หลังเทศกาลหนังผ่านไปหนังดีๆก็คลอดออกมาเป็นแผ่นจนเกือบตามเก็บไม่ทันและคงเสียดายมากแน่ๆ Enough Said ก็เข้าข่านั้นพอดี
หนังเกี่ยวกับหมอนวดหญิงที่ร่าเริงรักอิสระใช้ชีวิตสบายๆหลังจากเลิกกับสามีเก่ามาและก็มาได้เจอหนุ่มอ้วนนิสัยดีในงานปาร์ตี้ลงเอยด้วยการเดท
ทุกอย่างเริ่มเป็นไปด้วยดีจนเมื่อเธอรับนวดให้กวีหญิงคนหนึ่งที่เอาแต่บ่นเรื่องสามีเก่าไม่ได้เรื่องให้ฟังและเธอรู้ทีหลังว่าคนๆนั้นคือหนุ่มที่เธอเดตอยู่
จขกทห่างเหินจากหนังอินดี้ไปซักพักแล้วพอกลับมาได้ดูเรื่องนี้ก็ประทับใจกลับมาติดหนังอินดี้งอมแงมอีกรอบ เพราะหนังมีบรรยายสบายๆดูสนุก
แถมฉลาดเต็มไปด้วยบทสนทนาที่น่ารักและมีอารมณ์ขันพร้อมกับนักแสดงฝือมือมากมายที่ชวนให้หนังน่าติดตามมากขึ้นอย่าง Julia Louis-Dreyfus
ในบทนางเอกที่สร้างสรรค์ตัวละครได้มีชีวิตชีวาซึ่งก็สมกับการเข้าชิงลูกโลกทองคำ ฝั่งชาย James Gandolfini ก็ทำให้เราลืมร่างอ้วนๆไปและหลงรัก
ความอ่อนโยนของตัวละครแทน นักแสดงสมบทก็เกรดเอกันทุกคนทั้ง Catherine Keener, Toni Collette และก็อีกมากมาย
ประเด็นที่น่าสนใจของหนังคือถ้าเราทำนายพฤติกรรมของคนที่เราคบอยู่ได้จะทำยังไง บางคนอาจจะฟังจากหมอดูแม่นๆ แฟนเก่า เพื่อนที่เคยรู้จัก
คนเราจะมองแฟนเปลี่ยนไปมั๊ย แน่นอนว่าคนเราเวลาคบกันก็อยากปกป้องตัวเองจากอีกฝ่ายที่อาจจะไม่ดีพอตามที่คาดเอาไว้จากความประทับใจแรก
แต่การพับใครสักคนก็ต้องมีข้อเสียติดตัวมาอยู่แล้วและก็เป็นสิ่งที่เราเพ่งเล็งมากกว่าข้อดีที่มีอยู่ ยิ่งที่เคยเลิกกับแฟนมาก่อนเรื่องแบบนี้ยิ่งเป็นปัญหา
การมองปัญหาอาจจะช่วยให้เรารับมือกับพฤติกรรมของอีกฝ่ายได้แต่ถ้ามากเกินไปมันก็อาจจะเป็นการกัดกร่อนความสัมพันธ์ไปในตัว
เพราะการกระทำแบบนี้คือความไม่ไว้ใจกัน เมื่อไม่ไว้ใจการคบกันต่อก็เป็นไปได้ไม่ราบรื่นเหมือนเดิม คงจะดีกว่าถ้าเราได้รู้เรื่องไม่ดีพวกนั้น
แล้วใช้มันเพื่อเข้าใจกันและกันให้มากขึ้น หาวิธีปรับตัวกับเรื่องต่างๆ
Eva: I don't know, I mean, except maybe I was trying to protect myself, you know, because, you know, we've both been married before. And you know how things can turn out.
Albert: What about us? What about protecting us?
นอกจากนี้หนังก็เล่าความสัมพันธ์อีกหลายๆทางเป็นการให้เราเห็นเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมากขึ้น อย่างเรื่องของแม่ลูกที่ไม่เข้าใจกันในบางเรื่อง
ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดงานนิสัยบางอย่างที่ต่างกันหรือสถานภาพที่ตัวเองเป็นอยู่ ลูกสาวของนางมองว่าแม่ทำตัวห่างจากเธอ
ตัวแม่ก็เข้าใจว่าลูกอยากให้อยู๋ห่างๆ ความสัมพันธ์กับลูกค้านางเอกบางครั้งก็ใช้ลูกค้าคนอื่นตัดสินคนที่เจอว่าจะมีความคิดเหมือนกันหมด
ลูกค้าหนึ่งไม่ยอมช่วยเธอยกของ เธอก็รอให้เค้าเอ่ยปากขอช่วยแต่กลายเป็นว่าเธอแบกของเองทุกครั้งเพราะไม่ยอมเอ่ยปากของเอง
ความสัมพันธ์ของสามีเก่าทีเธอที่ทำให้รู้ว่าคนเรานั้นรับมือปัญหาไม่เหมือนกัน ในบางคู่อาจจะมองว่าการกระทำบางอย่างเป็นเรื่องตลก บางคู่มองว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่ต้องแก้ไข หากรับความคิดที่คนอื่นป้อนให้มากเกินไป มุมมองที่เรามีอยู่ก็เปลี่ยนไปด้วย
เรื่องธรรมดาก็เปลี่ยนเป็นปัญหาได้หากใจเรามองให้มันเป็นแบบนั้น
ช่วงท้ายๆของหนังการดำเนินเรื่องอาจจะอ่อนไปนิดเพราะตลอดทั้งเรื่องหนังมากำลังดีแต่ตอนท้ายบางอย่างง่ายและดูจงใจไปหน่อย
(อย่างชีวิตนางเอกที่พอตกอับมันก็แลดูอับไปซะทุกอย่างจริงๆ) แต่ก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้ทำลายความประทับใจในตัวหนังแต่อย่างใด
(9/10)
เชียร์ให้ไปดู
Enough Said หนังรักวัยกลางคนเบาๆสบายๆ
หนังเกี่ยวกับหมอนวดหญิงที่ร่าเริงรักอิสระใช้ชีวิตสบายๆหลังจากเลิกกับสามีเก่ามาและก็มาได้เจอหนุ่มอ้วนนิสัยดีในงานปาร์ตี้ลงเอยด้วยการเดท
ทุกอย่างเริ่มเป็นไปด้วยดีจนเมื่อเธอรับนวดให้กวีหญิงคนหนึ่งที่เอาแต่บ่นเรื่องสามีเก่าไม่ได้เรื่องให้ฟังและเธอรู้ทีหลังว่าคนๆนั้นคือหนุ่มที่เธอเดตอยู่
จขกทห่างเหินจากหนังอินดี้ไปซักพักแล้วพอกลับมาได้ดูเรื่องนี้ก็ประทับใจกลับมาติดหนังอินดี้งอมแงมอีกรอบ เพราะหนังมีบรรยายสบายๆดูสนุก
แถมฉลาดเต็มไปด้วยบทสนทนาที่น่ารักและมีอารมณ์ขันพร้อมกับนักแสดงฝือมือมากมายที่ชวนให้หนังน่าติดตามมากขึ้นอย่าง Julia Louis-Dreyfus
ในบทนางเอกที่สร้างสรรค์ตัวละครได้มีชีวิตชีวาซึ่งก็สมกับการเข้าชิงลูกโลกทองคำ ฝั่งชาย James Gandolfini ก็ทำให้เราลืมร่างอ้วนๆไปและหลงรัก
ความอ่อนโยนของตัวละครแทน นักแสดงสมบทก็เกรดเอกันทุกคนทั้ง Catherine Keener, Toni Collette และก็อีกมากมาย
ประเด็นที่น่าสนใจของหนังคือถ้าเราทำนายพฤติกรรมของคนที่เราคบอยู่ได้จะทำยังไง บางคนอาจจะฟังจากหมอดูแม่นๆ แฟนเก่า เพื่อนที่เคยรู้จัก
คนเราจะมองแฟนเปลี่ยนไปมั๊ย แน่นอนว่าคนเราเวลาคบกันก็อยากปกป้องตัวเองจากอีกฝ่ายที่อาจจะไม่ดีพอตามที่คาดเอาไว้จากความประทับใจแรก
แต่การพับใครสักคนก็ต้องมีข้อเสียติดตัวมาอยู่แล้วและก็เป็นสิ่งที่เราเพ่งเล็งมากกว่าข้อดีที่มีอยู่ ยิ่งที่เคยเลิกกับแฟนมาก่อนเรื่องแบบนี้ยิ่งเป็นปัญหา
การมองปัญหาอาจจะช่วยให้เรารับมือกับพฤติกรรมของอีกฝ่ายได้แต่ถ้ามากเกินไปมันก็อาจจะเป็นการกัดกร่อนความสัมพันธ์ไปในตัว
เพราะการกระทำแบบนี้คือความไม่ไว้ใจกัน เมื่อไม่ไว้ใจการคบกันต่อก็เป็นไปได้ไม่ราบรื่นเหมือนเดิม คงจะดีกว่าถ้าเราได้รู้เรื่องไม่ดีพวกนั้น
แล้วใช้มันเพื่อเข้าใจกันและกันให้มากขึ้น หาวิธีปรับตัวกับเรื่องต่างๆ
Eva: I don't know, I mean, except maybe I was trying to protect myself, you know, because, you know, we've both been married before. And you know how things can turn out.
Albert: What about us? What about protecting us?
นอกจากนี้หนังก็เล่าความสัมพันธ์อีกหลายๆทางเป็นการให้เราเห็นเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมากขึ้น อย่างเรื่องของแม่ลูกที่ไม่เข้าใจกันในบางเรื่อง
ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดงานนิสัยบางอย่างที่ต่างกันหรือสถานภาพที่ตัวเองเป็นอยู่ ลูกสาวของนางมองว่าแม่ทำตัวห่างจากเธอ
ตัวแม่ก็เข้าใจว่าลูกอยากให้อยู๋ห่างๆ ความสัมพันธ์กับลูกค้านางเอกบางครั้งก็ใช้ลูกค้าคนอื่นตัดสินคนที่เจอว่าจะมีความคิดเหมือนกันหมด
ลูกค้าหนึ่งไม่ยอมช่วยเธอยกของ เธอก็รอให้เค้าเอ่ยปากขอช่วยแต่กลายเป็นว่าเธอแบกของเองทุกครั้งเพราะไม่ยอมเอ่ยปากของเอง
ความสัมพันธ์ของสามีเก่าทีเธอที่ทำให้รู้ว่าคนเรานั้นรับมือปัญหาไม่เหมือนกัน ในบางคู่อาจจะมองว่าการกระทำบางอย่างเป็นเรื่องตลก บางคู่มองว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่ต้องแก้ไข หากรับความคิดที่คนอื่นป้อนให้มากเกินไป มุมมองที่เรามีอยู่ก็เปลี่ยนไปด้วย
เรื่องธรรมดาก็เปลี่ยนเป็นปัญหาได้หากใจเรามองให้มันเป็นแบบนั้น
ช่วงท้ายๆของหนังการดำเนินเรื่องอาจจะอ่อนไปนิดเพราะตลอดทั้งเรื่องหนังมากำลังดีแต่ตอนท้ายบางอย่างง่ายและดูจงใจไปหน่อย
(อย่างชีวิตนางเอกที่พอตกอับมันก็แลดูอับไปซะทุกอย่างจริงๆ) แต่ก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้ทำลายความประทับใจในตัวหนังแต่อย่างใด (9/10)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้