานะและสภาพเศรษฐกิจของผู้คนในละแวกนั้นว่าจะมีกำลังซื้อสินค้าเราได้ในระดับไหน แล้วจึงค่อยตัดสินใจเลือกการประกอบธุรกิจให้เหมาะสมกับท้องถิ่นนั้นๆ เป็นต้น
3. การโฆษณาสินค้าสำหรับตลาดเฉพาะกลุ่ม เราควรรู้ว่าลูกค้าของเราใช้สื่ออะไร เราก็สามารถที่จะเลือกใช้สื่อในการโฆษณาได้เหมาะสม เช่น เราเปิดร้านอาหารสำหรับคนรักแมว (Cat Cafe) เราก็ควรที่จะไปโฆษณาในเว็บไซต์คนรักแมว , นิตยสารสัตว์เลี้ยง ก็จะทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้า โดยใช้เงินไม่มากนัก
การเลือกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมกับธุรกิจส่วนตัวของเรา จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถดำรงอยู่ได้ และช่วยให้คุณสามารถขยับขยายธุรกิจต่อไปจนกลายเป็นธุรกิจขนาดกลางหรือธุรกิจขนาดใหญ่ได้ในอนาคต
ื
ที่มา
http://www.thaismefriend.com/category/%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7/